“ผมเป็นคนที่ทำแล้วทำจริง ถ้าทำแล้วรู้สึกไปไม่ถึงไหน ผมจะไม่ทำ ถ้าผมทำแล้วผม ไม่โดดเด่นกว่าใคร ผมไม่ทำ”
วิน – มาวิน ทวีผล อินฟลูเอนเซอร์ผู้สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่จดจำจากลีลาการรีวิวอาหารแบบบ้าพลัง เล่นใหญ่ ให้เยอะ ทางเพจ มาวินฟินเฟ่อร์ (Mawinfinferr) นิยามความเป็นตัวเองไว้แบบนั้น ซึ่งก็ไม่เกินไปจากความจริงแต่อย่างใด
เพราะหากถอยเวลาไปก่อนหน้าที่เขาจะเป็นที่รู้จักในฐานะโอปป้าพาตะลุยชิมสตรีทฟู้ดเจ้าอร่อยทั่วไทยจนย่างเข้าสู่ปีที่ 5 ในขณะนี้ มาวินเคยจริงจังกับการเลี้ยงแมวมาก่อน ถึงขั้นที่เขาตอบคำถามที่คนรักอย่าง ตู่ – ปิยวดี มาลีนนท์ ถามว่า “เธอถนัดอะไร” อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ผมถนัดเลี้ยงแมว” และพิสูจน์คำตอบนั้นด้วยการปลุกปั้นบรรดาแมวตัวเก่งให้กวาดรางวัลชนะเลิศทั้งในระดับประเทศและเอเชียมาเกือบทุกเวที
ดังนั้น เมื่อชายผู้หลงรักแมวและหลงใหลอาหารในทุกมิติ ทั้งการรับประทานและลงมือทำอาหารด้วยตัวเองกระโดดเข้ามาคลุกวงในแวดวงอินฟลูเอนเซอร์สายกิน เขาจึงค่อยๆ เข้าไปอยู่ในใจคนดูได้ไม่ยาก จนสามารถคว้ารางวัล Best Creator Performance on Social Media สาขา Food and Dining จากเวที Thailand Social Awards ครั้งที่ 11 มาครอง
จึงน่าติดตามไม่น้อย เมื่อความหลงใหลครั้งใหม่ของมาวินคือ ศิลปะตะมุตะมิในของเล่นชิ้นเล็กไปจนถึงชิ้นโตอย่าง ‘อาร์ตทอย’ ที่เขากระโดดเข้าไปอยู่ในวงการนี้เต็มตัวเมื่อปีที่แล้ว และในปีนี้มาวินตั้งใจเขย่าวงการอาร์ตทอยให้โด่งดังเปรี้ยงปร้างยิ่งกว่าเดิม เพิ่มเติมคือ เขายังคงไม่ทิ้งแวดวงอาหารที่ตัวเองรัก และหากจังหวะชีวิตลงตัวเมื่อไร เราคงมีโอกาสได้สนุกสนานและสำราญไปกับกองทัพร้านอร่อยในงานแฟร์ที่เขาตั้งใจอยากจัดขึ้นเพื่อพิชิตอีกหนึ่งไมล์สโตนในชีวิตให้สำเร็จให้จงได้
หัวหน้าหมู่บ้านแห่งวงการ ‘อาร์ตทอย’
“ปลายปี 2565 ผมไปเดินเจอ ตุ๊กตา Molly กับงานของ INSTINCTOY ซึ่งสวยมาก จนผมตั้งใจเอาไว้เลยว่าในปี 2566 ผมอยากจะตีเรื่องของเล่นให้ได้ เพราะผมรู้สึกว่าคอนเทนต์อาหารที่ผมทำอยู่ในระดับท็อปของประเทศแล้ว เพราะผมจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองทำมาก และรู้สเตตัสว่าเราอยู่ตรงไหน และเราช่วยผู้คนอย่างไร ซึ่งถ้าผมยังอยู่ไลน์อัพเดิม มันไม่สามารถแตกหน่อต่อไปได้ เราไม่สามารถจะสูงไปได้มากกว่านี้ นอกจากไปต่างประเทศ ซึ่งถ้าจะให้ออกจากถิ่นฐาน ผมก็คงไม่แฮปปี้อยู่แล้ว
