©ulture

หนังสือคือของขวัญที่แตกต่างจากสิ่งอื่นๆ

เพราะผู้รับไม่อาจล่วงรู้ความตั้งใจของผู้ให้ได้ในทันที จนกว่าจะเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้นจนจบ ถึงจะพบคำตอบ หนังสือแต่ละเล่มจึงเป็นของขวัญแทนความรู้สึกลึกๆ ในใจของผู้ให้ได้อย่างแยบคา 

becommon จึงคัดสรรหนังสือน่าอ่านจากเทศกาลหนังสือฤดูหนาว หรือ Winter​ Book Fest 2020 ‎‎มาให้เป็นตัวเลือกแทนความรู้สึกดีๆ สำหรับคนที่อยากมอบหนังสือเป็นของขวัญให้คนพิเศษเนื่องในโอกาสพิเศษ หรือจะมอบให้ตัวเองก็ได้เช่นกัน

1
โปรดโอบกอดมนุษย์ลูก

เมื่อเขาโตพอ...คุณต้องปล่อยมือ และต้องปล่อยมือให้ได้
ตอนนั้นจงปล่อยเขาให้ใช้ชีวิตของเขาเองด้วยความเต็มใจ
ม่ว่าคุณเองจะพร้อมหรือไม่ 

การโอบกอดควรเป็นพื้นฐานการแสดงออกถึงความรักต่อกัน ที่ไม่จำเป็นต้องมีใครมาบอกหรือเว้าวอนให้ทำ แต่ในความเป็นมนุษย์โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก คงไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจว่าการโอบกอดหรือการมอบความรักอย่างจริงใจเป็นสิ่งสำคัญของการเติบโต ซึ่งไม่ใช่แค่ในฐานะผู้ใหญ่ แต่หมายถึงในฐานะมนุษย์ผู้ได้รับความรักและพร้อมส่งต่อความรู้สึกที่ดีเหล่านั้นไปยังผู้อื่น

เมื่อความรักคือพลังแห่งการเติบโตไปสู่การมีชีวิตที่ดี แล้วจะมีประโยชน์อันใด หากความภูมิใจของแม่เกิดจากการใช้อำนาจบีบบังคับให้ลูกมีชีวิตในแบบที่คนเป็นแม่ต้องการเท่านั้น

วีรพรชวนมนุษย์แม่ทุกคนวางความต้องการและความคาดหวังของตัวเองลง แล้วเปิดใจให้กว้าง เพื่อทบทวนทั้งความคิดและสิ่งที่ทำกับลูกอยู่ว่า เป็นการทำร้ายเขาโดยที่เราไม่รู้ตัวหรือเปล่า เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้จึงเขียนมาจากทัศนะของวีรพร ในฐานะมนุษย์แม่คนหนึ่ง ด้วยความหวังเล็กๆ ว่า อาจช่วยให้แม่ (และพ่ออีกหลายๆ คน เข้าใจหนทางการเลี้ยงลูกที่จะไม่ทำร้ายใครในความสัมพันธ์นี้

ผู้เขียนวีรพร นิติประภา
สำนักพิมพ์SandClock Books
จำนวน200 หน้า
ราคาปก240 บาท (ปกอ่อน)

2
ความถูกต้องอยู่ข้างใคร
(The Righteous Mind)

เราต่างคิดว่าคนอีกฝ่ายนั้นมืดบอดต่อความจริง
เหตุผล วิทยาศาสตร์ สามัญสำนึก
แต่ในความเป็นจริง ทุกคนอาจจะกำลังมืดบอด
เมื่อพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างบูชา

การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะความขัดแย้งนี้ฝังรากลึกอยู่ในความเป็นมนุษย์มาตั้งแต่บรรพกาล เพียงแต่ปัจจุบันยิ่งทวีความรุนแรงและตึงเครียดมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในสังคมไทย ความไม่ลงรอยนี้เกิดขึ้นกับทุกสังคมทั่วโลก และไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงในเร็ววัน

