สิ่งหนึ่งที่คนจำนวนไม่น้อยมักจะตกลงไปในหลุมพรางระหว่างทำงาน คือการไม่ยอมรับผิดเมื่อทำงานพลาด
อาจเป็นเพราะพวกเขากลัวว่า ถ้าถูกจับได้ จะถูกหัวหน้าดุว่า หรือโดนหักคะแนนที่เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือบางทีก็เหตุผลง่ายๆ คือ กลัวเสียหน้า
แต่รู้ไหมว่า ในมุมมองของคนเป็นหัวหน้า โดยเฉพาะหัวหน้าที่เก่งมากๆ มักจะอ่านเกมออกทั้งหมด และยังรู้ด้วยว่าลูกน้องตัวเองเป็นคนมีนิสัยอย่างไร การทำงานเป็นแบบไหน ฉะนั้น ต่อให้ไม่ยอมรับผิด แต่หัวหน้าก็ดูออกอยู่ดีว่าใครผิดใครถูกกันแน่ ถ้ามีการนั่งไล่ดูงานขึ้นมาจริงๆ
ทว่าการยอมรับผิดไม่ใช่แค่ว่าตบตาหัวหน้าไม่ได้เท่านั้น แต่สำหรับหัวหน้า การเจอลูกน้องที่ไม่ยอมรับผิด ถือเป็นการพบ ‘จุดบอด’ ของทัศนคติสำคัญในการทำงานของลูกน้องคนนั้นเลยก็ว่าได้
ว่าแต่ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
อย่างแรก—คือคนที่ไม่สำนึกผิด หรือต่อให้ปากพูดขอโทษแต่ไม่ได้ยอมรับจากใจจริง คนเหล่านี้มักทำตัวเป็นเหมือนน้ำเต็มแก้ว จะเติม จะปรับอะไรเพิ่มก็ไม่ได้แล้ว เพราะเอะอะก็เอาแต่ปกป้องตัวเอง แต่ไม่คิดปรับปรุงตัว
อย่างที่สอง—คือคนที่ไม่ยอมรับผิด เป็นคนประเภททีพยากรณ์ได้เลยว่าเป็น toxic people สำหรับคนอื่นๆ ในทีม แม้กระทั่งต่อหัวหน้า นั่นเพราะความที่พวกเขามองไม่เห็นความผิดตัวเอง พวกเขาก็จะเอาแต่ปกป้องตัวเอง โยนความผิดไปที่คนอื่น หรือโยนความผิดไปที่ดินฟ้าอากาศ และไม่ได้ปรับอะไรให้ดีขึ้น ฉะนั้น คนที่ทำงานด้วย แน่นอนว่าปวดกบาลและไม่อยากทำงานร่วมกับคนเหล่านี้
ด้วยสองเหตุผลนี้ บางครั้งก็เพียงพอจะทำให้หัวหน้าที่ซีเรียสเรื่องคุณภาพคนทำงาน และสนใจการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดี สามารถ say no ให้คนที่ไม่ยอมรับผิดของตัวเองได้แบบง่ายๆ เพราะสุดท้ายแล้ว แค่นิสัยนี้นิสัยเดียว ก็ทำให้เป็นคนทำงานที่ผลักดันให้ก้าวเดินต่อได้ยาก แถมยังทำให้วัฒนธรรมองค์กรหรือทีมเสียอีกต่างหาก