“ผมมองเอาไว้ว่าอาร์ตทอยกำลังมา และยังไม่มีใครทำเรื่องนี้ ผมใช้เวลาศึกษาข้อมูลในช่วงสามเดือนแรกของปี 2566 เดินดู ศึกษา ส่อง ถามจากเพื่อน พอเดือนที่สี่ผมเริ่มทยอยซื้อเก็บเงียบๆ จนครบทั้งคอลเล็กชั่น ไม่มีใครรู้ว่าผมกำลังเก็บอาร์ตทอย แต่พวกพ่อค้าจะรู้ และเขาก็รู้ด้วยว่าวันนึงถ้าผมระเบิดฟอร์มขึ้นมา อุ้มของไว้เลย เดี๋ยวราคาจะขึ้นแน่นอน พอถึงเดือนแปด ผมเริ่มโปรโมตออกมาว่าผมสะสมอาร์ตทอย ซึ่งก็เป็นช่วงที่ตลาดเคลื่อนไปเยอะ โดยเฉพาะตุ๊กตา Molly ที่ราคาพุ่งกระฉูดมาก บวกกับมีดาราท่านอื่นๆ มาช่วยโปรโมทด้วย อาร์ตทอยก็เลยกลายเป็นกระแสตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา
“ด้วยความที่ผมชอบ INSTINCTOY มาก โดยเฉพาะงานของคุณฮิโรโตะ โอคุโบะ ซึ่งเป็นศิลปินญี่ปุ่น ผมเลยวางแผนไว้ว่าจะไปหาเขาได้ยังไง เพราะถ้าผมไปหาเขาเลย แม้ผมจะมีเงิน แต่ผมก็ซื้อของเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้จักผม ดังนั้น ตอนเดือนสี่ผมเลยไปขอลายเซ็นเขาที่งาน Thailand Toy Expo ที่เซ็นทรัลเวิลด์ พอเขารู้จักว่าผมเป็นใครก็เลยติดตามผม พอเดือนเจ็ดที่ผมเริ่มโปรโมต Molly จนเริ่มเป็นที่รู้จักในด้านความจริงจังในการสะสม พอเดือนสิบ ผมก็เอาอาร์ตทอยของคุณฮิโรโตะมาโปรโมทจนในที่สุดเขาก็เชิญผมไปเป็นเกสต์ เพราะเขารู้ว่าผมมาเพื่อช่วยกระพือให้เรื่องของอาร์ตทอยใหญ่ขึ้น ทั้งหมดนี้คือการวางแผนตลอดทั้งปี 2566 ของผม จนทำให้ผมมีตัวตนในเรื่องอาร์ตทอยแล้ว
“ผมว่าตอนนี้ตลาดเริ่มเปลี่ยน จากเดิมคนบางกลุ่มชอบใส่แบรนด์เนมเพื่อเป็นการบ่งบอกตัวตนทางสังคม แต่ตอนนี้หลายคนหันมาลงทุนกับอาร์ตทอย เพราะมันเร็วและชัดเจนกว่า อย่างในวงการแบรนด์เนม ถ้ามีเงินสักแสนบาท เดินเข้าไปในช็อป จะซื้อกางเกงหรือเสื้อลิมิเต็ดสักตัวได้รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าคุณกำเงินหนึ่งแสนบาท สามารถซื้อของเล่นตัวละ 3-4 หมื่นมาตั้งโชว์ได้ เมื่อก่อนคนอาจจะมองว่าบ้า เอาเงินไปซื้อพลาสติกซื้อของเล่นทำไม แต่ถ้าศึกษาดีๆ จะรู้ว่าทุกชิ้นมีคุณค่าและมีเรื่องราวที่พิเศษ น่าสนใจ
