หนีความเบื่อมาเหงื่อแตกที่ ‘โอมาน’ อัญมณีแห่งอาระเบีย

เมื่อพูดถึงดินแดนตะวันออกกลาง หลายคนอาจนึกถึงทะเลทรายกว้างไกลสุดสายตาและอูฐเดินเรียงราย 

ในขณะที่บางคนติดตาภาพความหรูหราและโมเดิร์นคล้ายโลกอนาคต เช่นในมหานครดูไบ 

แต่ในแถบนี้ยังมีเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมเปอร์เซีย นั่นคือ ‘มัสกัต’ (Mascat) ซึ่งหลายคนอาจไม่คุ้นเคยกับเมืองใหญ่แห่งนี้ และนึกภาพไม่ออกว่าอยู่ส่วนไหนของโลก 

มัสกัตเป็นเมืองหลวงของประเทศโอมาน มีชื่อเต็มอย่างเป็นทางการ คือ รัฐสุลต่านโอมาน (The Sultanate of Oman) ซึ่งมีอาณาเขตติดกับสหรัฐอาหรับอามิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย และเยเมน 

มัสกัตเป็นเมืองท่าสำคัญ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอาหรับ และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ 

เมืองหลวงแห่งนี้ยังถูกขนานนามว่าเป็น ‘หนึ่งในอัญมณีของอาระเบีย’ 

ด้วยความงดงามด้านวัฒนธรรมอันโดดเด่น แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่ตื่นตาตื่นใจ ชักชวนให้เราอยากเดินทางไปสำรวจด้วยตัวเอง

แม้มัสกัตจะมีอาณาเขตเป็นทะเลทรายหลายส่วน แต่การเดินทางเข้าถึงสะดวกสบายกว่าที่คิด

เพราะสายการบินหลายสายบินตรงไปถึงประเทศโอมาน โดยใช้เวลาจากกรุงเทพฯ ประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง

ในส่วนของวีซ่าสามารถขอเป็น Visa On Arrival หรือติดต่อขอหน้าด่านคนเข้าเมืองได้เลย ในราคาค่าธรรมเนียม 6 เรียล (ประมาณ 480 บาท) และสามารถอยู่ท่องเที่ยวได้นาน 10 วัน 

ความสนุกที่เราติดใจและไม่อยากให้หลายคนพลาดเมื่อมาเยือนมัสกัตคือ การเช่ารถขับเที่ยวรอบเมืองโดยไม่ต้องกังวลค่าน้ำมัน! 

เพราะที่นี่มีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติล้นหลามและมีราคาถูกมาก เพียงลิตรละ 0.210 เรียล (ประมาณ 17 บาท) แถมถนนหนทางยังขับได้สะดวกสบายอีกด้วย 

ความโดดเด่นของบรรยากาศเมืองมัสกัตที่เห็นได้ชัดเจนคือ ไร้ตึกสูงตระหง่านฟ้า และตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยโทนสีขาวครีมสะอาดตา เนื่องจากเป็นสีที่ช่วยลดความร้อนแรงของสภาพอากาศในแถบนี้ 

เราอยากชวนไปท่องเที่ยวในตัวเมืองด้วยกัน โดยเริ่มต้นที่ พระราชวัง อัลอาลาม พาเลซ ( Al-Alam Palace) เป็นที่ประทับของสุลต่านคาบูส (Qaboos) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของมัสกัต รายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมอาหรับร่วมสมัย 

เมื่อใดก็ตามที่ธงประเทศโอมานที่อยู่บริเวณทางเข้าหลักของพระราชวังถูกชักสูงขึ้นสู่ยอดเสา แสดงว่าสุลต่านประทับอยู่ในพระราชวัง

หลังจากเที่ยววังแล้ว ต้องแวะ ตลาด มุตตรา ซูค (Muttra Souq) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง รอบๆ ตลาดมีสินค้าพื้นเมืองและของท้องถิ่นให้เลือกช้อปหลากหลายประเภท 

ไม่ว่าจะเป็นผ้าลายสวย ชุดประจำชาติ งานหัตถกรรมสไตล์อาหรับ เครี่องเทศ 

รับรองว่าทุกคนต้องต้องได้ของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับบ้านกันอย่างน้อยหนึ่งชิ้น

เมื่อดื่มด่ำชมเมืองจนถึงเย็นย่ำ ถึงเวลาเข้าสู่ภวังค์นครอาหรับราตรีที่ไม่มีวันหลับใหล เรามุ่งหน้าไปที่ โรงโอเปร่าประจำเมืองมัสกัต (The Royal Opera House Muscat) เพื่อชมสถาปัตยกรรมอิสลามผสมผสานกับอิตาเลียน ซึ่งที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่แห่งศิลปะและดนตรีที่สะท้อนให้เห็นอารยธรรมของอาหรับที่แท้จริง

นอกจากสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมเปอร์เซียในตลาดที่น่าชม ที่นี่ยังมีกิจกรรมยอดฮิตอย่างเช่นการขี่เอทีวี (Quad) ตะลุยทะเลทรายที่ทำให้อะดรีนาลีนพุ่งพล่านแบบสุดๆ!

หรือจะเลือกออกเที่ยวทะเลไปกับเรือประมงท้องถิ่น เพื่อซึมซับบรรยากาศอันแสนสงบในอ่าวโอมาน ย้อนรอยประวัติศาสตร์การค้าสมัยโบราณในแถบนี้

การเที่ยวรอบเมืองมัสกัตให้ประสบการณ์ใหม่ๆ หลากหลายแบบที่ทำให้เราหายเบื่อ ทั้งสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ นอกจากนี้ยังได้ซึบซับกับประวัติศาสตร์โลกและธรรมชาติ

อันเต็มไปด้วยเสน่ห์ในแบบที่หาไม่ได้จากเมืองใดในโลก.