รู้หรือไม่ ก่อนที่คนทั่วโลกจะเข้าใจตรงกันว่า VIP หมายถึง คนที่มีความสำคัญมากๆ เดิมทีคำว่า VIP มีต้นกำเนิดมาจากปลายปากกาของนักเขียน เคยข้องเกี่ยวกับความเป็นความตายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเพิ่งจะกลายเป็นคำย่อยอดฮิตที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกวันนี้ เพราะหัวคิดธุรกิจของเจ้าสัวกาสิโนในช่วงยุค 1960s
นักเขียน: หมอภาษาผู้ทำคลอดคำว่า VIP
การจดบันทึกหรือสิ่งตีพิมพ์ในอดีต คือ หลักฐานสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาใช้ยืนยันการมีอยู่ของคำศัพท์ แม้ว่าข้อมูลที่พบอาจไม่สามารถชี้ชัดถึงความเป็นมา หรือจุดเริ่มต้นของคำได้อย่างแม่นยำ แต่ก็นับเป็นเอกสารที่น่าเชื่อถือและมีน้ำหนักเพียงพอสำหรับใช้อ้างอิงได้
เช่นเดียวกับคำว่า VIP จากการสืบค้นย้อนกลับไปในอดีต พบการใช้คำนี้ครั้งแรกในปี 1933 จากนวนิยายตลกขบขันเรื่อง Water on the Brain ของนักเขียนชาวอังกฤษผู้มีชื่อว่า คอมพ์ตัน แม็คเคนซี (Compton Mackenzie)
ข้อความนั้น คือ “At the moment he has a V.I.P. with him.” … Miss Glidden seemed to divine his perplexity, … She turned round and whispered through a pursed up mouth, ‘Very Important Personage’
โดยแม็คเคนซีตั้งใจเขียนไว้อย่างตรงไปตรงมาว่า V.I.P. เป็นคำย่อของ Very Important Personage สำหรับใช้เรียกคนที่มีความสำคัญมากๆ ดังนั้น คำว่า V.I.P. ที่เขาต้องการสื่อในนวนิยาย จึงหมายถึง คุณคนสำคัญ
ต่อมาในปี 1934 พบการใช้คำว่า V.I.P. ในนิตยสารเป็นครั้งแรก ผ่านผลงานเขียนประเภทเรื่องสั้นของ เอช.ที.ดับบลิว บอสฟีลด์ (H.T.W. Bousfield) ซึ่งตีพิมพ์ลง The Windsor Magazine ในชื่อ The Only Girl Who Wasn’t a Bore โดยบอสฟีลด์คงความหมายและวิธีใช้เหมือนกับแม็คเคนซี
ข้อความนั้น คือ “Therefore when a Very Important Personage visited India he was much more awe-inspiring than he would have been if Europe were still scintillating with crowns. … “You can’t surprise me,” said the V.I.P., splashing noisily.
จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี 1939-1945 คำว่า V.I.P. กลายเป็นคำสำคัญสำหรับรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดให้กับผู้นำทางทหาร
นายทหาร: นักปฏิวัติผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้คำว่า VIP
ในภาวะสงคราม แต่ละฝ่ายต้องแข่งขันกันวางแผนกำลังพลและสร้างยุทธวิธีที่เหนือชั้นกว่า เพื่อหลอกล่อฝ่ายตรงข้ามให้สับสน ก่อนจะหาจังหวะซุ่มโจมตีศัตรูให้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ แล้วคว้าชัยชนะมาครอบครอง ความเป็นความตายในสนามรบจึงตัดสินได้เพียงแค่เสี้ยววินาที
บรรดานักบินในสังกัดกองทัพอากาศของสหราชอาณาจักร (Royal Air Force) ต่างเข้าใจความจริงข้อนี้มากกว่าใคร เพราะทุกครั้งที่พวกเขาออกบินปฏิบัติภารกิจ เท่ากับการตกเป็นเป้าโจมตีทางอากาศตลอดเวลา ทำให้นักบินบางคนไม่ได้บินกลับมาอีกเลย
และปัญหาก็อยู่ที่ว่า ต่อให้สุ่มเสี่ยงมากแค่ไหน แต่นายทหารระดับผู้บังคับบัญชาจำเป็นต้องใช้เครื่องบินโดยสาร เพราะเป็นวิธีเดินทางแบบเดียวที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด
ทหารในกองทัพอากาศฯ จึงตกลงกันว่า การเปลี่ยนมาใช้รหัสสื่อสารกันอย่างลับๆ แทน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็เป็นวิธีปกปิดข้อมูลการเดินทางของนายทหารได้อย่างแยบยล ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้สายลับฝ่ายศัตรูที่อาจแทรกซึมเข้ามาล่วงรู้ หรือต่อให้ถูกลักลอบดักฟังสัญญาณวิทยุสื่อสารก็มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่า ไม่น่าจะมีใครถอดความหมายได้
คำว่า V.I.P. ในหมู่นักบินของกองทัพอากาศฯ จึงกลายเป็นรหัสลับ สำหรับเรียกเครื่องบินที่นายทหารใช้โดยสาร
