©ulture

“…เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น… 

คะซุ เอ่ยเรียบๆ หลังจากรินเอสเปรสโซ่ร้อนๆ จากเหยือกลงในถ้วยกาแฟ ประโยคเมื่อสักครู่เป็นสัญญาณที่พาให้ใครก็ตามที่ได้นั่งเก้าอี้ตัวพิเศษในร้านแห่งนี้ ได้เดินทางข้ามเวลาไปพบกับใครบางคนที่นั่น   

(Photo : Cafe Funiculi Funicula,2018)

ทางเดินที่เป็นบันไดเล็กๆ ทอดลงไปยังชั้นใต้ดิน ที่นั่นเป็นที่ตั้งของคาเฟ่ ฟูนิคูลี ฟูนิคูลา อันเป็นสถานที่ที่เรื่องราวมหัศจรรย์ของการย้อนเวลาเริ่มต้นขึ้น มีโต๊ะเพียงไม่กี่โต๊ะ ที่มักมีลูกค้าประจำเข้ามาจับจองเก้าอี้ตัวเดิมของพวกเขา ร้านมีขนาดพอดีกับที่พนักงานทั้งสองคนจะดูแลได้อย่างทั่วถึง บาริสต้าหนึ่งเดียวคือ คะซุ หญิงสาวผู้สืบทอดกิจการร้านกาแฟจากแม่ผู้ล่วงลับ และ โทคิตะ ลูกพี่ลูกน้องของคะซุผู้รับหน้าที่เป็นพ่อครัว 

ตำนานประจำเมืองเล่าว่าร้านกาแฟเล็กๆ แห่งนี้ สามารถพาให้ย้อนเวลากลับไปยังอดีตได้ ผู้คนจึงหลั่งไหลต่อแถวเพื่อจะเข้าไปพิสูจน์ตำนานที่ว่านั้น แต่แล้วก็ค่อยๆ ซาไป แม้จะย้อนเวลาได้จริง แต่เมื่อได้ฟังกฎอันยิบย่อยสำหรับการย้อนเวลาแล้ว พวกเขาก็ล้มเลิกความตั้งใจไปเสียเอาดื้อๆ 

(Photo : Cafe Funiculi Funicula,2018)

Cafe Funiculi Funicula เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่เล่าเรื่องราวการย้อนเวลาแต่ละครั้งของผู้คนที่มาเยือนร้านกาแฟแห่งนี้ กำกับโดย อายูโกะ ซึคาฮาระ (Ayuko Tsukahara) ดัดแปลงมาจากนิยายอบอุ่นหัวใจที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในญี่ปุ่นเรื่อง Before the Coffee Gets Cold (コーヒーが冷めないうちに : Kohi ga Samenai Uchi niหรือ ‘เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น’ จากปลายปากกาของ คาวางุจิ โทชิคาซึ (Toshikazu Kawaguchi)  

หนังสือ Before the Coffee Gets Cold ฉบับภาษาอังกฤษ/ไทย และ โปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง Cafe Funiculi Funicula

ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามมักถูกคาดหวังว่าจะต้องทำออกมาได้ดีเท่าต้นฉบับ แม้ Cafe Funiculi Funicula มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเนื้อเรื่องหลายจุด แต่กลับเป็นการปรับเปลี่ยนที่ลงตัว พอเหมาะ พอดีสำหรับฉายบนจอเงินในระยะเวลา ชั่วโมง หากเคยอ่านหนังสือมาก่อน แล้วชมภาพยนตร์ ก็ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรส หรือดูหนังแล้วค่อยตามไปอ่านหนังสือก็อาจสนุกที่ได้มองเห็นมิติชีวิตของตัวละครมากขึ้น แม้จะถูกดัดแปลงไปบ้าง ทว่าใจความอันแข็งแรงของเรื่องยังถูกถ่ายทอดออกมาอย่างครบถ้วนและกินใจเหมือนเดิม ใครที่เคยเสียน้ำตาให้กับการอ่านนิยายเล่มนี้ หากได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ก็อาจจะต้องเสียน้ำตาอีกครั้ง 

(Photo : Cafe Funiculi Funicula,2018)

ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ผู้คนที่มาเยือนร้านกาแฟแห่งนั้นแบกเอาความเศร้าโศกหนักอันอึ้งมาด้วย ในความสัมพันธ์หลายรูปแบบพวกเขามีเรื่องหนักใจไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น 

หนุ่ม-สาว : ฟุมิโกะ หญิงสาวที่กำลังว้าวุ่นในใจ และ โกโร่ เพื่อนเก่าที่กำลังจะเดินทางไปเรียนต่ออเมริ 

สามี-ภรรยา : คะโยะ หญิงสูงวัยป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ที่หลงลืม ยาสุโนริ ผู้เป็นสามี 

พี่-น้อง : ฮิราอิ เจ้าของบาร์ใกล้ๆ เธอมักจะแวะมาดื่มกาแฟที่นี่ก่อนไปเปิดร้าน และต้องคอยหลบหลังเคาน์เตอร์ทุกครั้งที่ ‘คุมิ’ ผู้เป็นน้องสาวมาตามตื๊อให้เธอกลับไปรับช่วงต่อกิจการโรงแรมเรียวกังที่บ้านเกิด 

แม่-ลูก : คะซุ บาริสต้าสาวที่เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กับ เรียวสุเกะ นักศึกษาหนุ่มลูกค้าประจำของร้าน ในขณะที่เธอกำลังจะเริ่มมีชีวิตเป็นของตัวเอง อดีตเรื่องแม่ที่ยังไม่ได้สะสางก็กลับมารบกวนเธออยู่ทุกขณะ

