©ulture

Black Cherry –– ความโหยหาเป็นชื่อยาเสพติด

ยอมรับเถอะว่าคุณหนีความใคร่อยากไม่พ้น เพียงแต่โหยหามันอย่างทุรนทุรายในที่ลับตาคนเท่านั้น

วันหนึ่งคุณอาจเหลือบเห็นหนังสือเล่มนี้บนชั้น แล้วหยิบมันมาเปิดดูเพราะภาพหน้าปกไม่ก็ชื่อเรื่อง คุณยืนอ่านได้สักสองสามหน้า พลิกกลับสลับหน้าไปมา ให้เสียงกระดาษกลบเกลื่อนความกำหนัดที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ คุณอ่านมันด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะปิดมันลง เดินตรงไปจ่ายเงิน แล้วหนีบมันไว้กับตัวจนถึงบ้าน ก่อนจะกางมันออกอีกครั้ง แล้วสำเร็จความใคร่ด้วยตัวอักษรที่ไล้โลมดวงตา ตัวแล้ว ตัวเล่า อย่างระมัดระวัง

ลูกแก้ว โชติรส เขียนเรื่องสั้นที่เล่าเรียงเรื่องราวของตัวเองผ่านเสียงคราง คราบน้ำตา คำครหา บทสนทนาคลั่งใคร่ และมายาคติที่กร่อนกัดตัวตนของคนมานักต่อนัก ทุกความรวดร้าวและเร่าร้อนที่พบเจอได้มอบเดียงสาให้เธอจนเปี่ยมล้น เธอไม่ใช่เด็กสาวใสซื่อที่ไม่รู้ประสีประสาอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจแน่ใจได้ และหนังสือเล่มนี้แสดงให้เห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร ที่จะตรงไปตรงมากับความรู้สึกและตัวตนของตัวเองเช่นนั้น

และด้วยความตรงไปตรงมานั้นแหละที่ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าหลงใหล บทสนทนาที่ไม่ถูกบิดเบือนให้สวยงามจนเกินจริง ทำให้อมยิ้มและเผลอหัวเราะขึ้นมาหลายครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นคือน้ำตาที่เอ่อออกมาในบางช่วงบางตอน

จนกระทั่งอ่านจบ เรารู้สึกดีใจกับเธอมากๆ ที่สามารถใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์กับตัวเองได้ขนาดนี้ ดีใจที่เธอก้าวข้ามเรื่องแย่ๆ ในชีวิตมาได้ แล้วยังขอบคุณเรื่องเหล่านั้นด้วยใจจริง ดีใจที่เธอเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เพื่อตีแผ่แง่มุมของผู้หญิงที่มักถูกมองข้ามหรือตัดสินอย่างไม่เท่าเทียม

และที่ดีใจไปกว่านั้นคือตอนที่รู้ว่า ‘เธอกำลังจะจัดงานเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ ในแบบที่โคตรจะเป็นเธอ’

‘เจ้าแม่’

เชื่อว่าหลายคนรู้จักลูกแก้ว โชติรส จากเพจ ‘เจ้าแม่’ และทึ่งกับลีลาการเขียนที่ตรงตามใจอย่างที่ใครหลายคนไม่กล้าเขียน เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กล้าพูดถึงสัมผัสทุกสัมผัส โดยไม่เกรงกลัวต่อกรอบที่สังคมตั้งขึ้นมาบังหน้า กรอบที่เขากล่าวขานกันว่าศีลธรรมอันดีงาม ทว่าขัดแย้งกับธรรมชาติของความเป็นมนุษย์อย่างเหลือร้าย

ยั่วยวนอยู่บนหน้าจอได้พักใหญ่ เธอก็หันมาเขียนหนังสือรวมเรื่องสั้นร้าวร่าน ทำเอาลูกเพจหาอ่านกันให้ควั่ก แถมยังมีคนรู้จักเธอจากหนังสือเพิ่มขึ้นอีก

งานเปิดตัวหนังสือที่ปลดเปลื้องทุกเรื่องจนเปลือยเปล่า

หลังจากอ่านหลังสือจบไปเกือบอาทิตย์ P.S. Publishing และ Readery ก็ประกาศว่าจะจัดงานเปิดตัวหนังสือ ‘Black Cherry ความโหยหาเป็นชื่อยาเสพติด’ และด้วยคอนเทนต์ระดับ ‘เจ้าแม่’ ที่แทบไม่ได้ขัดเกลาต้นฉบับเพื่อให้คงความดิบมากที่สุด จนผลตอบรับดีเกินคาด จะจัดเป็นงานนั่งคุยกับนักเขียนเฉยๆ ก็กระไรอยู่

