“มันก็ต้องสู้ ขึ้นไปเราก็อยากชนะ ไม่มีใครอยากแพ้”
สะท้านเพชร น.อดิศร พูดถึงความรู้สึกตอนที่ยืนต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่ไม่รู้จักบนเวที
คำพูดนี้ฉายชัดขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ผมเดินทางไปเก็บภาพนักสู้บนสังเวียนผ้าใบ
ทันทีที่เสียงตามสายจากโฆษกสนามประกาศเรียกนักมวยขึ้นเวที นักมวยมุมแดงและน้ำเงินต่างเดินออกจากมุมลับตาแล้วมุ่งตรงไปที่เวที
หลังข้ามเชือกสู่ลานประลอง ก้มหัวให้พี่เลี้ยงร่ายมนต์ให้พร และไหว้ครูเสร็จแล้ว มงคลบนหัวก็ถูกถอดออก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
ระฆังข้างเวทีส่งเสียงดังให้สัญญาณถึงเวลาเข้าปะทะ นักมวยทั้งสองดุ่มเดินเข้าหา ประเคนหมัด เท้า เข่า ศอก ใส่กันราวกับเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาแต่ชาติปางก่อน
เมื่อดูท่าไม่ดี พี่เลี้ยงตะโกนกระตุ้นเด็กฝั่งตัวเองให้ฮึดสู้
“แพ้แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเรียน!”
ได้ผล นักมวยเปลี่ยนท่าทีจากถอยหนีเป็นเดินหน้า ไม่ใช่เดินหน้าธรรมดา แต่เดินหน้าชนิด ‘ใส่’ ยับ แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม
เสียงคนดูเฮลั่น และส่งเสียงเชียร์ไปตามจังหวะสาวอาวุธ
แต่หมัดเท้าเข่าศอกที่จ่ายไปดูจะโดนคู่ต่อสู้คิดดอกเบี้ยทบต้นทบดอก เพราะฝีมือคู่แข่งที่เหนือกว่า
ระฆังหมดยกสุดท้ายดังขึ้น ฝ่ายหนึ่งแพ้ ฝ่ายหนึ่งชนะ ทั้งคู่ต่างเดินเข้ามาขอโทษขอโพยกันและกัน ราวกับฉากบู๊ที่เพิ่งจบไป ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…บนสังเวียน
‘สังเวียนนักสู้’ ที่ผมอยากพ่วงท้ายด้วยคำว่า “ชีวิต”.