จากผลการวิจัยเชิงลึกซึ่งใช้เวลาศึกษานานกว่า 25 ปี กลายมาเป็นหนังสือแนวจิตวิทยาที่เปิดเผยให้เห็นความรู้สึกและสัญชาตญาณบางอย่าง ซึ่งผูกโยงกับความเชื่อที่ทุกคนยึดมั่นถือมั่นอยู่ในใจ ทั้งประเด็นศีลธรรม (ถูก-ผิด และดี-เลวการเมือง (อนุรักษนิยม-เสรีนิยมและศาสนา โดยไม่โน้มเอียงไปทางฝ่ายหรือขั้วความเชื่อใด เพราะเนื้อหาทั้งหมดอ้างอิงจากผลการศึกษาที่เป็นกลางไร้อคติเอนเอียง ดังนั้น ไม่ว่าใครที่เลือกข้างอยู่ฟากไหน ย่อมอ่านและเข้าถึงเนื้อหาทั้งหมดได้ไม่ต่างกัน

หนังสือเล่มนี้จึงเปรียบได้กับสะพานและกุญแจดอกสำคัญในเวลาเดียวกัน ซึ่งคอยทำหน้าที่เปิดกว้างให้คนต่างความคิดความอ่านสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเข้าใจกันมากขึ้น เพราะชี้ให้เห็นตัวการที่คอยทำให้ทุกคนเลือกฝั่งแบ่งฝ่ายจนกลายเป็นความขัดแย้งในที่สุด

ผู้เขียนโจนาทาน ไฮดต์ (Jonathan Haidt)
ผู้แปล: วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ
สำนักพิมพ์be(ing)
จำนวน: 576 หน้า
ราคาปก: 439 บาท (ปกอ่อน)

3
กษัตริย์คือ(อะ)ไร?: มานุษยวิทยาสำหรับเยาวชน

กษัตริย์ก็คือคนที่วางตัวประหนึ่งเป็นพระเจ้า
กษัตริย์ทั้งหลายสร้างกฎเกณฑ์ต่างๆ ขึ้นมา
ทว่าพวกเขาเอง ไม่จําเป็นต้องทําตามกฎเหล่านั้นก็ได้ หากพวกเขาไม่ต้องการ 

เมื่อไพร่ฟ้าใคร่รู้เรื่องราวของราชาและราชินี การขบคิดเกี่ยวกับกษัตริย์จึงกลายเป็นเรื่องน่าสนใจเสมอ เพราะสะท้อนให้เห็นทั้งตัวตนและความเป็นมนุษย์ที่แตกต่างจากสามัญชน ซึ่งมักจะถูกสงวนไว้ ไม่ค่อยเปิดเผยต่อสาธารณชน ภาพชีวิตหรูหราและเหนือชั้นกว่าของกษัตริย์ที่เห็นกัน จึงมีที่มาและเหตุผลบางอย่างสนับสนุนอยู่ แต่คืออะไรล่ะ

ทุกข้อสงสัยในตัวกษัตริย์และความเป็นกษัตริย์ มีอยู่ในหนังสืออ่านสนุกเล่มนี้ ซึ่งชวนเด็กๆ ช่างสงสัย รวมถึงผู้ใหญ่ที่ยังไม่แน่ใจในคำตอบ (แม้ว่าเคยรู้มาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับกษัตริย์ มาทำความเข้าใจร่วมกันให้กระจ่างแจ้งว่า กษัตริย์คืออะไร เป็นใคร มาจากไหน ดำรงอยู่ได้อย่างไร และสิ้นสุดลงเมื่อใด ผ่านความรู้ประวัติศาสตร์ที่อธิบายด้วยภาษาง่ายๆ เพราะตั้งใจเขียนให้เด็กอ่านโดยเฉพาะ