งานนี้เลยจัดเป็น Shibari & Talk โดย Unnamedminor (Rope Master) และ ลูกแก้ว โชติรส ที่รับผู้เข้าร่วมจำนวนจำกัดเพียง 30 ที่นั่งเท่านั้น มีลูกแก้วเป็นผู้คัดเลือกโดยให้ผู้อ่านรีวิวหนังสือสั้นๆ บนเฟซบุ๊กของตัวเอง นับเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีเลยทีเดียวว่าแต่ละคนหลงรักหนังสือในมือมากแค่ไหน แล้วมองเห็นอะไรในนั้นบ้าง

“…เราจะทั้งคุยกันไป นั่งมองการรีดรัดเรือนร่างกันไป แต่ในขณะเดียวกันก็คลายทุกความสงสัย ปลดทุกข้อจำกัด เปลื้องทุกสิ่งที่อยู่ในใจไปด้วยกัน…” 

คำชักชวนของลูกแก้วบนเพจเจ้าแม่ ทำให้เราไม่รอช้า รีบคว้าหนังสือที่เพิ่งอ่านจบหมาดๆ มาเขียนรีวิวตามกติกา เพื่อให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของการรึงรั้ง พันผูก กล้ำกลืน และคืนคลายทุกปมที่มีในใจออกมาพร้อมๆ กับเธอ

ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกร้าวร่าน

คำว่า ‘ร้าวร่าน’ เป็นคำที่ลูกแก้วรวมถึงผู้อ่านคนอื่นใช้อธิบายผลงานและความเป็นเธออยู่บ่อยๆ และเป็นคำที่หวนนึกถึงอีกครั้งเมื่อเข้ามาในงาน เพราะเราได้รับของที่ระลึกสามอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าได้ก้าวเข้ามาสู่โลกของเธอแล้ว นั่นก็คือ โปสการ์ดรูปแมว บัตรแลกเครื่องดื่ม และถุงยางอนามัยกล่องสีชมพูเขียวคุ้นตา

ระหว่างนั่งรอคนทยอยเข้ามาสักพัก ลูกแก้วและคุณจุ๋มก็เฉลยไปพลางว่าถุงยางอนามัยในมือเป็นเพียงกล่องเปล่าเท่านั้น เผื่อว่าใครคิดจะใช้จะได้ซื้อกล่องใหม่ได้ทันท่วงที แม้จะพูดแกมขำ แต่การใส่ใจเรื่อง(ไม่)เล็กแบบนี้แสดงให้เห็นว่า เธอให้ความสำคัญกับการป้องกันและความปลอดภัยมากๆ

ปลอดภัยแล้ว ต้องยินยอมพร้อมใจด้วย

“เซ็กส์ทุกครั้งคือการถามทวน ต้องมีความยินยอมพร้อมใจทั้งสองคนทุกครั้ง การยอมครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมตลอดชีวิต”

ลูกแก้วยกประเด็นจากเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งในเล่มมาทวนซ้ำ ย้ำว่าสมการเซ็กส์ของเธอต้องประกอบด้วย ‘ความยินยอมพร้อมใจ’ และ ‘ความปลอดภัย’ และอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

เธอกล่าวทิ้งท้ายว่า กล่องถุงยางที่ระลึกนี้ นอกจากจะเก็บไว้เพื่อนึกถึงหนังสือแล้ว ก็อยากให้นึกถึงสองสิ่งนี้เสมอ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเมิดทุกครั้งที่มีเซ็กส์

บทสนทนาระหว่างรอฟ้าเปลี่ยนสี

แสงแดดที่แยงลอดหน้าต่างดูไม่ใช่บรรยากาศที่เหมาะแก่การพันธนาการเท่าไรนัก เราเลยนั่งคุยกันอีกสักพัก โดยมีลูกแก้ว คุณจุ๋ม และผู้เข้าร่วมนั่งล้อมวงกัน เสียงดังเบาตัดสลับกับความเงียบและเสียงหัวเราะเป็นระยะ

