“จักรพรรดิแห่งวงการสถาปนิกญี่ปุ่น”
คือคำยกย่องอันคู่ควรที่ อาราตะ อิโซซากิ (Arata Isozaki) สถาปนิกรุ่นเก๋าวัย 87 ปี ของแดนอาทิตย์อุทัย ได้รับจาก ทาดาโอะ อันโดะ (Tadao Ando)* สถาปนิกรุ่นน้องชื่อดังของโลก
เพราะอิโซซากิเป็นเจ้าของผลงานสถาปัตยกรรมชื่อดังมากกว่า 100 แห่งทั่วโลก อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยในนครลอสแอนเจลิส หอประชุมแห่งชาติในประเทศการ์ต้า สนามกีฬาปาเลา เซนต์ ฆอดีย์ในบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นสถานที่จัดโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1992 ที่สเปน หอสมุดกลางคิตะคิวชูและตึกศิลปะมิโตะในญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะไฟน์อาร์ตในปักกิ่ง พิพิธภัณฑ์โดมุสในประเทศสเปน ซึ่งล้วนแล้วมีเอกลักษณ์และดีไซน์ล้ำกว่ายุคสมัย
นอกจากนี้ งานออกแบบระดับอินเตอร์และท้องถิ่นของเขายังสะท้อนสภาพสังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด จนทำให้ปี 2019 นี้ เขาได้รับรางวัลพริตซ์เกอร์ (Pritzker Prize)* รางวัลเกียรติยศสูงสุดของวงการสถาปัตยกรรมโลก ซึ่งเขาบอกติดตลกว่า “รู้สึกเหมือนได้มงกุฎไว้สำหรับวางบนหลุมศพ”
อาราตะ อิโซซากิ นับเป็นคนญี่ปุ่นคนที่ 8 ที่คว้ารางวัลใหญ่นี้ ตั้งแต่มีการมอบรางวัลครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1979
อะไรคือเบื้องหลังและแรงบันดาลใจการทำงานของ ‘จักรพรรดิแห่งวงการสถาปนิกญี่ปุ่น’ คนนี้
จากเด็กหนีตายสงครามสู่สนามสถาปนิก
“ผมโตในจุดศูนย์กลางระเบิดปรมาณู”
อิโซซากิเคยเล่าถึงชีวิตวัยเด็กของเขาในบ้านเกิดที่เมืองโออิตะ บนเกาะคิวชู ซึ่งอยู่ใกล้ฮิโรชิม่า ในวัย 14 ปี เขาต้องเผชิญความยากลำบากในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่ามกลางซากปรักหักพังที่ราบเป็นหน้ากลองเพราะระเบิดปรมาณู
แรงบันดาลใจในเส้นทางอาชีพสถาปนิกของเขา จึงไม่ได้มาจากสถาปัตยกรรมหรืออาคารบ้านเรือนอันสวยงาม หากแต่เป็นคำถามที่เกิดในใจ ท่ามกลางบรรยากาศช่วงสงครามที่มีเพียงค่ายทหารและบ้านพักชั่วคราวของผู้ประสบภัยว่า
“ผู้คนจะสร้างบ้านและฟื้นฟูเมืองใหม่อีกครั้งได้อย่างไร”
จากคำถามในวันนั้น ทำให้เด็กไร้บ้านคนนี้เลือกเรียนสถาปัตยกรรมที่มหาวิทยาลัยโตเกียวจนจบปริญญาเอก และเติบโตในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งได้มีโอกาสทำงานกับสถาปนิกชื่อดังในอดีตหลายคน เช่น Kenzo Tange สถาปนิกผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งสถาปัตยกรรมหลังสงครามของญี่ปุ่น โดยผลงานในช่วงแรกของอิโซซากิในช่วงแรก เริ่มจากโปรเจกต์พัฒนาบ้านเกิดที่ญี่ปุ่นก่อน
มากกว่าตึกอาคาร คือสถาปัตยกรรมสะท้อนสังคม
อิโซซากิตั้งบริษัท Arata Isozaki & Associates ในปีค.ศ.1963 และมีผลงานอันโดดเด่นอยู่ทั่วโลก ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย โดยมีคอนเซปต์การออกแบบสถาปัตยกรรม คือ ‘invisible’ ที่เน้นความรู้สึกผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งเขาเคยเปรียบเทียบงานของเขาเสมือนจักรวาล
“การออกแบบสถาปัตยกรรมเริ่มจากความว่างเปล่า และกลายเป็นบางสิ่ง และกลับเป็นความว่างเปล่าอีกครั้ง”
“การออกแบบสถาปัตยกรรมเริ่มจากความว่างเปล่า และกลายเป็นบางสิ่ง และกลับเป็นความว่างเปล่าอีกครั้ง”
นอกจากนี้ ตึกอาคารที่อิโซซากิออกแบบยังเต็มไปด้วยความหมาย สัญลักษณ์ รวมทั้งสะท้อนสังคมและวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนด้วยดีไซน์สุดล้ำที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ตะวันตก ตะวันออก ความโมเดิร์นสุดล้ำทั้งในระดับโลกและท้องถิ่นเข้าด้วยกัน รวมทั้งศาสตร์ต่างๆ อย่างปรัชญา ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม
สถาปนิกรุ่นเก๋าขวัญใจคนรุ่นใหม่
อิโซซากิได้ชื่อว่าเป็นสถาปนิกที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาสถาปัตยกรรมทั่วโลก เขาสนับสนุนให้สถาปนิกรุ่นใหม่ได้มีโอกาสใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ โดยจัดโปรเจกต์ เช่น Fukuoka Nexus World Housing และ Toyama Prefecture’s Machi-no-Kao และเชิญสถาปนิกรุ่นใหม่จากทั่วโลกมาร่วมกันพัฒนาบ้านและเมืองในญี่ปุ่น
ก่อนหน้านี้เขาได้รับรางวัลการันตีความสามารถของเขามาโดยตลอด อาทิเช่น Annual Priz ในเวที Architectural Institute of Japan ในปีค.ศ.1967 และ 1975 International Award “Architecture in Stone” ในปีค.ศ.1987 Chicago Architecture Award ในปีค.ศ.1990 และในเดือนพฤษภาคมนี้ อิโซซากิจะเดินทางไปรับรางวัลใหญ่แห่งวงการสถาปัตยกรรมอย่างรางวัลพริตซ์เกอร์ ประจำปี 2019 ที่ปารีส พร้อมรับคำชมที่คณะกรรมการของเวทีมอบให้
“อิโซซากิเป็นสถาปนิกที่เข้าใจถึงความจำเป็นของสถาปัตยกรรมเป็นอย่างดี ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก”
การตามหา ‘ความหมายของสถาปัตยกรรมที่แท้จริง’
ช่วงการทำงานสุดเข้มข้นในวัยหนุ่ม อิโซซากิไม่ได้นั่งออกแบบอยู่ในบริษัทสถาปนิกเก๋ๆ แต่เขามักเดินทางไปสำรวจสถานที่ต่างๆ หลายครั้ง เพื่อไปสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในท้องถิ่น เขาไม่ได้สนใจเพียงเมืองในญี่ปุ่นหรือเมืองใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังท่องเที่ยวไปตามประเทศมุสลิม ภูเขาลึกในจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมตามหา ‘ความหมายของสถาปัตยกรรมที่แท้จริง’ ซึ่งเป็นคำถามที่อยู่ในใจสถาปิกรุ่นใหญ่คนนี้เสมอมา
ตลอดการทำงาน 60 กว่าปี อิโซซากิออกแบบสถาปัตยกรรมมากกว่า 100 อาคาร ทุกแห่งมีดีไซน์ที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง
“ตัวตนของผมเลือกสร้างความแตกต่างในทุกงาน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สไตล์เดียว แต่การออกแบบทุกครั้งผมจะนึกถึงบริบทแวดล้อม และเน้นการสร้างสถาปัตยกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาสังคม”.
Fact Box
- รางวัลพริตซ์เกอร์ (Pritzker Prize) เป็นรางวัลประจำปีที่มอบเป็นเกียรติแก่สถาปนิกที่ยังมีชีวิตในปัจจุบัน เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2522 โดยส่วนหนึ่งของเกณฑ์ในการพิจารณาให้รางวัลคือ การสร้างนวัตกรรมที่ดีและมีคุณภาพ เสริมสร้างและบูรณาการการใช้เทคโนโลยีที่ดีในการก่อสร้าง รางวัลนี้เปรียบเสมือนรางวัลโนเบลผลงานทางด้านสถาปัตยกรรม
- ทาดาโอะ อันโดะ (Tadao Ando) สถาปนิกชาวญี่ปุ่น ผู้มีชื่อเสียงในการออกแบบที่เน้นเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติโดยใช้ระบบสัญลักษณ์เชิงปรัชญา และมีผลงานสถาปัตยกรรมชื่อดังหลายแห่งทั่วโลก จนเขาได้รับรางวัลพริตซ์เกอร์ในปีค.ศ.1995
อ้างอิง:
- The Guardian.’Buildings that defy categorization’ – Arata Isozaki wins 2019 Pritzker architecture prize.https://bit.ly/2NKh9My
- Wikipedia.Arata_Isozaki.https://bit.ly/2EStDyM
- Dezeen.Arata Isozaki to receive Pritzker Prize 2019.https://bit.ly/2EQqIXq
- Dezeen.Eight key projects by Pritzker Prize 2019 laureate Arata Isozaki.https://bit.ly/2HmqNDZ
- Wikipedia.Tadao Ando.https://bit.ly/2TlaRcd
- Wikipedia.Pritzker Architecture Prize.https://bit.ly/2Uq6AB4