“ในเพจของเล่นจะเรียกผมว่าหัวหน้าหมู่บ้าน เพราะผมมาทีหลัง แต่มาแรง ชิ้นไหนลิมิเต็ด คนอื่นตามเก็บมาสี่ปี ผมสามารถมีภายในเวลาหนึ่งเดือน ฉะนั้นอย่าถามถึงเม็ดเงิน ถามถึงใจล้วนๆ ดีกว่า เพราะอาร์ตทอยบางตัวผลิตแค่สิบชิ้นในโลก ถ้าคุณพลังไม่พอ ก็ไม่สามารถดึงมาได้ เนื่องจากของพวกนี้คนที่เขาจะปล่อยเขาไม่ได้ร้อนเงิน เป็นคนรวยด้วยซ้ำ แต่เขาจะดูว่าเราเป็นใครและชอบจริงไหม หรือของบางชิ้นก็ต้องส่งให้แกลเลอรี่ดูโปรไฟล์ของเราก่อนว่าโอเคไหม ถ้าโอเคถึงจะปล่อยขาย ทั้งที่ของราคา 3-4 หมื่นบาท แต่มันมี value สำหรับแกลเลอรีนี้
“ผมว่างานอาร์ตไม่มีคำว่าถูกหรือแพง อยู่ที่ความพอใจล้วนๆ อย่างบางคนมองรูปนี้ให้ฟรียังไม่เอา ขอข้าวจานนึงยังดีกว่า แต่บางคนยืนมอง กอดอก ให้ล้านนึง มันอยู่ที่มุมมองและความพอใจของแต่ละคน ซึ่งผมอยากจะโชว์ความพอใจของผมให้คนเห็นเยอะขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้ (พ.ศ. 2567) ผมเลยจะมีโปรเจคท์กับผู้ใหญ่หลายๆ ท่านในการไปดูของ หรือไปล้วงของรักของหวงออกมาโชว์ รวมถึงการเชิญศิลปินเมืองนอกมาแสดงงานที่เมืองไทย
“ถ้าถามผมว่าเรื่องเงินว่า spend ไปเยอะไหม อย่าไปนับเป็นตัวเลข เรียกว่าเป็นบัญชีม้าเลยดีกว่า (หัวเราะ) เข้าแล้วออก…เข้าแล้วออก เงินที่เมียให้มาอยู่ในบัญชีผมได้จะแปรรูปทันที ผมจะเหลือเงินหลักไม่กี่ร้อยติดตัวตลอดเวลา ผมใช้เต็มที่แบบไม่คิดชีวิต ตัวใครตัวมันกระเป๋าใครกระเป๋ามัน แต่ก็เป็นสิ่งที่ตู่เขาคงภูมิใจ คือ ผมเป็นคนที่ทำอะไรแล้วทำจริง ถ้าผมทำแล้วรู้สึกว่าไปไม่ถึงไหนผมจะไม่ทำ ทำแล้วไม่โดดเด่นกว่าใคร ผมจะไม่ทำ เพราะสิ่งที่ผมทำ ผมไม่ได้ทำให้ผมดูดี ผมอยากเป็นกระบอกเสียงแทนคนหลายๆ กลุ่ม”
เบื้องหลังความสำเร็จฟินเฟ่อร์ของชายผู้ชอบกินอาหารรสจืด
“เห็นในแต่ละคลิปที่ผมปรุงก๋วยเตี๋ยวแบบเติมพริกป่นช้อนพูนตลอด ตัวจริงชอบกินจืดนะครับ ผมชอบก๋วยเตี๋ยวปลาจืดๆ น้ำซุปแบบเช็งๆ อร่อยแบบไม่ต้องปรุงกับรสเดิมๆ ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวแห้งก็ใส่แค่น้ำปลา แต่เวลาออกกล้อง ความมันต้องมา เราต้องสุด เพราะมันคือเสน่ห์ อย่าลืมนะครับว่าก๋วยเตี๋ยวราคา 50 บาท น้ำซุปอร่อยหมดทุกร้านแหละ อยู่ที่ลีลาที่เราใส่ลงไปที่ทำให้คนอยากมาลองร้านนี้ และพอผมปรุงก๋วยเตี๋ยวในสไตล์ของตัวเอง เช่น ลบเหลี่ยมความหวานด้วยวิธีนี้ คนก็ลองทำตาม ผมถือว่าเป็นการแชร์ความรู้วิธีหนึ่งเหมือนกัน
