©ulture

การเปิดหนังสืออ่าน ก็เหมือนการเปิดโลกกว้างและเปิดโอกาสให้ตัวเราออกไปสำรวจสิ่งต่างๆ ได้ไม่รู้จบ

เพราะเรื่องราวในหนังสือแต่ละเล่มสามารถพาผู้อ่านทุกคนออกเดินทางไปยังสถานที่อันห่างไกล เพื่อมอบประสบการณ์แปลกใหม่ผ่านสิ่งที่ผู้เขียนตั้งใจถ่ายทอดลงบนหน้ากระดาษ

หนังสือบางเล่มจึงพาเราออกไปสำรวจสิ่งรอบตัวเพื่อย้ำเตือนว่าทุกอย่างเกิดขึ้นและแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

บางเล่มบอกกับเราว่าการเรียนรู้อดีตทำให้ปัจจุบันและอนาคตมีความหมายกับชีวิต

หรือบางเล่มอาจทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างถ่องแท้

เช่นเดียวกับหนังสือที่ common คัดสรรมาทั้ง 10 เล่ม ที่จะพาคุณออกเดินทางไกลสำรวจโลกกว้าง ทั้งโลกภายในและภายนอก ในช่วงเวลาที่เราทุกคนต้องกักตัวอยู่บ้าน หรือในพื้นที่แคบๆ ไม่กี่ตารางเมตรในคอนโด

 

1

สำรวจโลกในมุมต่างกับ ‘เถื่อน 100: Serenity in Chaos’

“ทุกประสบการณ์จากการเดินทาง คือประติมากรรมที่เกิดจากการประกอบหลอมรวมกันของชิ้นส่วนแห่งจักรวาล คน ธรรมชาติ อารยธรรม แม้กระทั่งสงคราม” อารัมภบท, หน้า 6

 

เปิดโลกกว้างในมุมที่แตกต่างผ่านภาพถ่ายคัดสรรจำนวน 100 ภาพ ซึ่งกลั่นกรองจากประสบการณ์เดินทางทั่วโลกตลอดระยะเวลา 11 ปีของวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล เพื่อสำรวจความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งบนโลก ตั้งแต่ใจกลางผืนป่าดิบที่น้อยคนจะฝ่าฟันเข้าไปถึง ประเทศเขตสงครามที่ยังคงพรากชีวิตของผู้คนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ความงามที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำลึกลับ ไปจนถึงจุดสูงสุดบนยอดเขาเหนือเมฆ

ภาพถ่ายทั้งหมดทำหน้าที่เป็นหมุดปักแห่งความทรงจำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความลึกซึ้งของประสบการณ์ มุมมองต่อโลก และคำบรรยายประกอบภาพที่เปิดเผยเรื่องราวหลังเลนส์จากคำบอกเล่าของคนธรรมดาผู้มีลมหายใจและต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไปเฉกเช่นเราทุกคน ยังช่วยกระตุ้นเร้าผู้อ่านให้รู้สึกทั้งตื่นตาและตื่นเต้น พร้อมกับหดหู่และสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน

ผู้เขียน: วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล
จำนวนหน้า: 360 หน้า
ราคาปก: 790 บาท (ปกแข็ง)
ดูตัวอย่างและสั่งซื้อหนังสือได้ที่: สำนักพิมพ์ a book

 

2

สำรวจคุณค่าของอดีตกับ ‘ปืน เชื้อโรค เหล็กกล้า กับชะตากรรมของสังคมมนุษย์’

“การรู้ซึ้งถึงบทเรียนในอดีตก็เพื่ออนาคตของเราเอง” เหตุใดประวัติศาสตร์โลกจึงเปรียบเสมือนหอมหัวใหญ่, หน้า 20

 

ทำไมต้องเป็นปืน เชื้อโรค และเหล็กกล้า ก็เพราะว่าสามสิ่งนี้คือตัวแปรสำคัญที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และพลิกหน้าประวัติศาสตร์อารยธรรมของมนุษยชาติไปตลอดกาล

หนังสือเล่มนี้จึงเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามอย่างเรียบง่ายที่สุดว่า มนุษย์ต้องพบเจอกับอะไรบ้างกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้–จุดที่มนุษย์เป็นมนุษย์อย่างทุกวันนี้ ก่อนจะพาผู้อ่านย้อนเวลากลับไปนานถึง 13,000 ปีเพื่อหาคำตอบนั้น ภายใต้กรอบการมองโลกที่แตกต่างจากหนังสือประวัติศาสตร์เล่มอื่นๆ เพราะผู้เขียนเปรียบโลกทั้งใบเป็นหอมหัวใหญ่ที่มีเปลือกเป็นช่วงเวลาสมัยใหม่ห่อหุ่มอดีตไว้