ผู้เขียน: เดวิ เกรเบอร์ (David Graeber) และนิกา ดูบรอฟสกี (Nika Dubrovsky)
ผู้แปล: เก่งกิจ กิติเรียงลาภ และพนา กันธา
สำนักพิมพ์Illuminations Editions
จำนวน: 120 หน้า
ราคาปก: 180 บาท (ปกอ่อน)

4
จดหมายรักฝันกลางวัน

ระยะห่างของกาลเวลา ต่างกันเพียงแรกพบกับจากลา
ที่สั้นก็เพียงกลอนรักสองสามประโยค ที่ยามก็เคียงข้างด้วยเวลาชั่วชีวิต
เมื่อฉันมองย้อนเวลากลับไป ก็เห็นเพียงคุณ
เมื่อฉันมองคุณ ก็เห็นเวลาทั้งหมดในวันข้างหน้า 

โลกไม่ได้บังเอิญหมุนใครมาให้หรอก แต่ตั้งใจให้เราได้พบกับใครคนหนึ่งในสักวัน แต่ความรู้สึกตัวของคนเรามักจะช้าไปเสมอ เมื่อยังมีคนที่รักอยู่ใกล้ๆ จงถนอมความสัมพันธ์นั้นไว้ เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่า เราจะลาจากกันเมื่อไหร่ เมื่อวันนั้นมาถึง คงไม่มีใครอยากรู้สึกเสียดาย หรือเพิ่งมองเห็นคุณค่าของกันและกันในวันที่สายเกินไ

ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางเป็นความจริง แต่ถ้าย้อนเวลาได้ ลองถามตัวเองว่า อยากกลับไปช่วงเวลาไหนในชีวิตมากที่สุด หากยังสับสนในความรู้สึก เรื่องราวของ 9 ชีวิตในจดหมายรักฝันกลางวัน อาจช่วยให้มองเห็นภาพชัดมากขึ้น ซึ่งเป็นเหมือนนาฬิกาทรายที่เตือนให้ทุกคนหวงแหนคนรอบข้าง และเหมือนเครื่องย้อนเวลาพาทุกคนไปพบกับทุกตัวเลือกที่สำคัญตลอดชีวิตที่ผ่านมา เพื่อย้ำเตือนกับ อย่าปล่อยช่วงเวลาในชีวิตสูญเปล่า เพราะเราย้อนไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

ผู้เขียน: จางเฮ่าเฉิน (Zhang Hao Chen)
ผู้แปล: อัญชลี เตยะธิติกุล
สำนักพิมพ์: แพรวสำนักพิมพ์
จำนวน: 326 หน้า
ราคาปก295 บาท (ปกอ่อน)

5
ความน่าจะแมว (ฉบับสมบูรณ์)

หมายอมสละชีวิตเพื่อเจ้าของมันได้ ในขณะที่แมว
แม้เจ้าของสละชีวิตเพื่อมัน มันก็คงจะคิดแค่ว่า
แล้วไงช่างมึง’ หรือ ‘อ้าวตายแล้วเหรอแล้วมื้อเย็นกูล่ะทำไง?’

นี่คือบทบันทึกหนาเกือบสี่ร้อยหน้าคล้ายเจ้าเหมียวตัวอวบอ้วน ซึ่งบรรจุข้อเขียนเกี่ยวกับจักรวาลแมวไว้หลากหลายแง่มุม ทั้งความไร้แก่นสารชวนให้รื่นรมย์และขบขัน ไปจนถึงความจริงจังเชิงสัจธรรมและปรัชญาแห่งชีวิต โดยไม่ลืมจิกกัดสังคมและโครงสร้างที่เป็นปัญหาพอหอมปากหอมคอ

ไม่ว่าใครจะรู้สึกอย่างไรกับแมว หลายคนรักที่สุดจนยอมตกเป็นทาส รือต่อให้รู้สึกไม่ดีมากๆ เข้าขั้นเกลียดจนไม่อยากเข้าใกล้ แต่ทุกคนอ่านหนังสือเล่มนี้ได้เหมือนกัน ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นแมวเป็นมากกว่าสัตว์เลี้ยงสี่ขา

