กรุงเทพฯ ไม่มีดีแต่ห้าง หากสำรวจตามตรอกซอกซอย จะพบว่ามีมนต์เสน่ห์ซ่อนอยู่
โดยเฉพาะเส้นทางลัดเลาะในลำคลองสายต่างๆ ที่มีบ้านเรือนไม้อายุหลายชั่วอายุคนให้เห็นสลับกับบ้านยุคใหม่
สถาปัตยกรรมโบราณหลายหลังตั้งตระหง่านริมน้ำให้ผู้คนสัญจรไปมา เกิดความสงสัยว่า ‘บ้านหลังนี้เป็นของใครกันน้อ’
ในขณะที่อีกหลายหลัง ซุกซ่อนอยู่ให้เป็นปริศนา
แต่ก็ไม่พ้นสายตา คุณอิ๋ว-ชวิศา ชวลิตเสวี สาวจิตรกรรมผู้หลงใหลศิลปะและหลงรักบ้านเก่า จนสร้างเพจ ‘Bangkok Noire’ และชักชวนคนคอเดียวกันไปเปิดประตูอาคารและบ้านโบราณรอบกรุงเทพฯ หลายหลัง
ครั้งนี้ common มีโอกาสได้ลงเรือลำเดียวกันกับคุณอิ๋ว และเพื่อนๆ พี่ๆ ร่วมทริป หลากหลายวัย ตามไปชมและฟังเรื่องเล่าในบ้านเก่าริมคลอง
มนต์เสน่ห์คลองบางกอกใหญ่ ไม่ล่องเข้าไปไม่รู้
การเดินทางเที่ยวชมบ้านโบราณในกรุงเก่าครั้งนี้ เริ่มต้นที่จุดนัดพบ ณ ท่าน้ำวัดอรุณฯ โดยเรือด่วนเล็กประจำทริป พร้อมคุณอิ๋วเป็นไกด์ส่วนตัว
เส้นทางของทริปนี้คือ ล่องไปในแม่น้ำเจ้าพระยา และเลี้ยวขวาผ่านประตูน้ำเข้า ‘คลองบางกอกใหญ่’ ที่อยู่ระหว่างวัดกัลยาณมิตรและป้อมวิไชยประสิทธิ์
ความตื่นตาตื่นใจเริ่มตั้งแต่ผ่านประตูน้ำเล็กๆ ที่เรือหางยาวต่างมาล่องเรียงคิวกันรอเวลาเข้าออก และกระจายตัวกันเมื่อเข้าสู่คลองบางกอกใหญ่ ซึ่งมีชื่อเล่นว่า คลองบางหลวง
คลองสายนี้อยู่ในเขตธนบุรี ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นย่านที่พักของเหล่าขุนนาง คหบดี เจ้านายชั้นสูง
รวมไปถึงคนชาติอื่นอย่างจีน แขก มอญ ที่พากันเข้ามาทำการค้าในเมืองหลวงสมัยกรุงธนบุรีรุ่งเรือง
สองฝั่งคลองสายนี้ จึงกลายเป็นชุมชนเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์ ทั้งวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมยุคช่วงกลางรัตนโกสินทร์หลงเหลืออยู่
บ้านริมคลองหลายหลังเป็นบ้านฝรั่งในยุคโคโลเนียล และบ้านเก่าช่วงยุค ร.5 และ ร.6
มีจำนวนไม่น้อยที่ยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และถูกบูรณะใหม่โดยรุ่นหลาน หรือถูกซื้อขายเปลี่ยนผ่านไปหลายมือ เช่น บ้านของคุณหลวงธุรประกาส
เรือนคุณหลวงธุรประกาส บ้านโบราณที่ถูกชุบชีวิต
หนึ่งในความพิเศษของทริปชมสถาปัตยกรรมโบราณของ Bangkok Noire คือ การได้เข้าไปสัมผัสสถานที่จริง และพูดคุยกับเจ้าของบ้าน
อย่าง เรือนคุณหลวงธุรประกาส บ้านของขุนนางเก่าซึ่งถูกทิ้งร้างไว้หลายปี
จนคุณนพพล หนึ่งในอดีตสมาชิกทริปครั้งก่อน ซึ่งมีที่ดินอยู่ติดกัน ขอซื้อที่และเรือนหลัง เพื่อมารีโนเวทบ้านโบราณหลังนี้ให้เป็นร้านอาหารและคาเฟ่ในอนาคต