ดังนั้น ความพยายามลอกกลีบหัวหอมแต่ละชั้นออก จึงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เรารู้ซึ้งถึงความสัตย์จริงซึ่งแอบซ่อนอยู่ภายใน แม้ว่าระหว่างทางอาจทำให้ฉุนจนน้ำตาไหลไปบ้าง แต่ก็นับว่าคุ้มค่ากับคำตอบที่จะได้รับ

ผู้เขียน: จาเร็ด ไดมอนด์
ผู้แปล: อรวรรณ คูหเจริญ นาวายุทธ
จำนวนหน้า: 740 หน้า
ราคาปก: 585 บาท (ปกอ่อน)
ดูตัวอย่างและสั่งซื้อหนังสือได้ที่: สำนักพิมพ์ยิปซี

 

3

สำรวจความลับของชีวิตกับ ‘หมู่เกาะมาเลย์ เล่มที่ 1’

“แด่ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ข้าพเจ้าอุทิศหนังสือเล่มนี้ ไม่เพียงแต่เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความยกย่องและมิตรภาพ แต่ยังเพื่อแสดงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งของข้าพเจ้า ต่ออัจฉริยภาพและผลงานต่างๆ ของท่าน” คำอุทิศ, หน้า 6

 

เมื่อ 150 ปีที่แล้ว อัลเฟรด รัสเซล วอลเลซ เดินทางไปยังหมู่เกาะมาเลย์และอินโดนีเซีย ดินแดนอันห่างไกลที่ลึกลับและป่าเถื่อนที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในสมัยนั้น เพื่อหาคำตอบที่นักธรรมชาติวิทยาต้องการมากที่สุด นั่นคือสปีชีส์ใหม่เกิดขึ้นมาบนโลกได้อย่างไร

แม้ว่าเขาจะเกือบตายเพราะไข้มาลาเรีย แต่ก็รอดมาได้ และได้ข้อค้นพบบางอย่างที่เป็นกุญแจดอกสำคัญในการช่วยไขความลับให้มนุษย์เข้าใจกระบวนการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ซึ่งส่งผลต่อแนวคิดด้านชีววิทยาจนถึงปัจจุบัน

แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะได้รับการยกย่องให้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในแง่การพัฒนาทฤษฎีวิวัฒนาการ แต่กลับเป็นหนังสือที่อ่านง่ายเมื่อเปรียบเทียบกับงานเขียนในลักษณะเดียวกันอื่นๆ เพราะใช้วิธีการเขียนคล้ายกับการบันทึกสิ่งที่พบเจอประจำวันหรือการเขียนไดอารี่

ผู้เขียน: อัลเฟรด รัสเซล วอลเลซ
ผู้แปล: นำชัย ชีววิวรรธน์, ณัฐพล อ่อนปาน, ต่อศักดิ์ สีลานันท์ และศศิวิมล แสวงผล
จำนวนหน้า: 424 หน้า
ราคาปก: 450 บาท (ปกแข็ง)
ดูตัวอย่างและสั่งซื้อหนังสือได้ที่: สำนักพิมพ์มติชน

 

4

สำรวจไต้หวันผ่านภาพวาดกับ ‘Sasi’s Sketch Book Taiwan Diary TAIPEI’

“เมืองนี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร บรรยากาศน่าหลงใหลมากๆ เมื่อได้มาสัมผัสที่จริง เข้าใจเลยว่าทำไมจึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับเรื่อง Spirited Away” 

 

บันทึกการท่องเที่ยวในประเทศไต้หวันของนักวาดภาพประกอบที่พกดินสอ พู่กัน สีน้ำ และสมุดวาดเขียนติดตัวเสมอ เพื่อเอาไว้ใช้วาดสิ่งที่เขาพบเจอระหว่างเดินทาง ทั้งอาคารสถานที่ ผู้คนที่ผ่านไปมา อาหารจานอร่อย สัตว์เลี้ยงน่าเอ็นดู ของรอบตัว รวมถึงธรรมชาติที่แวดล้อม

