pe©ple

“อยากมีเงิน 1 พันล้าน ก่อนอายุ 25”

นี่คือสิ่งที่ นิว – ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ ขอพรกับพระพรหมทุกครั้งระหว่างทางเดินกลับบ้าน นิวเล่าว่านี่เป็นคำขอที่ไม่ได้จริงจังและเขาเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหาเงินหนึ่งพันล้านมาได้อย่างไร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะค่อยๆ ซึมซับความปรารถนาที่เอ่ยบอกพระพรหมบ่อยๆ อย่างไม่ทันได้รู้ตัว เขาจึงค่อยๆ สนุกกับเรื่องตัวเลขและเงินๆ ทองๆ อีกทั้งก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนทีละน้อย จนทำให้ปัจจุบัน นอกจากนิวจะเป็นนักแสดงมากฝีมือแล้ว เขายังเป็น ‘นักลงทุน’ ผู้สนุกกับการเล่นหุ้นอีกด้วย

นิวเข้าสู่โลกของการลงทุนมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ได้ลองผิด ลองถูกมาก็หลายครั้ง จนวันนี้นิวได้พบกับจังหวะการลงทุนที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง นอกจากลงทุนเพื่อให้ได้กำไรแล้ว ชีวิตในวัย 30 ปียังทำให้เขาค้นพบ ‘การลงทุน’ เพื่อร่างกายและจิตใจ ที่จะทำให้ชีวิตของเขารุ่มรวยในทุกๆ ด้าน 

ก่อนที่บทสนทนาในวันนี้จะเริ่มต้นขึ้น นิวขอเวลาก่อนเริ่มพูดคุยสักครู่เพื่อรีบซื้อกองทุนที่เขาเล็งไว้ ทำให้เราเห็นเขาในมาดนักลงทุน เป็นอีกมุมแบบที่ไม่เคยเห็นผ่านจอมาก่อน

พอดีเล็งๆ กองทุนจีนไว้อยู่ แล้วพอดีวันนี้หุ้นรวมจีนลงมาเยอะ ถ้าซื้อวันนี้อาจได้ราคาที่โอเค ก็ติดตามดูเรื่อย ๆ เลยครับ” นิวบอกกับเรา

สนใจเรื่อง ‘การลงทุน’ มาตั้งแต่ตอนไหน

นิวรู้จักการลงทุนตอนปี 1 ตอนนั้นเรียนอยู่ที่คณะวิศวะฯ จุฬาฯ มีโบรกเกอร์จัดบูธหาลูกค้ามาเปิดพอร์ต เจาะตลาดนักศึกษา เพื่อนก็ชวนไป เราไม่รู้เรื่องเลยแต่ก็ไปตามเพื่อนพอไปแล้วเขาก็บอกว่าไม่ต้องทำอะไรก็ได้แต่เปิดพอร์ตให้พี่หน่อย เราเกรงใจก็เลยเปิดให้เขา พอเปิดปุ๊บก็เริ่มอยากศึกษาว่ามันคืออะไร นั่นคือจุดเริ่มต้น ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักเลย ไม่รู้ว่าหุ้นคืออะไร SET100 คืออะไร

พอเปิดพอร์ตแล้วเป็นอย่างไรต่อ

เค้าก็ไม่ได้สอนอะไรเลย (หัวเราะ) แค่บอกว่ากดซื้อ กดขายยังไง จริงๆ แล้วมันไม่ยากก็เลยทำได้ ตอนแรกเขาบอกให้เราเล่นหุ้นในกระดาษ ดูว่าซื้อหุ้นตัวนี้มาราคาเท่าไหร่ ตอนนี้ราคาเท่าไหร่ พอเล่นในกระดาษได้แป๊บเดียวเราก็รู้สึกเบื่อ เพราะมันไม่ได้อะไร เลยไปหาเงินมาลงทุน แต่ตอนนั้นยังไม่มีเงินขนาดนั้น เลยเน้นดูและศึกษาไปก่อน 

