“ผมพยายามทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ซึ่งก็คือการวาดแสง”
ผู้คนที่เข้ามาจับจองที่นั่งหยุดเคลื่อนไหวคล้ายถูกมนตร์สะกด
.
แสงไฟจากเครื่องโปรเจ็คเตอร์ฉายภาพจิตรกรรมมากกว่า 1,500 ชิ้น บนผนังสีขาวในรูปแบบ Multimedia Art ที่มองได้รอบทิศ 360 องศา
.
ภาพเหล่านั้นเป็นของศิลปินระดับโลกผู้ล่วงลับ 16 คน ทุกคนล้วนเป็นที่จดจำ และยังคงมีชีวิตอยู่ในความทรงจำร่วมสมัย
.
อาทิ โคลด โมเนต์ (Claude Monet) ศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ของฝรั่งเศส, วินเซนต์ แวน โก๊ะ (Vincent van Gogh) จิตรกรผู้วาดภาพดาวประดับฟ้าอันลือลั่นชาวดัตช์, วาซิลี คันดินสกี (Wassily Kandinsky) ศิลปินผู้เคยกล่าวว่า “ทุกสีสันดำรงอยู่ในความเร้นลับ”
.
ในห้องมืดที่มีเพียงแสงส่องสว่าง ภาพวาดในยุคที่ศิลปินหันมาให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดความรู้สึกที่ตราตรึงใจ มากกว่าจะวาดให้เหมือนจริงที่สุด ถูกปลุกให้เคลื่อนไหวด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
.
“ผมพยายามทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็คือการวาดแสง”
.
โมเนต์ ศิลปินผู้บุกเบิกการวาดภาพเพื่อถ่ายทอดความประทับใจ หรือที่รู้จักในชื่อ ‘อิมเพรสชั่นนิสม์’ กล่าวประโยคที่น่าจะเป็นต้นธารของภาพวาดที่ดูคล้ายภาพฝัน แต่ในทางกลับกัน ฝีแปรงที่เต็มไปด้วยอารมณ์เหล่านั้น กลับดึงเราให้เสมือนหลุดเข้าไปอยู่ท่ามกลางบรรยากาศในภาพนั้นจริงๆ
.
นี่คือพลังของศิลปะ ที่กู่ก้องบอกว่า นอกจากความจริงที่ ‘จริง’ แบบเป๊ะๆ มนุษย์ยังมีหัวใจและความรู้สึก
.
ศิลปะอาจไม่ต้องเหมือนจริง
แต่การถ่ายทอดความจริงคือศิลปะ.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://becommon.co/culture/from-monet-to-kandinsky-in-bangkok/