สำหรับคนที่เคยติดตาม ‘ความน่าจะแมว’ ฉบับพิมพ์ครั้งแรก (ตุลาคม 2551) ยิ่งต้องอ่าน (ผู้เขียนย้ำว่าโหมดบังคับเพราะเนื้อหาฉบับสมบูรณ์ นอกจากเรียบเรียงใหม่ทั้งหมดแล้ว ยังเพิ่มเติมเรื่องของแมวธรรมดาๆ อย่างแพนด้า และแป๊วแว้ว เข้าไปอีกเท่าตัว สำเร็จเป็นบันทึกบทสรุปที่สมบูรณ์ที่สุด

ผู้เขียนองอาจ ชัยชาญชีพ
สำนักพิมพ์เป็ดเต่าควาย
จำนวน384 หน้า
ราคาปก: 280 บาท (ปกอ่อน)

6
มานุษยวิทยา: ความรู้ฉบับพกพา
(Social and Cultural Anthropology: A Very Short Introduction)

ถ้าอยากรู้ว่ามานุษยวิทยาคืออะไร
ให้ดูสิ่งที่นักมานุษยวิทยาทำ

ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยาในคราบนักเล่าเรื่อง จะพาไปสำรวจวัฒนธรรมและสังคม ซึ่งเป็นรากฐานของมานุษยวิทยาหรือการศึกษาเรื่องราวของมนุษย์ทุกแง่มุม และทำความรู้จักกับบรรดานักมานุษยวิทยา ผู้เป็นเสมือนบรรพบุรุษทางความคิด ซึ่งทรงอิทธิพลต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

พร้อมตอบคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัย เช่น อะไรคือเอกลักษณ์ของความเป็นมนุษย์ กลุ่มของผู้คนอย่างครอบครัว ชนชั้น และชาติ ก่อตัวและยึดโยงกันได้อย่างไร หรือขอบเขตที่พอดีสำหรับเคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรมอยู่ตรงไหน

ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังสือในชุดความรู้ฉบับพกพา (Very Short Introductions) เนื้อหาทั้งหมดจึงมุ่งเน้นให้เห็นภาพความสัมพันธ์กว้างๆ ระหว่างมนุษย์กับวัฒนธรรมและสังคม ทั้งความสร้างสรรค์และความเสื่อมทราม คล้ายกับการแง้มประตูบานแรกเพื่อจุดประกายแรงบันดาลใจให้คนที่ต้องการต่อยอดความรู้ได้ออกท่องโลกกว้างทางมานุษยวิทยาต่อไป

ผู้เขียนจอห์น โมนาแฮน (John Monaghan) และ ปีเตอร์ จัสต์ (Peter Just)
ผู้แปล: วิภาส ปรัชญาภรณ์
สำนักพิมพ์Bookscape
จำนวน272 หน้า
ราคาปก: 325 บาท (ปกอ่อน)

7
หญิงสาวผู้ชิมอาหารให้ฮิตเลอร์
(Le assaggiatrici)

ความสามารถในการปรับตัวเป็นคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์
แต่ยิ่งปรับตัว ฉันก็ยิ่งรู้สึกเป็นมนุษย์น้อยลง

นวนิยายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของ มาร์กอท เวิล์ค (Margot Wölkในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เธอกับหญิงสาวอีก 14 คนทำหน้าที่เป็นคนชิมอาหารให้ฮิตเลอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าในอาหารไม่มียาพิษ ในบรรดาหญิงสาวทั้ง 15 คน เธอเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตจากสงคราม

ตัวละครเอกเป็นหญิงสาวชาวเบอร์ลินชื่อ โรซา เซาเออร์ สงครามทำให้เธอต้องทิ้งเมืองหลวงไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของสามีในหมู่บ้านชนบท โดยไม่รู้ว่าหมู่บ้านนั้นตั้งอยู่ใกล้กับกองบัญชาการลับของฮิตเลอร์  เธอถูกเรียกตัวไปทำหน้าที่เป็นคนชิมอาหารให้ฮิตเลอร์ เช่นเดียวกับผู้หญิงอีกหลายๆ คน ความสัมพันธ์ระหว่างคนที่ทำหน้าทีเดียวกัน จึงเต็มไปด้วยมิตรภาพและความอิจฉาริษยา แต่เธอยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายทหารคนหนึ่งขณะที่สามีของเธอไปรบในรัสเซีย

นวนิยายเล่มนี้ทั้งตีแผ่ความเป็นมนุษย์และเจาะลึกในความสัมพันธ์ที่คลุมเครือของมนุษย์ด้วยกัน ผ่านเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเปราะบางเมื่อเผชิญกับความรุนแรงของประวัติศาสตร์ และแข็งแกร่งเมื่อเผชิญกับความปรารถนาแห่งวัยสาว

ผู้เขียนโรแซลลา โปสโตริโน (Rosella Postorino)
ผู้แปล: สิรีธร ถาวรปิยกุล
สำนักพิมพ์: อ่านอิตาลี
จำนวน: 333 หน้า
ราคาปก300 บาท (ปกอ่อน) 

8
คิดถึงทุกปี

การที่เราทะนุถนอมคนที่เรารักมันเป็นเรื่องปกติ
แต่การถนอมหัวใจคนที่เราไม่ได้รัก ใครจะทำได้ซักกี่คน

รวมเรื่องสั้นอารมณ์รักปนขมที่ประทับตรึงอยู่ในดวงใจใครหลายคนจากปลายปากกานักเขียนซีไรต์ ผ่านภาษาสละสลวย เพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอดเนื้อเรื่องที่สะท้อนความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ปุถุชน ซึ่งไม่ได้กดดันให้รู้สึกเหมือนกัน เพราะเป็นความรู้สึกสามัญที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน โดยเฉพาะเรื่องสั้นชื่อเดียวกับชื่อหนังสือ เมื่อการตายของพ่อในวันที่ดอกตาเบบูย่าบานเป็นวันแรกของปี นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต

ข้อความแต่ละหน้ากระดาษ ถ่ายโอนความทะนุถนอมจากคนหนึ่งมาสู่อีกคนหนึ่งได้อย่างงดงาม เพื่อค่อยๆ ทำให้เราได้ซึมซับและทำความเข้าใจแง่งามของความสัมพันธ์หลากหลายระดับ ทั้งเรื่องบุคคลา ครอบครัว จนถึงสังคม หากเคยอ่านแล้วครั้งหนึ่ง ก็มักจะอยากหยิบมาอ่านอีกครั้ง คล้ายกับความคิดถึงใครสักคน เพียงแต่เป็นความคิดถึงที่เคลือบแฝงอยู่ในหนังสือ 

ผู้เขียนบินหลา สันกาลาคีรี
สำนักพิมพ์KOOB
จำนวน336 หน้า
ราคาปก299 บาท (ปกอ่อน)

9
Lunar Lunatic คุณคือดวงจันทร์ ฉันสิคนบ้า

เราผลัดกันตั้งคำถาม แลกคำตอบที่ยากบ้างไม่ยากบ้าง
เราคุยกันทุกเรื่องนั่นล่ะ เพลงที่ฟัง หนังที่ชอบ หนังสือที่อ่าน ความฝันที่อยากทำ
เราคุยทุกเรื่องยกเว้นเรื่องความรู้สึกและความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่
มันจึงยังคลุมเครือเหลือเกิน