“ทุกวันนี้ถามว่าอายไหมเวลาไปนั่งกินแล้วถ่ายคลิปในร้านที่คนนั่งกันเป็นสิบ อายนะครับตอนกิน เสียงเราก็ดังอยู่แล้ว แต่ ณ โมเมนต์นั้น สิ่งที่ผมคิดในหัวคือ นี่อาจเป็นหนึ่งมื้อของผมเท่านั้น แต่เป็นโอกาสเดียวของร้านเขา ผมจึงต้องกินอย่างตั้งใจ กินอย่างเต็มที่ เพราะผมอยากให้เขาขายได้ดีๆ ขายหมดเร็วๆ ผมต้องทำ The Best ให้เขาให้ได้ ทุกอย่างที่ผมทำในคลิปเหมือนผมทำไปแบบไม่รู้ตัว พอกินเสร็จแล้วมานั่งมองตัวเอง เออ โคตรขำตัวเองเลยว่ะ ทำไปได้ยังไง แต่เพราะใจเราไม่ได้อยู่กับตัวเรา ผมไม่ได้มีอัตตาว่าจะต้องหล่อ ต้องเท่ มีแต่เส้นฟาดหน้าเข้าตา แต่คนดูเขารู้ว่านี่คือธรรมชาติของผม ผมไม่ต้องการประดิษฐ์ในสิ่งที่ทำ ผมให้ใจล้วนๆ
“ทุกครั้งขณะที่กำลังกินแต่ละเมนู ผมจะคิดเป็นจักรวาลในหัวเลยว่า จะตัดต่อให้ร้านนี้แบบไหน เช่น จานนี้ตัดแยกเป็นเมนูเดียวเลย แต่ลงรวมไปก่อน อีกสามวันค่อยลงคลิปเดี่ยวตาม เพราะผมมี 4 แพลทฟอร์ม ถ้าจะลง Instagram ต้อง 1 นาทีครึ่งเป็น Reel ลง Tiktok ต้อง 2-3 นาที ลง Facebook ต้อง 5-6 นาที แล้วจะจั่วหัวขึ้นแบบไหน แพลทฟอร์มนี้คนดูมีพฤติกรรมยังไง อีกสามวันต้องกลับมาลงคอนเทนต์ซ้ำไหม ฯลฯ มันคืองานละเอียด ผมไม่ได้ให้เด็กที่ออฟฟิศมาตัดๆๆ แล้วลงคอนเทนต์แบบไหนก็ได้ แต่ทุกอย่างอยู่ในหัวผมทั้งหมด
“ผมชอบรับพลังบวกจากรอยยิ้มของผู้คน เพราะทำให้ผมมีแรงทำงานต่อ ซึ่งเรารู้ว่าถ้าเราอยากได้ เราต้องทำยังไง”
“จะสังเกตได้ว่าในเพจของผมคนจะชอบเมนูเส้น เพราะผมสาวเส้นมัน สูดเส้นดังซวบ ซดน้ำซุป มีอะไรแดงๆ (พริก) เข้าปากเป่า เหงื่อออกอะไรออก คนดูก็น้ำลายไหล (หัวเราะ) 3-4 ทุ่มเปิดตู้เย็น ตั้งเตา เปิดไฟ ผมชอบแซวในคลิป แล้วคนก็ทำแบบนั้นจริงๆ จนบางช่วงรู้เลยว่าคลิปไหนโหดๆ ทำไมคืนนั้นยอดไม่ค่อยพุ่ง เพราะเขาหนีมาดูกันตอนเช้า คนดูกลัวเห็นช็อตสาวเส้นแล้วจะเป็นอันตรายต่อน้ำหนักตัวและกรดไหลย้อนจากการกินมื้อดึก ซึ่งทุกอย่างผ่านการคิดมาหมดแล้ว
