วันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันมอบรางวัลโนเบล
และเป็นวันระลึกถึงการจากไปของอัลเฟร็ด โนเบล ผู้ก่อตั้งรางวัลอันทรงเกียรตินี้
ในช่วงค่ำของงานมอบรางวัลจะมีเลี้ยงอาหารค่ำ หรือที่เรียกว่า ‘Nobel Banquet’ ณ ห้องโถงกลางศาลาว่าการกรุงสต็อกโฮมล์ ประเทศสวีเดน
หนึ่งในสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญและอยากรู้คือ ‘อาหารมื้อค่ำ’ ที่เสิร์ฟให้ผู้รับรางวัลโนเบลและแขกรับเชิญ ซึ่งล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญและราชวงศ์จากหลายประเทศทั่วโลก จะมีเมนูใดบ้าง
เพราะทาง Nobel Foundation ให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารในงานเลี้ยงไม่น้อยกว่าส่วนอื่นๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่จัดงานในปี 1901 ซึ่งมีแขกร่วมงานราวๆ 113 คน
แม้ปัจจุบันจะมีแขกร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำเพิ่มขึ้นราว 1,350 คน แต่อาหารที่เสิร์ฟยังคงรักษามาตรฐานชั้นเลิศไว้
โดยในแต่ละปี ทาง Nobel Foundation จะคัดเลือกเชฟผู้นำทีมปรุงอาหารที่มีชื่อเสียงในระดับสากล อย่างเช่น เชฟสายัณห์ อิศศักศร เชฟชาวสวีเดน สายเลือดไทย ที่มีดีกรีมิชลินสตาร์ 1 ดาวในสวีเดน เคยมีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นเชฟประจำงาน Nobel Banquet ปี 2015 และ 2016 ทำหน้าที่เสนอเมนู พร้อมปรุงอาหารให้ทาง Nobel Foundation ได้ลิ้มลอง จากนั้นอาหารทั้งหมดจะถูกปรุงโดยทีมเชฟและเสิร์ฟโดยพนักงานเสิร์ฟหลายร้อยชีวิตที่ได้รับการฝึกฝนสำหรับงานนี้ติดกันหลายสัปดาห์
แต่ที่พิเศษยิ่งกว่าคือ เมนูเหล่านี้จะถูกปิดเป็นความลับจนถึงวันงานเลี้ยง
ว่ากันว่าเมนูในงานเลี้ยงรับรองปีแรก เสิร์ฟอาหาร 5 คอร์ส สนนราคาอยู่ที่ราวๆ 200 ดอลล่าร์สหรัฐ
หนึ่งในอาหารไฮไลต์คือ ซอสแบร์เนส (Bearnaise) ของชาวฝรั่งเศสที่ทำจากไข่แดง หัวหอม ไวน์ น้ำส้มสายชู และสมุนไพร ซึ่งถือเป็นอาหารสุดหรูและมีส่วนผสมที่ราคาแพงในยุคนั้น
ในช่วงปี 1911-1920 เมนูยอดฮิตประจำงานเลี้ยงอาหารค่ำของรางวัลโนเบล คือ ซุปเต่า ซึ่งถูกเสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย
หลังจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 แม้ว่าอาหารในงานเลี้ยงจะถูกลดเหลือ 4 คอร์ส แต่ซุปเต่ายังคงเป็นหนึ่งในเมนูสุดหรู เพราะยิ่งหายากและมีราคาแพง
แต่เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อาหารในงานนี้ถูกลดจำนวนลงเหลือเพียง 3 คอร์ส และหนึ่งในนั้นคือ แซนวิช ซึ่งไม่เคยถูกจัดให้เป็นดินเนอร์สำหรับงานเลี้ยงระดับกาล่าดินเนอร์มาก่อน รวมทั้งเมนูรสเลิศอย่างซุปเต่า ถูกเปลี่ยนเป็นซุปข้นที่มีราคาย่อมเยากว่า
เอาล่ะ แล้วเมนูอาหารในปี 2019 มีอะไรบ้าง
ออเดิร์ฟ:
ไข่ปลา vendance จาก Kalix พร้อมแตงกวา, โคลราบิดองแบบเคี่ยว, ครีมผักชีลาวและซอสหัวผักกาด
(Kalix vendace roe with cucumber, pickle-poached kohlrabi, creamy dill and a horseradish sauce)
เมนคอร์ส:
เป็ดยัดไส้ เห็ดชองเทอเรลล์ และเลมอนไธม์, มันฝรั่งกับซอสคาราเมลกระเทียม,บีทรูทดองแบบปรุงรสและน้ำเป็ดอบ เสิร์ฟพร้อม กะหล่ำปลีใบย่น และเห็ดชิตาเกะรมควัน, หอมแดงอบและน้ำมันไม้สน
(Duck stuffed with black chanterelles and lemon thyme, potatoes with caramelised garlic, spiced pickled golden beetroot and a roast duck jus. Served with Savoy cabbage with smoked shiitake, baked onion and spruce oil)
ของหวาน:
มูสราสเบอรี่ มูสช็อกโกแลตแบบแห้ง, ผงวุ้นราสเบอร์รี่และไอศกรีมราสเบอร์รี่
(Raspberry mousse, dehydrated chocolate mousse, raspberry kissel and raspberry sorbet)
สำหรับคนที่อยากลิ้มลองรสชาติอาหารในงานเลี้ยงนี้สักครั้งในชีวิต สามารถจองโต๊ะที่ร้านอาหารสุดหรู ชื่อ Stadshuskällaren ที่อยู่ใต้ดินของศาลาว่าการที่เป็นสถานที่มอบรางวัลโนเบล
เพราะที่นี่ทุกคนสามารถสั่งอาหารที่ใช้จัดเลี้ยงในงาน Nobel Banquet ตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุบันได้ตามต้องการ
“งานเลี้ยงอาหารค่ำของการมอบรางวัลโนเบลเป็นงานเฉลิมฉลองที่โด่งดังไปทั่วโลก พวกเรามองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ได้เปิดโอกาสให้ผู้คนจากทั่วโลกมีโอกาสได้ลิ้มลองเมนูอาหารแบบเดียวกับในงาน และมีรสชาติเหมือนกันทุกคำ” Maria Stridh ผู้ร่วมก่อตั้งร้านอาหารแห่งนี้เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังเมนูต่างๆ
สำหรับเมนูอาหาร Nobel Banquet ปี 2019 ที่เพิ่งออกงาน และเปิดเผยสู่สาธารณชน
จะมีให้สั่งกินได้ที่ร้าน Stadshuskällaren ในต้นปี 2020 นี้.
อ้างอิง:
- Nobel Prize.Nobel Banquets a Century of Culinary History.http://bit.ly/38p1k82
- DW.Nobel Banquet: A Sumptuous Serve for Laureates and Royals.http://bit.ly/34474kg
- SmithSonian Mag.This Restaurant in Sweden Offers Every Meal Served at the Nobel Banquet Since 1922.http://bit.ly/2EaMvI8