ช่วงแรกที่ลงทุนจริงๆ เป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนั้นเป็นช่วงจะขึ้นปี 2 ได้เริ่มทำงานพอดี ก็มีเงินเดือนนิดหน่อย เลยเอาเงินส่วนนั้นทั้งหมดมาลงทุนกับหุ้น พอลงทุนแล้วเราเห็นว่าได้เงิน ก็เลยสนุก หลังจากนั้นเลยไปถามหม่าม้าว่าเงินตอนเด็กๆ ที่เราเคยหยอดกระปุกฝากไว้อยู่ไหน เมื่อ 10 ปีที่แล้วธนาคารให้ดอกเบี้ยประมาณ 25 สตางค์ ซึ่งน้อยมาก เพิ่งขึ้นมาไม่กี่ปีนี้เอง (หัวเราะ) เลยคิดว่าอย่างน้อยถ้าเราลงทุนกับหุ้นที่เสถียรหน่อย เราก็สามารถหาเงินเพิ่ม 7 เปอร์เซ็นต์ได้ง่ายมาก เราจะมาเอา 25 สตางค์ทำไม ไปเอา 7 บาทดีกว่า เลยเริ่มโยกเงินฝากตั้งแต่ตอนเด็กมาซื้อหุ้น พอหุ้นเติบโต ก็เหมือนได้โบนัส เลยรู้สึกว่าลงทุนกับหุ้นนี่แหละที่เหมาะกับเรา 

คิดว่าการเล่นหุ้นเหมาะกับตัวเองอย่างไร

นิวมองว่า ถ้าตัวเองจะไปทำธุรกิจ ก็ไม่มีเวลาทำ จากที่เคยทำมาหลายๆ ธุรกิจแล้ว รู้สึกว่ามันต้องใช้เวลาหรือต้องมีพาร์ทเนอร์ที่เป็นโปรเฟสชันนอล แล้วลักษณะของเราเป็นคนอินโทรเวิร์ต ไม่ชอบคุยกับคน ตลาดหุ้นก็เป็นอีกหนึ่งทางที่ทำให้เราไม่ต้องคุยกับใคร ไม่ต้องไปประชุม ไม่ต้องขอร้อง ไม่ต้องโดนด่า แต่สามารถสร้างรายได้ได้ นิวว่าการไม่ต้องเจอคน ได้ศึกษาเองอยู่หน้าจอคนเดียว อาจจะเหมาะกับคนเป็นอินโทรเวิร์ตนะ เราไม่ต้องพึ่งใคร เราพึ่งตัวเอง (หัวเราะ) 

สำหรับนิว การเล่นหุ้นสนุกอย่างไร  

เป็นคนชอบตัวเลขอยู่แล้ว แม้จะไม่ได้เล่น ไม่เทรด ไม่ได้ลงเงิน แค่นั่งดูหุ้นกระพริบก็สนุกแล้ว พอเจาะลึกอีก เริ่มศึกษาว่าในตลาดมีหุ้นกี่ประเภท มีอะไรบ้าง มีหุ้นอีกทั่วโลกที่รอให้เราศึกษาและทำเงินกับมันได้จริงๆ พอศึกษามากขึ้นก็รู้จักธุรกิจมากขึ้น รู้สึกว่าเป็นทางที่เราชอบ