‘เมื่อคืนกูร้องไห้ กูร้องไห้เพราะว่ากว่ากูจะเป็นผู้หญิงแบบกูได้นั้น มันเจ็บปวดเหลือเกิน’ 

นี่เป็นโควตหนึ่งในหนังสือที่ถูกหยิบยกขึ้นมาโดย นานา วิภาพรรณ ผู้ก่อตั้ง Thaiconsent ที่เหล่าเฟมินิสต์น่าจะคุ้นหูคุ้นตาเป็นอย่างดี เธอชอบโควตนี้และรู้สึกว่ามันจริงมาก เหมือนกับเรื่องราวที่ผู้คนมาบอกเล่าในเพจของเธอ อีกทั้งเรื่องนี้ยังทำให้เห็นการเติบโตของลูกแก้วที่กลายเป็นคนเข้มแข็ง (ส่วนตัวเราก็ชอบและปริ่มๆ จะเสียน้ำตาให้กับโควตนี้ทุกครั้ง แนะนำให้ไปลองอ่านเรื่องเต็มกันนะ)

“…เราพูดถึงเพศแบบเดียวกับที่เราพูดถึงผี ว่าอย่าพูดนะ เดี๋ยวมันจะมาหา อย่าพูดนะ เดี๋ยวคืนนี้มันจะมาอยู่ปลายเตียง…”

ผู้เข้าร่วมคนหนึ่งพูดขึ้น และชื่นชมความซื่อสัตย์ต่อตัวเองของลูกแก้ว ที่บอกเล่าทุกอย่างโดยไม่ยอมให้ความเชื่อผิดๆ ในสังคมมาครอบงำ

ลูกแก้วเห็นด้วยมากๆ ว่าสังคมสมัยนี้ยังไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร ผู้หญิงถูกพร่ำสั่งให้รักนวลสงวนตัว ในขณะที่ผู้ชายมีอิสระกว่ามาก เรื่องบนเตียงมักถูกเก็บไว้หลังประตูห้องนอนของผู้ (ที่คิดว่าตัวเอง) ใหญ่เท่านั้น ทำให้เพศศึกษาเป็นเรื่องไกลตัวจนเกิดความไม่เข้าใจกระทั่งเข้าใจผิด

การที่สังคมปกปิดเรื่องนี้มันน่ากลัวถึงขนาดที่เวลามีคนสั่งหนังสือเธอ บางคนขอให้ห่อปกทึบเพื่อไม่ให้คนในบ้านรู้ หรือแม้แต่รีวิวที่ให้โพสต์เป็นสาธารณะเพื่อคัดเลือกคนที่จะมางานนี้ ก็ทำเอาหลายคนตัดใจเพราะไม่สามารถพูดถึงหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องเซ็กส์อย่างเปิดเผยลงบนเฟซบุ๊ก ที่มีทั้งญาติพี่น้องรวมถึงสังคมที่ทำงานรออ่านอยู่ตลอดเวลา มันทำให้เราไม่ได้รู้เรื่องที่ควรรู้ และไม่ได้แสดงออกเรื่องที่ควรได้แสดงออก

แด่ผู้หญิงทุกคน

ลูกแก้วเล่าให้เราฟังถึงความโชคดีของเธอ ว่าครอบครัวเธอค่อนข้างหัวโบราณ และมักสอดส่องสอนลูกหลานผู้หญิงทุกคนให้เรียบร้อย รักนวลสงวนตัว แต่ไม่ใช่กับเธอ

การได้ใส่บิกีนีตัวจิ๋วหรือเสื้อสายเดี่ยวรับลมร้อน กลายเป็นที่สิ่งที่ครอบครัวยอมรับได้เฉพาะกับเธอเท่านั้น ด้วยตัวตนที่เธอเป็นมาตั้งแต่แรก ทำให้ผู้ใหญ่ส่วนมากต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พอเป็นลูกแก้วแล้ว มันดูเป็นปกติ”

อาจเป็นเพราะเธอได้บรรลุเป้าหมายอะไรบางอย่างที่พวกเขาตั้งไว้ เช่น เรียนเก่ง เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้ ทำให้ได้รับข้อยกเว้นที่จะไม่ทำตามค่านิยมกุลสตรีรักนวลสงวนตัว ราวกับต้องมีบางสิ่งมาแลกสิทธิที่จะได้เป็นตัวของตัวเอง บนมาตรฐานที่เธอและเด็กผู้หญิงคนอื่นไม่อาจกำหนด ซึ่งมันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