(Photo : Cafe Funiculi Funicula,2018)

ภาพยนตร์เล่าปมเล็กๆ ในอดีตที่ค่อยๆ จับตัวเป็นก้อนหนักๆ จนแต่ละความสัมพันธ์แทบจะแบกต่อไปไม่ไหว แต่ละคนหวังว่าการย้อนเวลาจะช่วยให้พวกเขาก้าวเดินต่อไปได้โดยอดีตของพวกเขาเป็นเหมือนภาพยนตร์ที่ยังไร้บทสรุป ปัจจุบันเรื่องราวจึงดำเนินไปอย่างไร้ทิศทาง เพราะเรื่องต่างๆ ถูกละให้คั่งค้างอยู่แบบนั้น เพียงช่วงเวลาที่กาแฟยังอุ่น ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่ตัวละครได้ย้อนกลับไปยังอดีต คือช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทำให้พวกเขากลับไปในวันเก่าเพื่อสร้างบทสนทนาใหม่ๆ ที่จะไม่ทำให้พวกเขานึกเสียใจภายหลัง 

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในร้านกาแฟเรียบๆ ธรรมดา แม้ภาพยนตร์จะไม่ได้พาเราท่องไปไหน แต่ความเรียบง่ายของแต่ละฉาก ทำให้บทสนทนาอันเป็นใจความสำคัญของพวกเขาชัดเจนขึ้น 

(Photo : Cafe Funiculi Funicula,2018)

มีกฎเหล็กของการย้อนเวลาอยู่ 5 ข้อ ซึ่งนอกจะเป็นฟังก์ชั่นของการย้อนเวลาในภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่องนี้แล้ว นี่ยังแสดงให้เห็นถึงความจริงของเวลาที่มนุษย์เราต้องเผชิญด้วย 

กฎข้อ 1 แม้จะย้อนเวลาไป แต่เรื่องราวในปัจจุบันก็จะไม่เปลี่ยนแปลง 

กฎข้อ 2 จะออกไปจากร้านกาแฟแห่งนี้ไม่ได้

กฎข้อ 3  จะต้องกลับมาก่อนที่กาแฟจะเย็นลง

กฎข้อ 4 ต้องนั่งเก้าอี้ตัวพิเศษของร้าน และต้องรอจนกว่าคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้าจะลุกไปเท่านั้น

และข้อสุดท้าย คือ คนที่จะไปพบต้องเป็นคนที่เคยมาเยือนคาเฟ่นี้ 

(Photo : Cafe Funiculi Funicula,2018)

กาแฟที่ค่อยๆ เย็นชืดกำลังบอกเราว่าเวลาไม่เคยหยุดเดิน กฎแต่ละข้อที่คะซุพร่ำบอกก่อนรินกาแฟลงถ้วยก็ย้ำกับทุกคนที่มาเยือนว่า มนุษย์เปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้และใครก็ตามที่ยังคงว่ายวนอยู่ในความทรงจำเก่าๆ ก็เท่ากับว่าพวกเขากำลังสูญเสียปัจจุบันและอนาคตไปอย่างน่าเสียดาย เช่นเดียวกับวิญญาณผู้หญิงที่ต้องคำสาปและต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมตลอดกาล 

หลังกลับจากการเดินทาง แม้ว่าความจริงของปัจจุบันจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทว่าการเดินทางไปเยือนอดีตในช่วงเวลาสั้นๆ ของตัวละครทุกตัวกลับเปี่ยมด้วยความหมาย เพราะพวกเขาเข้าใจบางสิ่งที่จะทำให้ตัดสินใจได้ว่าจะใช้ชีวิตต่อจากนี้อย่างไร 

(Photo : Cafe Funiculi Funicula,2018)

ภาพยนตร์ชวนให้มองเห็นคุณค่าของเวลาที่ล่วงเลยไปอยู่ทุกขณะ เพื่อให้เราตระหนักว่าการจะเป็นอิสระจากอดีตคือเรียนรู้จากวันวานแล้วสร้างปัจจุบันกับอนาคตที่น่าจดจำ ในขณะเดียวกัน หากก้าวผ่านความโศกเศร้าในอดีตไปได้ยากยิ่ง หนังเรื่องนี้ก็ช่วยปลอบใจให้มีความหวังขึ้นได้ว่า แม้ตัวเราในวันนี้จะเป็นผลผลิตของปัญหาที่แก้ไม่ตกในวันวาน แต่อดีตจะกลายเป็นแค่ความทรงจำเพื่อแค่ให้เราได้เรียนรู้เติบโต ไม่ว่าวันคืนที่ย้อนกลับไปแก้ไข้ไม่ได้นั้นจะขมขื่นเพียงใด แต่มนุษย์เราจะก้าวผ่านมันไปได้ด้วยหัวใจดวงเดิมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล 

คุณเองก็ย้อนเวลาได้ เพียงชั่วเวลาที่กาแฟยังอุ่น หากได้กลับไปทบทวนอดีต สะสางสิ่งที่คั่งค้างในใจ เอ่ยคำที่อยากจะเอ่ยอย่างไม่นึกเสียดาย คุณจะกลับไปตอนไหน? 

สามารถรับชมภาพยนตร์เรื่อง Cafe Funiculi Funicula ได้ทาง Netflix