“ดังนั้นจึงมีอยู่อย่างนึงที่ผมยังพิชิตไม่ได้ คือ เมนูข้าว การจะถ่ายทำเมนูข้าวให้รู้สึกหิวตามนั้นยากมาก เพราะต้องอาศัยการผัด ต้องมีควันขึ้น คนดูต้องถูกกระตุ้นด้วยเสียง ASMR ป๊องแป๊ง ก๊องแก๊ง ฉ่า ฟู่ฟ่าๆ ปุ้กปั้กๆ ก่อนอาหารจะมาอยู่ในจานต้องมีสตอรี่ก่อนหน้านั้น ซึ่งบางทีเวลาผมไปถ่ายที่ร้านแล้วจังหวะไม่ได้ ครัวไม่พร้อม ในขณะที่เมนูก๋วยเตี๋ยวคนทำเขายืนแกว่งกระชอนลวกเส้นหน้าร้านอยู่แล้ว เราก็ถ่ายเจาะได้เลย ทั้งจังหวะเส้นใส่ เทน้ำซุป ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำตกก็จะมีเลือดข้นๆ ตีแป้กๆๆๆ ใส่ผักบุ้งลง เอาเส้นโปะ ปุก! ข้างล่างมีเนื้อหมกตับหมก กากหมูใส่ พูดแล้วก็หิว (ยิ้ม)
คุณค่าที่ค้นพบจากการคลุกวงในแวดวงอาหารและอาร์ตทอย
“ของกินกับอาหารเหมือนกันตรงไหน ? แน่นอนว่าทุกคนต้องกินอาหารอยู่แล้วไม่ว่าจะเพศไหนวัยไหน ส่วนของเล่นของตะมุตะมิ ทุกเพศทุกวัยก็เข้าถึงได้หมด ทั้งอาหารและของเล่นล้วนเป็นตัวหลอมละลายพฤติกรรมคนได้เมื่อเจอสิ่งที่ชอบ อาหารรสชาติเดียวกัน คนรวยกับคนจนก็นั่งกินข้างกันได้ ผมเลยชอบสตรีทฟู้ดเป็นพิเศษ หรืออย่างอาร์ตทอยก็มีทั้งคนที่เป็นเถ้าแก่อายุเยอะๆ เจ้าของโรงงานพันล้าน ยันเด็กที่ต้องเก็บตังค์หรือขอเงินแม่มาซื้อ ซึ่งถ้าพูดในแง่แชเนลของผมก็ทำให้สามารถแตกไลน์อัพใหม่ ดึงคนจากกลุ่มอาร์ตทอยไปสู่คลิปอาหาร และคนที่อาจจะเคยดูแต่คลิปรีวิวอาหารก็สามารถไปลองดูคลิปของเล่นเป็นการเปิดโลกใหม่ๆ ได้เช่นกัน
“ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ อาร์ตทอยถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ชั้นดี อย่าง Crybaby Molly ที่เป็นศิลปินอาร์ตทอยไทยคนแรกที่ได้ร่วมงานกับ POP MART ก็เป็นซอฟต์พาวเวอร์จากการที่ไทยเชียร์ไทย ไทยช่วยไทยแล้วมันขึ้น มันออกไปข้างนอกได้เพราะทุกคนช่วยกันโปรโมท จากตุ๊กตาหลักแสนกระโดดไปเกือบล้าน มี value ขึ้นมาทันที ไปๆ มาๆ แล้วอาร์ตทอยจะกลายเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งที่เป็นการบ่งบอกอัตลักษณ์ของคนที่ครอบครอง