ทุกคนควรมีสิทธิที่จะเป็นผู้หญิงในแบบที่ตัวเองอยากเป็น มีสิทธิที่จะใส่ชุดอะไรก็ได้ และได้รับการยอมรับเป็น ‘ปกติ’ เช่นเดียวกับเธอ

ความน่ารักอีกอย่างของลูกแก้วคือเธอส่งหนังสือเล่มนี้ให้น้องๆ หลานๆ ที่เป็นผู้หญิงทุกคนอ่าน ให้พวกเขาได้เห็นถึงผู้หญิงแบบอื่นที่มีอยู่จริง แต่ไม่ได้ถูกพูดถึงมากนักในหนังสือ ละคร หรือภาพยนตร์ ได้เห็นความหลากหลายที่ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ชายหญิงเพียงสอง เธออยากให้ทุกคนรู้เหมือนที่เธอได้รู้ และเป็นตัวเองอย่างที่เธอได้เป็น

ความสัมพันธ์กับการพันผูก

ในการแสดงชิบาริครั้งนี้ ไมเนอร์ (Unnamedminor) บอกว่าไม่อยากให้เรียกว่าการแสดง (performance) แต่เป็นการสื่อสารและทำความรู้จักลูกแก้วให้มากขึ้นผ่านเชือกมากกว่า ระหว่างที่กำลังผูกมัดรัดตรึง เราต้องบอกทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง เพื่อรักษาความปลอดภัยของกัน เราต้องใส่ใจทั้งร่างกาย ความรู้สึก ความเจ็บปวด ความต้องการ ตลอดจนลมหายใจ

และเพราะสิ่งสำคัญของความสัมพันธ์ทุกรูปแบบคือการสื่อสาร ความรักจึงเหมือนกับการพันธนาการ ตรงที่เราอาจโกหกว่าไม่เป็นอะไรทั้งๆ ที่เจ็บและมีบาดแผล เพียงเพราะอยากให้มันผ่านไปเร็วๆ อยากไปต่อโดยไม่หยุดชะงัก แต่ความจริงเราไม่ควรโกหกกันเลย เจ็บต้องรีบบอก จะได้รีบปรับตัว แก้ไข คลายปม แม้จะทำให้อะไรๆ ช้าลง แต่หากดันทุรังต่อไปโดยไม่บอก ทุกอย่างจะต้องพังลงในที่สุด

ภาพที่ ‘นานา Thaiconsent’ สเก็ตช์ระหว่างการแสดงชิบาริ

“การมัดทำให้เรารู้สึกในจุดที่ไม่เคยรู้สึก”

หลังเชือกเส้นสุดท้ายคลายลงจากตัว มีคนถามลูกแก้วว่าเจ็บหรือเปล่า เธอตอบขณะที่ยังมีรอยมัดจางๆ ตามร่างว่า มันเจ็บนะ แต่เป็นความเจ็บที่มาจากการยินยอมพร้อมใจ และแม้ร่างกายจะเจ็บ เธอก็ยังมีความสุขจากความเชื่อใจ ว่าอีกฝ่ายที่แคร์แม้กระทั่งลมหายใจของเธอจะไม่มีวันปล่อยให้เธอเป็นอันตราย

การมัดทำให้เธอได้เปิดโลกใหม่ โลกที่มีใครอีกคนอยู่ข้างๆ คอยดูแลเอาใจใส่ในทุกสัมผัส

อย่างไรก็ตาม ‘ชิบาริ’ เป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยความเข้าใจและความเชี่ยวชาญ ห้ามลองเองที่บ้านนะ

เรื่องสั้นเล่มแรกผ่านไปแล้ว ความโหยหาต่อไปของลูกแก้วคือ?

แม้จะมีคนท้วงว่าหนังสือเล่มนี้ไม่แรงเท่าที่คาด หรือไม่ขยี้การเมืองมากเท่าที่หวัง แต่เสียงส่วนมากก็ยังชื่นชมกับความลงตัวที่ไม่มากไปหรือน้อยไป และขณะที่นั่งคุยกันอยู่ในงาน มีคนถามขึ้นมาว่าจะมีเล่มสองไหม ลูกแก้วยิ้มก่อนจะพันธนาการตัวเองว่า

“ถ้าเป็นไปได้ เล่มต่อไปอยากเขียนนิยายค่ะ”