นอกจากภาพวาดสวยงามจากสีน้ำ ข้อความที่เขาเขียนกำกับไว้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน มีตั้งแต่คำแนะนำสำหรับการเลือกซื้อเครื่องเขียนดีๆ จากร้านค้าท้องถิ่น การพาไปกินของขึ้นชื่ออย่างชาไข่มุก เต้าหู้เหม็น และก๋วยเตี๋ยว การตามหาฉากสำคัญในอนิเมชั่นชื่อดัง และการตามรอยศิลปินในดวงใจอย่าง จิมมี่ เลี่ยว

บันทึกการเดินทางเล่มนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนลองหยิบดินสอมาวาดภาพด้วยความสนุก และหาโอกาสไปเที่ยวที่ประเทศไต้หวันอย่างมีความสุข

ผู้เขียน: ศศิ วีระเศรษฐกุล
จำนวนหน้า: 160 หน้า
ราคาปก: 415 บาท (ปกแข็ง)
ดูตัวอย่างและสั่งซื้อหนังสือได้ที่: สำนักพิมพ์ Fullstop

 

5

สำรวจร่างกายของเรากับ ‘เพื่อนเก่าที่หายสาบสูญ: สุขภาพดีด้วยการดูแลระบบนิเวศในร่างกาย’

“อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับแบคทีเรียในร่างกายที่วิวัฒนาการมากับมนุษย์นับแสนนับล้านปี” โปรยปกหลัง

 

เปลี่ยนจากการพาตัวเองออกเดินทางไปที่ไกลๆ มาเป็นการสำรวจใกล้ๆ ภายในร่างกายของเราแทน ซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าจุลินทรีย์ หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจิ๋วจนตาเปล่ามองไม่เห็น

วงการแพทย์ต้องใช้เวลามากกว่าร้อยปีกว่าจะยอมรับว่าจุลินทรีย์เป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วย จากนั้นอีกประมาณ 50 ปีต่อมา มนุษย์จึงค้นพบยาปฏิชีวนะสำเร็จ ซึ่งกลายเป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้กับเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค แต่ในความเป็นจริงแล้ว ร่างกายของเรายังคงเก็บงำคำตอบของชีวิตอีกมากมายที่รอการค้นพบต่อไปไม่สิ้นสุด

ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้อมูลที่วงการแพทย์ค้นพบจะยังมีไม่มากนัก แต่เรื่องราวภายในหนังสือจะบอกเล่าเบื้องลึกของร่างกายที่เป็นเหมือนโลกอีกใบของจุลินทรีย์ เพื่อทำให้เราได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกัน และทุกการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมีสาเหตุที่ตัวเราเองอาจคาดไม่ถึงเสมอ

ผู้เขียน: นพ.ชัชพล เกียรติขจรธาดา
จำนวนหน้า: 296 หน้า
ราคาปก: 319 บาท (ปกอ่อน)
ดูตัวอย่างและสั่งซื้อหนังสือได้ที่: สำนักพิมพ์ Chatchapol Book

 

6

สำรวจความรู้สึกและความคิดกับ ‘The Emotional Man มนุษย์อารมณ์’

“เรามักจะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมากกว่า และอารมณ์ของคนเรานั้นก็มักจะมีต้นกำเนิดที่ไม่ได้มาจากเหตุผลเสียด้วย” บทนำ, หน้า 10

 

มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดสมองส่วนทำหน้าที่ใช้ความคิดและตรรกะใหญ่ที่สุด แต่เชื่อไหมว่าคนเราไม่ได้ใช้เหตุผลในการตัดสินใจทุกครั้ง หรือเคยสังเกตตัวเองไหมว่า ในหลายๆ ครั้งที่เราพยายามคิดใคร่ควรญเพื่อใช้เหตุผล แต่ทำไมสุดท้ายถึงจบลงด้วยการใช้อารมณ์ จากพฤติกรรมชวนสงสัย จึงนำไปสู่การหาคำตอบให้คำถามที่ว่า ตกลงแล้วมนุษย์ใช้เหตุผลหรืออารมณ์ในการตัดสินใจกันแน่ 

ผู้เขียนเป็นศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมศาสตร์และนักเศรษฐศาสตร์ความสุขจะมาช่วยไขข้อข้องใจต่างๆ ผ่านการสำรวจและตรวจสอบอารมณ์ของมนุษย์ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและความสุขของเราในอนาคต รวมถึงเปิดโอกาสให้เราทุกคนได้ทบทวน และรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองไปพร้อมๆ กับหนังสือกึ่งคู่มือเล่มนี้

ผู้เขียน: ณัฐวุฒิ เผ่าทวี
จำนวนหน้า: 160 หน้า
ราคาปก: 185 บาท (ปกอ่อน)
ดูตัวอย่างและสั่งซื้อหนังสือได้ที่: สำนักพิมพ์แซลมอน

 

7

สำรวจแพสชั่นที่ใฝ่ฝันกับ ‘ฉันเรียนแฟชั่นที่มิลาน: I Studied Fashion Design in Milan.’