“สำหรับการรีวิวอาหาร ผมมักจะบอกน้องๆ ที่เป็นรุ่นลูกของแต่ละร้านเสมอว่า เรียนจบแล้วกลับมาช่วยที่บ้านนะ จงภูมิใจไว้ว่าอาหารที่บ้านเราทำอร่อยมาก ถ้าพี่มากินทุกอาทิตย์แบบนี้ แปลว่ามันอร่อยจริง จงภูมิใจและสานต่องานจากพ่อแม่ อย่าให้มันหายไป เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ในเมืองไทยที่หายไป เนื่องจาก Gen ปัจจุบันไม่ทำต่อ ผมจึงบอกทายาทร้านอาหารทุกคนว่า ให้เข้าครัว ช่วยพ่อแม่ กลับไปทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด พอถึงจุดนึงเราจะมองเห็นว่าสามารถแตกหน่อต่อยอดอะไรต่อไปได้อีก
“ผมตั้งใจช่วยคนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเป็นคนชอบกินข้าวข้างทาง และรู้ว่าเขาลำบากยังไง ตั้งแต่ร้านป้าหมึก รถเข็นขายปลาหมึกปิ้งที่ลาดพร้าวซอย 3 ที่ผมไปช่วยเขาเข็นรถตั้งแต่ตอนที่ผมยังไม่ดัง เล่นละครคนก็จำหน้าไม่ได้ ฝนตกก็กางร่มกับเขา บอกเขาว่าวินช่วยได้แค่นี้นะ พอผมทำเพจและเริ่มมีชื่อนิดนึง ก็กลับมาช่วยโปรโมทให้เขา ป้าไปหาปลาหมึกใหญ่ๆ ให้วินได้ไหม เดี๋ยววินโปรโมทให้ ผมก็โชว์ปลาหมึกตัวใหญ่เท่าหน้าจนร้านดังระเบิดระเบ้อไปเลย ผมชอบรับพลังบวกจากรอยยิ้มของผู้คน เพราะทำให้ผมมีแรงทำงานต่อ ซึ่งเรารู้ว่าถ้าเราอยากได้ เราต้องทำยังไง สิ่งเหล่านี้จึงค่อยๆ ซึมเข้าไปในคลิปของผมเรื่อยๆ ใช้เวลาห้าปีในการให้คนดูเรียนรู้ไปด้วยกัน
“ปีนี้ผมระเบิดฟอร์มชัดเจนว่า คนรู้จักผมทั้งจากเรื่องของเล่นด้วย เรื่องอาหารด้วย และคงเป็นสองอย่างที่ผมจะทำคู่กันไปในปี 2567 นี้ ซึ่งก็กำลังแพลนไว้ว่าอยากทำแฟร์ของตัวเอง แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะมีเมื่อไร รอชะตาฟ้าลิขิตอยู่ ก็คือ รอเมียผมตัดสินใจร่วมกันครับ (หัวเราะ) ทุกปีผมแพลนทุกอย่างเอาไว้ว่าอยากทำนั่นทำนี่มากมาย แต่คุณตู่บอกว่าช่วยดูด้วยว่าฉันไหวไหม เธอโพล่งอย่างเดียวเลย ฉันตามเก็บไม่ไหว (ยิ้ม) งานที่ผมทำจะใช้ตัวผมคนเดียวไม่ได้ ต้องดูปัจจัยแวดล้อมหลายๆ ด้าน ผมต้องปรับตัวตามทุกแพลทฟอร์ม เพราะฉะนั้นก็ต้องรอดูว่าปีนี้อะไรขึ้น อะไรลง อันไหนเป็นเทรนด์ก็ต้องปรับตามให้ทัน
“ผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้ทำงานในสิ่งที่รัก ได้กอดตุ๊กตา ไปนั่งกินข้าวรีวิว แล้วกลับบ้าน แค่นี้คือความสุขผมแล้ว ความสุขของคนเราไม่เหมือนกัน บางคนต้องกินหรูๆ แพงๆ นั่นคือสไตล์เขา
“ส่วนผมชอบอยู่แบบบ้านๆ และชอบกินอะไรง่ายๆ มากกว่า”