คิดว่าสิ่งสำคัญของ ‘การลงทุน’ คืออะไร 

นิวมองว่าจริงๆ แล้วมันเข้าถึงง่ายนะ ขอแค่เรามีเวลาและมีใจที่อยากเรียนรู้ สิ่งที่ขาดคือความไม่รู้มากกว่า คนเรารู้ไม่เท่ากัน แม้แต่คนที่เล่นหุ้นด้วยกันเองก็รู้ไม่เท่ากัน เพราะเราแต่ละคนก็ศึกษามาไม่เท่ากัน เวลานิวชวนคนเล่นจะชอบชวนด้วยการถามว่าชอบธุรกิจอะไร ชี้เลย เดินผ่านแล้วชอบอันไหน เดี๋ยวบอกให้ว่าคือหุ้นอะไร เราก็จะถามเขาว่าทำไมถึงชอบ ทำไมถึงอยากลงทุนในธุรกิจนี้ ถ้าเราเป็นเจ้าของสิ่งนี้เราอยากได้กำไรเท่าไหร่ แล้วไปดูว่าคู่แข่งในตลาดเขาเป็นใคร พอศึกษาจากสิ่งที่เราชอบจะเริ่มเข้าใจ ก็ค่อย ๆ ศึกษาเพิ่มเติมไป ให้เรียนรู้จากสิ่งที่เห็นและจับต้องได้ ความจริงแล้วมีธุรกิจใกล้ตัวเราเยอะมากเลยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์

เคยได้ยินมาว่านิวอยากมีเงิน 1 พันล้านก่อนอายุ 25 

เป็นการขอแบบเด็กๆ ไม่ใช่เป้าหมายอะไร (หัวเราะ) บ้านผมอยู่แถวๆ ศาลพระพรหม เวลาผมเดินไปเรียนหรือเดินผ่านตอนกลับบ้านทุกครั้ง ผมก็จะ “สวัสดีครับ ขอให้อายุ 25 มีเงินพันล้านครับ” ที่ขอไปไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่รู้เลยว่าจะได้มายังไง ตามประสาเด็กๆ ก็ขอแบบนี้แล้วกัน อายุ 25 จะได้เกษียณตัวเอง เลิกทำงาน

พอทำงานจริงๆ เริ่มวางแผนเรื่อง ‘การเงิน’ อย่างไร

5 ปีให้หลังนี้เริ่มมาวางเป้าหมายจริงจัง เริ่มคิดว่าเราอยากได้เงินต่อเดือนเท่าไหร่ ถ้าปันผลออกมาต้องใช้กี่เปอร์เซ็นต์ ก็คูณออกมาว่าพอร์ตของเราต้องมีขนาดเท่าไหร่ถึงจะได้เงินเท่านี้ต่อเดือน เป็นเป้าหมายในการลงทุนว่าปันผลต่อเดือนเราอยากได้เท่าไหร่ เท่านี้ก็โอเคแล้ว 

ช่วงแรกๆ ที่ลงทุนมีผิดหวังบ้างไหม

โห เจอมาเยอะครับ (หัวเราะ) แต่โชคดีที่เริ่มเล่นตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนเด็กๆ เรายิ่งชอบพวกหุ้นที่มีกระแส ขึ้นแรง ลงแรง มันสนุกมากเลย บางทีลดไป 70 เปอร์เซ็นต์อีกอาทิตย์ อ้าว กลับขึ้นมาบวกแล้ว มันเหวี่ยงแบบนี้เลย แต่ตอนนั้นเราใช้เงินลงทุนไม่กี่หมื่น คือใจมันได้ ก็เสียดายเงิน แต่ไม่ได้หายไปเยอะมาก เราเล่นจนรู้ว่าตัวว่าชอบหุ้นแนวไหน พอรู้ว่าตลาดเป็นอย่างไร รอบเป็นอย่างไร ก็เข้าใจธรรมชาติของมันครับ

ทุกวันนี้สไตล์การลงทุนของนิวเป็นอย่างไร 

แต่ก่อนลงทุน 100 เปอร์เซ็นต์ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้เบาลง แบ่งเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็อีก 50 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือก็แบ่งเป็นเงินเก็บ 30 อีก 10 เป็นเงินซื้อของกินและเที่ยว ที่ผ่านมานิวขอแค่มีเงินกินข้าวก็พอ ที่เหลือจะเอาไปลงทุนหมดเลย จริงๆ เราควรจะมีเปอร์เซ็นต์แบ่งไว้ว่าเราควรจะเอาเงินไปทำอะไรบ้าง ส่วนนี้ไว้ซื้อของขวัญ ส่วนนี้ไว้ทำอะไร มีงงบให้ตัวเอง เหมือนเงินในบริษัทที่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ  