รวมเรื่องสั้น 15 เรื่อง ที่มีดวงจันทร์เป็นศูนย์กลาง เจือจางไปด้วยละอองอารมณ์และบรรยากาศร่วมสมัย แต่เรื่องราวสั้นกระชับกลับดูเหมือนเป็นฉากหนึ่งในเรื่องราวยืดยาวของใครสักคน และเป็นบางห้วงเวลาในความสัมพันธ์ที่มักมีฝ่ายหนึ่งอยู่ในฐานะดวงจันทร์บนฟ้า คำถามคือ แล้วอีกฝ่ายจะตกอยู่ในฐานะอะไร

ก็คงเป็นได้เพียงคนบ้าๆ เพ้อคลั่งในความรัก เพราะแต่ไหนแต่ไร ดวงจันทร์ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แทนบางสิ่ง และมีอิทธิพลทำให้เกิดปรากฎการณ์บางอย่าง แม้กระทั่งความรู้สึกในใจ

ท่ามกลางความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่น และความรักที่ไม่เป็นดังใจหวัง ยังมีอีกคนจำนวนไม่น้อยชื่นชมความงามของดวงจันทร์ โดยหารู้ไม่ว่าการจ้องมองดวงจันทร์นานๆ อาจทำให้คลุ้มคลั่งราวคนบ้า แต่เมื่อรู้ว่าเป็นความบ้าที่เกิดจากความรัก เขาเหล่านั้นกลับไม่ติดใจใดๆ 

ผู้เขียน: ฉัตรรวี เสนธนิสศักดิ์
สำนักพิมพ์: P.S.
จำนวน: 96 หน้า
ราคาปก170 บาท (ปกอ่อน)

10
ทำไมสิ่งที่คุณน่าจะมองเห็น สมองกลับสั่งให้คุณมองไม่เห็น
(The Invisible Gorilla)

การมองทะลุม่านบังตาที่บิดเบือนมุมมองที่เรามีต่อตัวเองและโลกใบนี้
อาจช่วยให้คุณเข้าใจทุกอย่างตามความเป็นจริงเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้

ในการทดลอง ถ้ามีกอริลลาตัวหนึ่ง เดินผ่านหน้าไปอย่างช้าๆ จังหวะนั้น คิดว่าตัวเองจะมองเห็นมันหรือไม่ คนส่วนมากย่อมตอบว่าเห็น เพราะทุกอย่างชัดเจนโดยตัวมันเอง แต่ในชีวิตจริง ระหว่างที่กอริลลากำลังเดินอยู่ ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ อีกมากมายเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ทำให้ต้องเลือกว่าจะเพิ่งความสนใจไปที่สิ่งใดดี ดังนั้น หากตอบว่าเห็นภายใต้เงื่อนไขนี้ นั่นหมายความว่า เราอาจกำลังถูกสมองหลอกโดยไม่รู้ตัว

จากการทดลองทางจิตวิทยาที่ได้รับการกล่าวขานอย่างมากจนถึงทุกวันนี้ สู่หนังสือที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ฉุกคิดและทำความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจผ่านกลไกการทำงานของสมอง ผลลัพธ์ที่ได้ออกมากลับกลายเป็นเรื่องน่าฉงนมากขึ้นไปอีก เพราะบางเรื่องที่โจ่งแจ้งและเรียบง่าย แต่ทำไมเราถูกสมองกลั่นแกล้งจนทำให้มองไม่เห็น  จำไม่ได้ และตัดสินใจผิดเพี้ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ

ผู้เขียน: คริสโตเฟอร์ ชาบริส (Christopher Chabrisและเดเนียล ไซมอนส์ (Daniel Simons)
ผู้แปลวิโรจน์ ภัทรทีปกร
สำนักพิมพ์: วีเลิร์น
จำนวน: 352 หน้า
ราคาปก295 บาท (ปกอ่อน)

‎WINTER​ BOOK FEST 2020 
เทศกาลหนังสือฤดูหนาว‎ 

จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10​ – 20 ธันวาคม 2563
ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์  

รายละเอียดเพิ่มเติม Winter Book Fest