“บันทึกแกมบ่นความยากลำบากของการเรียนแฟชั่นในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่นระดับโลก” ทำไมต้องเรียนแฟชั่นที่ ‘มิลาน’, หน้า 11

 

 

จากประสบการณ์ชีวิตของนักเรียนไทยที่ตั้งใจไปเรียนต่อระดับปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยแฟชั่นที่มิลาน ประเทศอิตาลี เป็นเวลา 3 ปี และทำงานส่งประกวดจนได้รับรางวัลเป็นโอกาสให้เธอได้ฝึกงานในแบรนด์แฟชั่นชื่อดังของที่นั่นอีก 4 เดือน ก่อนจะตัดสินใจเดินทางกลับมาค้นหาความชอบของตัวเองที่เมืองไทยอีกครั้ง

อะไรทำให้เธอมุ่งมั่นทำตามแพสชั่นด้านแฟชั่น แล้วการเป็นนักเรียนไทยที่ต้องใช้ชีวิตในประเทศที่ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจะสวยงามเหมือนเสื้อผ้าบนรันเวย์หรือเปล่า รวมถึงในโลกของแฟชั่นยังมีเรื่องอะไรอีกบ้างที่เราควรรู้

การเปิดหนังสือเล่มนี้จึงเป็นมากกว่าการนั่งฟรอนต์โรว์ดูแฟชั่นโชว์ เพราะเราจะได้ตามติดหญิงสาววัยใสผู้ทุ่มเทพาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางแฟชั่น ซี่งเป็นทั้งสิ่งที่เธอรัก และสิ่งเดียวกันกับที่ช่วยแต่งแต้มสีสันให้ชีวิตของทุกๆ คน

ผู้เขียน: แพรพลอย ลาภาโรจน์กิจ
จำนวนหน้า: 220 หน้า
ราคาปก: 250 บาท (ปกอ่อน)
ดูตัวอย่างและสั่งซื้อหนังสือได้ที่: สำนักพิมพ์ Bunbooks

 

8

สำรวจความสำเร็จระดับโลกกับ ‘Disneyland ทำอะไร ทำไมใครๆ ก็หลงรัก’

“ความลับจากคู่มือฝึกอบรมของดิสนีย์แลนด์ที่ใช้ฝึกฝนพนักงานมาแล้วกว่าหนึ่งแสนคน” โปรยปกหน้า

 

ดิสนีย์แลนด์ คือแฟรนไชส์สวนสนุกที่ประสบความสำเร็จระดับโลก โดยเฉพาะโตเกียวดิสนีย์แลนด์ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวญี่ปุ่น เพราะในแต่ละปีสวนสนุกแห่งนี้สร้างรายได้และมวลความสุขให้ประเทศพวกเขามหาศาล รวมทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของคนทั่วโลกที่ต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต

แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้โตเกียวดิสนีย์แลนด์โดดเด่นเหนือสวนสนุกที่อื่นๆ คือ เวทมนตร์ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นที่รู้กันในหมู่พนักงานเท่านั้น เช่น ไปทำงานด้วยความรู้สึกว่าตัวเองคือตัวละครเอก หากรู้สึกแย่ให้ลองทำตัวแบบเจ้าหญิงดิสนีย์ หรือให้คิดว่าทุกๆ วันคือการแสดงครั้งแรกของชีวิต เคล็ด (ไม่) ลับเหล่านี้คืออาวุธลับที่พวกเขาใช้สะกดให้ผู้มาเยือนทุกคนหลงรักโตเกียวดิสนีย์แลนด์ จนอยากกลับมาเที่ยวอีกเป็นครั้งที่สอง

ผู้เขียน: ซากุราอิ เอริโกะ
ผู้แปล: ภัทรวรรณ ศรประพันธ์
จำนวนหน้า: 248 หน้า
ราคาปก: 250 บาท (ปกอ่อน)
ดูตัวอย่างและสั่งซื้อหนังสือได้ที่: สำนักพิมพ์วีเลิร์น

 

9

สำรวจความสัมพันธ์กับ ‘Last Letter จดหมายรักฉบับสุดท้าย’