ทำไมถึงเริ่มแบ่งเงินเป็นสัดส่วน

พอไม่แบ่งมันสะเปะสะปะเกินไป สุดท้ายของก็ต้องซื้อ อันนั้นก็ต้องกิน เที่ยวก็ต้องไป ไม่รู้ว่าใช้เงินไปเท่าไหร่แล้ว แต่ก่อนไม่ได้แบ่งประเภทขนาดนั้น แต่ยังดีที่ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายไว้ ตอนเด็กๆ มาเรียนอยู่กรุงเทพฯ คนเดียว เราสงสัยว่าเงินที่พ่อแม่ให้มา ทำไมแค่ไม่กี่วันมันถึงเริ่มหายไป เรามานั่งนับเงิน ได้มาหมื่นนึงทำไมเหลือแค่ 4 พัน แล้วเงินมันหายไปไหน แค่ไม่กี่วันเอง เราเลยจดไว้จะได้รู้ว่าเงินมันหายไปไหน บ้างครั้งเราใช้จุกจิก 3-4 ร้อย แป๊บเดียวเงินหมดไป 5-6 พัน เลยเป็นที่มาของการจดว่าเราซื้ออะไร กินอะไร จดเป็นนิสัยมาจนทุกวันนี้ เงินออกจะจดละเอียดกว่า เพราะเราได้เห็นว่าเราเอาเงินไปใช้ทำอะไรบ้าง ใช้เงินไปกับการเที่ยว การกิน กับการซื้อของเยอะไปแล้วหรือเปล่า ตอนนี้เลยเริ่มเป็นระบบมากขึ้น

เป้าหมายของ  ‘การลงทุน’ จากวันแรกแรกถึงวันนี้เปลี่ยนไปอย่างไร

เปลี่ยนไปครับ นิวไม่ได้ต้องการอะไรมากขนาดนั้น ถามว่าชอบเที่ยวไหม ก็ชอบ แต่ถามว่าอยากเที่ยวขนาดนั้นไหม ก็ไม่ บางคนเขามีความต้องการชัดเจนว่าต้องได้ไปที่นั่น ที่นี่ให้ได้ ต้องไปร้านอาหารนี้ ต้องไปถ่ายรูปที่นี่ ส่วนนิวไม่ได้ความต้องการชัดเจนขนาดนั้น

แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปนะ เรามองว่าตัวเองควรจะได้เที่ยว ได้พักผ่อนบ้าง พอยิ่งอายุเยอะขึ้นนิวเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต นิวว่าการเที่ยวก็เป็นการดูแลสุขภาพจิตอย่างหนึ่ง สำหรับสุขภาพกาย เราก็เข้าโรงพยาบาลไปตรวจเช็คสุขภาพ ซื้อประกัน ซื้อคอร์สต่างๆ เน้นการดูแลสุขภาพมากขึ้น เราแบ่งเปอร์เซ็นต์ของเงินให้หมวดนี้ด้วย 

พออายุขึ้นเลขสาม นิวรู้สึกว่าต้องดูแลตัวเองอย่างจริงจังแล้ว จริงๆ ผู้ใหญ่เขาก็เคยสอนเรา ว่าทำนู่น ทำนี่และจะดีต่อร่างกาย ตอนเด็กๆ เราไม่เชื่อเพราะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรง แต่สุดท้ายพอเข้าวัยนี้จริงๆ มันมาหมดเลย เราเลยคิดว่าลงทุนกับร่างกายบ้าง ดีกว่าเอาเงินไปลงทุนกับหุ้นอย่างเดียวแล้วไม่ได้เอาเงินมาใช้เลย 

