life

แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่รายงานผ่านสื่อต่างๆ จะสูงขึ้นทุกวัน ชวนให้ตกใจมากพอแล้ว แต่เราก็ไม่อาจปักใจเชื่อได้ว่า นั่นเป็นตัวเลขที่แท้จริง

เพราะตัวเลขที่รับรู้อาจเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเล็กๆ ที่โผล่พ้นมหาสมุทร ข้างใต้อาจยังมีน้ำแข็งก้อนยักษ์ซ่อนอยู่ ซึ่งหมายถึงผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ไม่แสดงอาการปะปนอยู่กับคนทั่วไป

ติดเชื้อนะ แต่ไม่แสดงออก

ผู้ติด COVID-19 แต่ไม่แสดงอาการ มีจำนวนถึง 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด

รายงานจากองค์การอนามัยโลก (WHO : World Health Organization)

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในแต่ละประเทศไม่เท่ากัน นอกจากเรื่องความรุนแรงของการระบาดแล้ว อาจหมายความว่ายังมี ‘ผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงออก’ จำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ   

ในบรรดาผู้ป่วยทั้งหมดของประเทศจีน คนที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการใดๆ มีมากถึง 43,000 คน ทั้งหมดนี้ไม่ได้ถูกนำไปรวมกับยอดผู้ป่วยรวมของประเทศ เพียงแต่ให้กักตัวอยู่ในบ้าน และเฝ้าสังเกตอาการจนกว่าจะหายขาดเท่านั้น 

บนเรือสำราญ Diamond Princess ซึ่งถูกกักกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น ผลการตรวจผู้โดยสารและลูกเรือปรากฏว่า ในบรรดาผู้ติดเชื้อทั้งหมด 712 คน มี 334 คน ที่ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา  

ที่เกาหลีใต้เองก็เช่นกัน พวกเขาพบว่าแทบทุกรายที่แสดงอาการเพียงน้อยนิด ไม่ร้ายแรงจนถึงชีวิต ก็จะหายขาดจากโรคนี้ได้เอง อย่างไรก็ตาม เคสเหล่านี้จะยังถูกรวมอยู่กับจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด อีกทั้งเทคโนโลยีการตรวจโรคที่เข้าถึงประชาชนทุกคน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมของประเทศดูพุ่งสูงจนน่าตกใจ 

ต่างจากอเมริกาและอิตาลีที่จะตรวจเฉพาะผู้ที่แสดงอาการป่วยอย่างชัดเจน และบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องทำงาน หรือสัมผัสกับไวรัสโดยตรงเท่านั้น

แต่ไม่ว่าจะเป็นการตรวจคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง หรือคนที่แสดงอาการป่วยชัดเจนก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจในเรื่องนี้คือ เราไม่อาจประเมินว่าใครคือคนที่ติดเชื้อไวรัสได้ด้วยตาเปล่า

เพราะมีหลายเคสที่ไม่แสดงอาการ อีกทั้งบางรายอาจดูเป็นปกติไม่ต่างจากคนทั่วไป

 

แอบแพร่เชื้ออยู่เงียบๆ 

เป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้ติดเชื้อบางราย มีภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรงจนไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา แต่ที่น่าเป็นห่วงคือแม้ไม่อันตรายต่อตัวเอง แต่พวกเขายังเป็นภัยกับผู้อื่น เพราะพวกเขาคือพาหะที่ยังแพร่เชื้อได้เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือคนรอบข้างอาจไม่ทันได้ระแวดระวังตัว  

งานวิจัยเรื่องระยะของโรค COVID-19 ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ medRxiv พบว่า ในกลุ่มผู้ติดเชื้อจำนวน 91 รายในสิงคโปร์ มี 48% ที่ได้รับเชื้อมาจากคนที่เพิ่งเริ่มป่วยหรือกลุ่มที่ไม่แสดงอาการ 

แม้จะไม่ได้รับผลกระทบจากอาการป่วย แต่ปริมาณของไวรัสที่อยู่ในร่างกายของผู้ติดเชื้อเหล่านั้นจะมีเท่ากับผู้ป่วยทั่วไปทุกประการ 

ยิ่งไปกว่านั้นคนเราสามารถแพร่เชื้อได้แม้กระทั่งในระยะที่ไวรัสกำลังฟักตัว ผลการศึกษาพบว่าช่วงก่อนจะมีไข้ หรือในช่วงปกติของผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ เชื้อไวรัสจะไปรวมตัวอยู่ในบริเวณลำคอเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเผลอจามหรือไอก็ทำให้เชื้อฟุ้งกระจายได้อย่างง่ายดาย และกว่าอาการของโรคจะปรากฏชัดเจน ถึงตอนนั้นตัวผู้ป่วยก็แพร่เชื้อกระจายเป็นวงกว้างเสียแล้ว

 

เด็กๆ คือแหล่งเพาะเชื้อชั้นดี

ไวรัสนั้นใจดีกับเด็กๆ เพราะเมื่อพวกมันกระโดดเข้าไปอยู่ในร่างกายของคุณหนูๆ แล้วแทบจะไม่ส่งผลอะไรกับร่างกายของพวกเขาเลย

งานวิจัยของ Hiroshi Nishiura นักระบาดวิทยา จากมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ระบุว่า อัตราส่วนของผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการนั้น มักจะเกิดขึ้นในคนอายุน้อยๆ มากกว่าผู้สูงอายุ

จากเหตุการณ์แพร่ระบาดอันร้ายแรงที่อู่ฮั่น เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงถึง 44,000 ราย แต่มีผู้ป่วยที่อายุ 10-19 ปี เพียง 1% และมีผู้เสียชีวิตเพียง 1 คนเท่านั้น ยิ่งน่ายินดีที่ยังไม่มีรายงานว่าผู้ติดเชื้อที่อายุต่ำกว่า 10 ขวบเสียชีวิตด้วย COVID-19

ทำไมเด็กๆ จึงทนต่อไวรัส ?

“เด็กๆ จะพบกับอาการป่วยในช่วงแรกๆ ของชีวิตเป็นปกติ และในช่วงอายุนั้นเอง ร่างกายของพวกเขาจะรับมือได้อย่างเก่งกาจ และพร้อมจะพัฒนาภูมิคุ้มกันมาต่อสู้กับโรคใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี” Sharon Nachman หัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อในเด็ก โรงพยาบาล Stony Brook ในนิวยอร์ก กล่าว

แม้ไวรัสจะเข้าไปฟักตัวอยู่ในร่างกาย แต่พวกเขาจะหายขาดได้ด้วยตัวเอง 

เด็กๆ และผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการยังคงมีสถานะเป็นพาหะชั้นดีที่จะพาไวรัสไปติดกับคนในบ้านได้อย่างง่ายดาย เหตุนี้ทุกประเทศจึงจำเป็นต้องประกาศให้ปิดโรงเรียนและสถานที่สาธารณะ ตามนโยบาย Social Distancing หรือ เว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งยังคงเป็นวิธีป้องกันที่ใช้ได้ผลดีที่สุด ณ ขณะนี้ 

คนที่ดูไม่เป็นอะไรอาจกำลังมีไวรัสฟักตัวอยู่เงียบๆ ดูเหมือนว่าอาการติดเชื้อแต่ไม่แสดงออก จะทำให้เราต้องระแวดระวังตัว ไม่ไปใกล้ใคร และไม่ให้ใครมาใกล้เรา 

เว้นระยะห่างทางสังคมให้รัดกุมมากขึ้นเป็นอีกเท่าตัว 

 

อ้างอิง