ต่อมาทางการทหารของสหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต เริ่มนำคำนี้ไปใช้ในทำนองเดียวกัน แต่สหภาพโซเวียตเปลี่ยนคำย่อใหม่ให้เข้ากับตัวอักษรในภาษารัสเซีย กลายเป็นคำว่า В.И.П. ย่อมาจาก Вecмa Имeнитaя Пepcoнa หมายถึง บุคคลสำคัญ
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง คำว่า V.I.P. จึงไม่ได้ถูกจำกัดขอบเขตการใช้งานให้อยู่แต่ในแวดวงทหารอีกต่อไป เพราะเริ่มแผ่ขยายไปยังชนชั้นนำของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศมหาอำนาจใหม่ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้ง 4 ประเทศ ซึ่งมีชื่อเรียกรวมกันว่า Big Fours ประกอบไปด้วย สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต สหราชอาณาจักร และจีน
แต่คนสำคัญที่ทำให้ V.I.P. เป็นคำทั่วไปที่ใช้กันแพร่หลายอย่างทุกวันนี้ คือ เจ้าของกาสิโน
เจ้าสัว: นักธุรกิจผู้มองเห็นโอกาสและความพิเศษจากคำว่า VIP
ช่วงทศวรรษที่ 60 ระหว่างปี 1960-1969 คือ ยุคทองของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ในขณะนั้นเอง สแตนลีย์ โฮ (Stanley Ho) เจ้าสัวชาวฮ่องกง และนักธุรกิจระดับมหาเศรษฐี ผู้มั่งคั่งจากกิจการกาสิโนยักษ์ใหญ่ในมาเก๊า เริ่มตั้งคำถามจากสิ่งที่เขาสังเกตเห็นว่า ทุกๆ วัน คนจำนวนมากต่างเข้ามาเล่นการพนันไม่ขาดสาย ภายในกาสิโนจึงมีแต่เสียงดังและความวุ่นวาย ในแง่ธุรกิจยังคงทำกำไรและเติบโตได้ดี แต่ในแง่การบริการ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาอาจเสียกลุ่มลูกค้าคนสำคัญที่ชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า
โฮจึงตัดสินใจสร้างห้องขนาดเล็ก ซึ่งแบ่งแยกพื้นที่ให้บริการจากลูกค้าทั่วไปอย่างชัดเจน เพื่อเอาไว้รับรองลูกค้ากลุ่มคนชั้นสูงที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ โดยเขาตั้งชื่อห้องนี้ว่า VIP เพราะมองเห็นโอกาสที่ซุกซ่อนอยู่ในคำว่า V.I.P. ซึ่งนิยมใช้กับชนชั้นนำของประเทศเท่านั้น
โฮตัดจุดทิ้ง และเปลี่ยนความหมายของตัวย่อ P จาก Personage เป็น Person เพื่อทำให้คำกระชับและสื่อความหมายชัดเจนมากขึ้น ลูกค้าในห้อง VIP จึงได้รับการบริการแบบพิเศษระดับดีเยี่ยมที่เหนือชั้นกว่าลูกค้าธรรมดา เพราะถือว่าเป็นคนสำคัญตามชื่อห้อง
ความพิเศษของห้อง VIP ที่โฮกำหนดมาตรฐานบริการไว้ กลายเป็นจุดสนใจใหม่ที่ดึงดูดลูกค้าคนสำคัญทั่วเอเชียให้เข้ามาเล่นการพนันได้อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจกาสิโนของเขาจึงประสบความสำเร็จสูงสุด จนสามารถขยายกิจให้ใหญ่โตเป็นอาณาจักรกาสิโนระดับโลก ทำให้โฮได้รับการยกย่องเป็น King of Gambling หรือ ราชาแห่งการเสี่ยงโชค
จากสายตาที่มองหาโอกาสเพื่อสร้างช่องทางเติบโตทางธุรกิจของโฮ นำไปสู่การเป็นผู้บุกเบิกใช้คำว่า VIP ในงานบริการที่ได้รับผลตอบรับเกินคาด หลังจากนั้น วงการอื่นๆ จึงนำแนวคิดของโฮไปปรับใช้ เพื่อบ่งบอกการเป็นคนพิเศษที่ต้องได้รับการปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษ
ดังนั้น หากตีความจากความหมายและวิธีใช้ของคำว่า VIP จะพบความจริงที่สะท้อนให้เห็นวิธีคิดแบ่งแยกคนด้วยผลประโยชน์บางอย่างเสมอ เช่น ตำแหน่งในหน้าที่การงาน อำนาจบารมี หรือสิ่งอื่นใดที่มีคุณค่าและมูลค่ามากพอสำหรับแลกเปลี่ยนกับการเข้าถึงบริการ เพื่อเป็นคนพิเศษที่มีความสำคัญมากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมักจบลงด้วยสิ่งที่เรียกว่า เงิน
อ้างอิง
- Barry Popik. VIP (Very Important Person). https://bit.ly/3fSuhfT
- Charlie Charters. Who created the first VIP concept? https://bit.ly/3jtn9ZR
- English Language & Usage. “VIP” and the acronym fad of the ’30s. https://bit.ly/3fKmXCV
Did you know?
- VIP ยังเป็นคำเฉพาะ สำหรับใช้เรียกแฟนคลับของกลุ่มศิลปินบอยแบนด์ชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้อย่าง Big Bang
- เพื่อบ่งบอกถึงการเป็นคนสำคัญยิ่งกว่า VIP จึงเกิดเป็นคำใหม่ว่า VVIP ย่อมาจาก Very Very Important Person