การลงทุนในอาชีพนักแสดงสำหรับนิวคืออะไร 

โชคดีที่ส่วนหนึ่งของการทำอาชีพนักแสดงมาจากสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตที่ดี และต้องดูแลตัวเองส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือการดูแลเทคนิคหรือวิชาในการทำงานแสดง หลังๆ ได้ไปเรียนร้องเพลง เรียนเต้น เข้าฟิตเนส เหมือนเราได้ดูแลทั้งสุขภาพและด้านการแสดงด้วย เราต้องมีร่างกายที่พร้อมใช้อยู่เสมอ บางคนทำงานออฟฟิศเขาอาจไม่รู้ว่าต้องออกกำลังกายไปทำไม เพราะไม่ได้ใช้ร่างกาย แต่นิวมองว่ามันเป็นเรื่องของสุขภาพที่เราต้องดูแล จริงๆ แล้วแต่คนนะ แค่นิวมองว่าเราโชคดีที่การเป็นนักแสดงแปรผันตรงกับตรงกับเรื่องสุขภาพพอดี 

 มองเป้าหมายของอาชีพนักแสดงไว้อย่างไร  

พอขึ้นเลขสามแล้ว ก็เลือกงานที่ท้าทายขึ้น และเราใส่ความเป็นตัวเองลงไปมากขึ้น ตอนเด็กๆ เวลาเราไม่ชอบสิ่งไหน อยากขออะไร เราเกรงใจ ไม่กล้า แต่พอโตมารู้สึกว่าไม่ได้ เราต้องพูดอะไรได้บ้าง มันถึงเวลาของเราแล้ว เราก็จะบอกว่าพี่ครับผมขอแบบนี้ได้มั้ย ขอแบบนั้นได้มั้ย ผมว่าเพิ่มอันนี้น่าจะดีขึ้นนะครับ มันเลยทำให้ผลงานที่ออกมากลมมากขึ้น เราใส่ประสบการณ์ลงไป พอมีการขัดเกลาจากตัวนักแสดงเองด้วย จากทีมงานด้วย ผลงานที่เราทำก็สมบูรณ์มากขึ้น และรู้สึกเป็นตัวเองมากขึ้น

อยากให้เล่าถึงผลงานล่าสุด บ้านหลอน On Sale

เรื่องนี้เป็นเรื่องของกลุ่มเพื่อนที่ช่วยกันปราบผีของแต่ละอสังหา ผีแต่ละตน จากแต่ละที่ก็จะมีปัญหาของตัวเองที่แตกต่างกันไป เหมือนเราได้ทำความเข้าใจคนนั่นแหละ เพราะผีก็เคยเป็นคนมาก่อน เรื่องนี้จะสะท้อนว่าถ้าเรามีปัญหาแบบนี้ เราจะแก้อย่างไร รื่องนี้ไปสุดทุกด้าน พอเป็นผีก็น่ากลัวสุดๆ ไปเลย มีจังหวะคอเมดี้ และมีดราม่าของผีแต่ละตนด้วย จริงๆ มีเรื่องความรัก ความอบอุ่นของครอบครัวด้วย เพราะพูดถึงความหมายของคำว่า ‘บ้าน’ ของแต่ละคนและพูดถึงมิตรภาพของกลุ่มเพื่อนด้วย ถือว่าเป็นซีรี่ส์ผีที่ครบรส

ได้เรียนรู้อะไรจากซีรี่ส์เรื่องนี้ 

อาจเป็นการแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยความเข้าใจจริง เพราะผีที่อยู่ในอสังหาแต่ละที่จะมีปัญหาที่เขายึดติดอยู่ทำให้ไปเกิดใหม่ไม่ได้สักที พอเราเข้าใจปัญหาของเขาจริงๆ เราก็จะรู้ว่าต้องแก้ด้วยอะไร จริงๆ มันอาจจะเป็นเรื่องที่ simple มาก ทำให้เขารู้สึกว่าถูกปลดปล่อยแล้ว ไปเกิดใหม่ได้แล้ว    