เมื่อสอบถามถึงประวัติคุณหลวงธุรประกาส ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านในยุคก่อน ทางคุณนพพลเองก็ไม่ได้รับคำตอบจากทายาทของคุณหลวงเช่นกัน อาจเป็นเพราะบ้านหลังนี้ทิ้งช่วงรุ่นต่อรุ่นยาวนานเกินไป
การชุบชีวิตครั้งนี้ คุณนพดลตั้งใจเก็บงานฝีมือช่างไม้โบราณทุกส่วนไว้ให้มากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นส่วนของบานเฟี้ยมประตู กระจกสีพิกุล พื้นไม้ โครงสร้างบันได และเพดาน
โรงเรียนวัดอัปสรสวรรค์ แหล่งความรู้เก่าอายุมากกว่า 100 ปี
อีกหนึ่งอาคารโบราณที่ทริปนี้พาเข้าไปชมเป็นพิเศษคือ โรงเรียนวัดอัปสรสวรรค์ ซึ่งโดยปกติไม่เปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชม
โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตวัดปากน้ำภาษีเจริญ เคยใช้เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาคารเก่าแก่สไตล์นีโอคลาสสิค
คุณเกษม พงษ์ไพบูลย์ อดีตนักเรียนของโรงเรียนนี้และเป็นผู้ดูแลที่นี่ทุกวันนี้ เล่าให้ฟังว่า
ตัวอาคารแห่งนี้มีการก่อสร้างเป็นแบบอาคารก่ออิฐ ฉาบปูน โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง ซึ่งเป็นวิวัฒนาการการก่อสร้างที่เข้ามาในประเทศไทยช่วงสมัยรัชกาลที่ 5
อาคารโรงเรียนวัดอัปสรสวรรค์แห่งนี้จึงยังแข็งแรง ไม่ทรุดพังไปมาตามกาลเวลา
แต่ถ้าหากยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไปบูรณะซ่อมแซมอย่างจริงจัง วันหนึ่งคงเหลือไว้แต่เพียงซากบางส่วนเท่านั้น
เรือนหอของพลตรีพระยาอินทรวิชิตกับคุณหญิงอินทรวิชิต บ้านไทยสไตล์วิคทอเรียนโกธิคที่สมบูรณ์ที่สุด
นอกจากทริปนี้จะได้ลัดเลาะริมคลอง เรายังได้เดินเท้าในย่านฝั่งธน ลัดเลาะไปหยุดชมเรือนหอของคุณหญิงอินทรวิชิต และพลตรีพระยาอินทรวิชิต รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในสมัยที่เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2475
บ้านไทยเก่าแก่สไตล์วิคทอเรียนโกธิค ที่สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 บ้านหลังนี้ไม่ได้เปิดให้ผู้คนทั่วไปได้เข้าชม และหากเดินผ่านหลายคนอาจไม่ทันสังเกตเห็น
เพราะซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบสงบ ถ่อมตัว ปกคลุมด้วยสวนสวยเล็กๆ ที่ทำให้เรือนหอหลังนี้โรแมนติกมากขึ้น
นอกจากอาคารโบราณสถานเหล่านี้ เรายังได้มีโอกาสเดินเข้าซอกซอยตามชุมชนเก่าบางย่าน ผ่านร้านค้า ตึกเก่า บ้านเรือน และได้เห็นวิถีความเป็นอยู่ของคนในชุมชน
ที่หลายครั้งเราอาจหลงลืมและเดินผ่านไม่ทันชื่นชมไปอย่างน่าเสียดาย.
อ้างอิง
- Bangkok Noire.Bangkok Noire.https://www.facebook.com/Bangkoknoire/