“ผมยังจำทุกสิ่งทุกอย่างได้แจ่มชัดราวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ไม่สิ อาจแจ่มชัดยิ่งกว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้อีกก็ได้” บทที่สิบ ระลึกความหลัง, หน้า 119

 

ความสะดวกและรวดเร็วของเทคโนโลยีการสื่อสาร อาจทำให้เราหลงลืมไปว่าการเขียนจดหมายถึงใครสักคนหรือแม้กระทั่งการรอรับจดหมายตอบกลับนั้นเป็นความรู้สึกเฉพาะที่บอกไม่ถูก การอ่านนิยายเรื่องนี้จึงพาเราหวนรำลึกถึงความรู้สึกที่ผูกโยงอยู่กับการเดินทางของจดหมายให้เด่นชัดอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อยูริ แม่บ้านที่อาศัยอยู่กับสามีและลูกสาว เดินทางกลับต่างจังหวัดเพื่อไปร่วมงานศพของพี่สาว ทำให้เธอได้พบกับอายูมิ หลานสาวที่ไม่ได้เจอกันมานานและยังคงทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียแม่ แม้ว่าเธอจะยังไม่พร้อมเปิดอ่านจดหมายฉบับสุดท้ายที่แม่ทิ้งไว้ให้ แต่จดหมายฉบับนั้นจะนำพาพวกเขาทุกคนให้เผชิญหน้ากับความรู้สึกบางอย่างภายในใจ และทบทวนคุณค่าของชีวิตผ่านการเรียงร้อยอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เข้าไว้ด้วยกันอย่างเปี่ยมด้วยอารมณ์ละเมียดละไม และชวนโหยไห้ต่อโชคชะตาอย่างน่าประทับใจ ที่สำคัญที่สุดคือทำให้เราเข้าใจความคิดของมนุษย์ได้แหลมคมยิ่งขึ้น แม้คนๆ นั้นจะนำพาความเจ็บปวดมาให้เราก็ตาม

ผู้เขียน: อิวาอิ ชุนจิ
ผู้แปล: ฉัตรขวัญ อดิศัย
จำนวนหน้า: 229 หน้า
ราคาปก: 259 บาท (ปกอ่อน)
ดูตัวอย่างและสั่งซื้อหนังสือได้ที่: สำนักพิมพ์ Bibli

 

10

สำรวจทิศทางอนาคตกับ ‘เส้นทางสายไหมใหม่: จากประวัติศาสตร์โลกสองสหัสวรรษ สู่ภูมิรัฐศาสตร์โลกร่วมสมัย’

“ผมอยากย้ำให้ผู้อ่านตระหนักว่าอดีตของโลกถูกกำหนดโดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามเส้นทางสายไหม และผมอยากจะเน้นย้ำว่าในอนาคตก็เช่นกัน” บทนำ, หน้า 16

 

ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์โลกแห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ครั้งหนึ่งเขาเคยพาผู้อ่านทั่วโลกออกสำรวจเส้นทางการค้าโบราณระหว่างเอเชียและยุโรปที่นำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทวีปและนานาประเทศ จากเส้นทางการค้าจึงกลายเป็นเส้นเลือดหลักแห่งอารยธรรมสำคัญของโลกที่มีความรุ่งโรจน์มายาวนานกว่า 2,000 ปี ผ่านหนังสือเส้นทางสายไหม (The Silk Roads: A New History of the World) ที่เขาเคยเขียนไว้ก่อนหน้า

ครั้งนี้เขาชวนผู้อ่านมาสำรวจเส้นทางการค้าอีกครั้ง แต่เป็นเส้นทางสายไหมใหม่ที่ทอดไกลไปทุกแห่งหน ไม่ใช่แค่เอเชียกลางเหมือนอดีต แต่ครอบคลุมทั่วทั้งเอเชีย แอฟริกา ยุโรป และสหรัฐอเมริกา สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นและกำลังดำเนินไปอย่างไม่หยุดนิ่งตลอดช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านบนถนนสายนี้ จะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่สามารถกำหนดทิศทางอนาคตของโลกในศตวรรษที่ 21 และเปลี่ยแปลงทุกสิ่งในอีกร้อยปีข้างหน้า

ผู้เขียน: ปีเตอร์ ฟรานโคพาน
ผู้แปล: คุณากร วาณิชย์วิรุฬห์
จำนวนหน้า: 280 หน้า
ราคาปก: 325 บาท (ปกอ่อน)
ดูตัวอย่างและสั่งซื้อหนังสือได้ที่: สำนักพิมพ์ bookscape