ผลงานของนิวที่ติดตามได้ในเร็วๆ นี้

มีภาพยนตร์ที่ถ่ายทำเสร็จแล้ว เล่นกับน้อง เมเบิ้ล (สิริวลี สิริวิบูลย์) ชื่อเรื่องว่า Endpresso ปณิธานหวานน้อย เป็นเรื่องเกี่ยวกับความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วของผู้หญิงและผู้ชาย ผู้หญิงอยากอยู่คนเดียวมาก ไม่ต้องการใคร ส่วนผู้ชายรู้สึกว่าอยากเทคแคร์ เป้าหมายของฉันคือการดูแลผู้หญิงคนนี้ เลยเป็นความคอนทราสต์อย่างมากและเกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย ต้องติดตามว่าจะลงเอยอย่างไร เป็นแนวน่ารักใสๆ ของ พี่เพชร (พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร) ผู้กำกับสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ที่จะกลับมากำกับหนังอีกครั้งในรอบ 10 ปี

มากกว่าเรื่องการเงิน ความมั่งคั่งและมั่นคงในชีวิตของนิวมีเรื่องไหนอีกบ้าง 

ความมั่นคงของสุขภาพนี่แหละที่สำคัญ พอขึ้นเลขสามจะเห็นได้ชัดว่าร่างกายเราถดถอยลงไป ถ้าอยากจะรักษาไว้ เราก็ต้องลงทุนในร่างกายของเราเหมือนกัน ต้องหาอะไรมาเสริม มาเติม ยืดอายุการใช้งานร่างกายของเราได้ต่อไป 

คิดว่าสิ่งสำคัญของการลงทุนคืออะไร 

นิวมองว่าจริงๆ แล้วมันเข้าถึงง่ายนะ ขอแค่เรามีเวลาและมีใจที่อยากเรียนรู้ สิ่งที่ขาดคือความไม่รู้มากกว่า คนเรารู้ไม่เท่ากัน แม้แต่คนที่เล่นหุ้นด้วยกันเองก็รู้ไม่เท่ากัน เพราะเราแต่ละคนก็ศึกษามาไม่เท่ากัน เวลานิวชวนคนเล่นจะชอบชวนด้วยการถามว่าชอบธุรกิจอะไร ชี้เลย เดินผ่านแล้วชอบอันไหน เดี๋ยวบอกให้ว่าคือหุ้นอะไร เราก็จะถามเขาว่าทำไมถึงชอบ ทำไมถึงอยากลงทุนในธุรกิจนี้ ถ้าเราเป็นเจ้าของสิ่งนี้เราอยากได้กำไรเท่าไหร่ แล้วไปดูว่าคู่แข่งในตลาดเขาเป็นใคร พอศึกษาจากสิ่งที่เราชอบจะเริ่มเข้าใจ ก็ค่อย ๆ ศึกษาเพิ่มเติมไป ให้เรียนรู้จากสิ่งที่เห็นและจับต้องได้ ความจริงแล้วมีธุรกิจใกล้ตัวเราเยอะมากเลยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์

อยากบอกอะไรกับคนที่อยากเริ่มลงทุน  

การลงทุนมันแล้วแต่บุคคลว่าชอบหรือไม่ชอบ ต้องการหรือไม่ต้องการ นิวมองว่าการลงทุนเหมือนกับการที่เราทำธุรกิจหนึ่ง เช่น ลงทุนร่วมกับเพื่อนหรือลงทุนร่วมกับใครบางคน แต่เราจะมีหน่วยงานที่น่าเชื่อถือในระดับหนึ่งช่วยกำกับ ดูแล (หัวเราะ) ถ้าลงทุนกับเพื่อน เพื่อนอาจโกงเราได้ง่าย แต่พอเป็นหุ้นจะมีคนช่วยดูในระดับหนึ่ง 

จริงๆ มันไม่ได้ยากเลยครับ แค่ซื้อ-ขาย แต่การเลือกหุ้นก็ต้องไปศึกษาเพิ่มกัน ใครที่ชอบหรือคิดจะทำธุรกิจอาจลองดูพวกตลาดหลักทรัพย์ดูก็ได้ครับ 

ติดตาม ‘นิว ฐิติภูมิ’ ได้ที่

Instagram : newwiee

Facebook : Thitipoom Techaapaikhun