w©rld

วงการใดบ้างที่จะถูกเทคโนโลยี 5G ขับเคลื่อนอย่างเห็นได้ชัดที่สุด

ในอนาคตอันใกล้ เมื่อภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยจนเกินกว่าจะพยากรณ์ได้ หรือเหตุก่อการร้ายเองก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกมุมโลก ไม่แน่ว่าในบ่ายธรรมดาวันหนึ่งเราอาจจะต้องรีบหนีตายมองหาทางหนีไฟที่ใกล้ที่สุดในออฟฟิศ ทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณนิรภัยดังขึ้น โดยไม่รู้ว่าโกลาหลจากเสียงระเบิดและไฟที่กำลังลุกไหม้เกิดจากสาเหตุใดกันแน่

5G
หน้ากากนิรภัย Heart
Photo: https://www.behance.net/gallery/89441445/H-E-A-R-T

และแทนที่จะต้องรวบรวมสติสัมปชัญญะนึกให้ออกว่าทางหนีไฟอยู่ตรงไหน ทุกคนกลับวิ่งไปที่ตู้เก็บหน้ากากนิรภัย Heart แล้วหยิบมาสวมคนละอัน เพราะนอกจากจะป้องกันการสูดควันพิษได้แล้ว Heart ยังเชื่อมต่อกับสัญญาณ 5G ช่วยนำทางผู้สวมใส่ให้เดินตามแสงไฟบอกทั้งทิศและระยะทางที่ส่องชัดเจนอยู่บนพื้น แล้วเดินไปสู่ทางออกที่ใกล้ที่สุด

5G
Photo: https://www.behance.net/gallery/89441445/H-E-A-R-T

นี่เป็นตัวอย่างของการฝังสัญญาณ 5G ลงไปในสรรพสิ่งรอบตัวที่กำลังจะเกิดขึ้นจริง อย่างหน้ากากนิรภัย Heart เองก็เป็นผลงานของ ยัง จูน คิม (Young June Kim) ดีไซเนอร์สัญชาติเกาหลีแห่ง Fountain Studio ที่หากพร้อมใช้งานเมื่อไรก็น่าจะช่วยชีวิตผู้คนให้รอดพ้นภัยพิบัติได้อย่างเห็นผล ทั้งยังเป็นการเลื่อนขั้น IoT (Internet of Things) ไปสู่ IoA (Internet of Actions) ได้ด้วยกลไกสำคัญอย่าง 5G

ด้วยความสามารถที่เหนือชั้นกว่า 4G ที่ทั้งเร็วกว่าเดิม 20 เท่า มีความหน่วงน้อยกว่าเดิม 10 เท่า และรองรับจำนวนการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มากกว่า 4G ถึง 10 เท่า ทำให้ 5G ไม่ได้เป็นแค่สัญญาณอินเตอร์เน็ตในสมาร์ทโฟนที่เร็วและแรงขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อทำงานร่วมกับการเรียนรู้ของ AI วิเคราะห์ด้วย Big Data ผ่านอุปกรณ์ IoT หลายล้านชิ้นกับเซ็นเซอร์อีกหลายล้านตัว ก็จะยิ่งทำให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มีความสามารถในการคิดคำนวณได้เองเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น หุ่นยนต์ในโรงงาน ยานยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์ผ่าตัด ไปจนถึงการบริหารระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งไฟฟ้า ประปา และการสร้างเมืองอัจฉริยะ

5G

บรรดาประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่างจีน สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ ได้เปิดใช้งาน 5G ในเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา ส่วนประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนามมีแผนจะเปิดใช้ 5G งานภายในปี 2020 นี้ รวมถึงประเทศไทยเองที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เปิดประมูลคลื่นความถี่ที่สามารถรองรับการให้บริการเทคโนโลยี 5G ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา

ตัวอย่างของ 5G ที่ใกล้ชิดชีวิตชาวโลกมากที่สุดในตอนนี้ เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่โรคระบาดโควิด 19 เข้ายึดครองทุกหัวหาดทั่วโลก โดยได้มีการทดลองใช้หุ่นยนต์ทางการแพทย์ในการตรวจเชื้อโควิด และใช้เทคโนโลยี AI สำหรับเครื่อง CT Scan ในการตรวจปอดคนไข้โดยใช้เวลาแค่ 30 วินาที 

ดังนั้น จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ไม่จำเป็นต้องแปะป้ายคำว่า Smart หรืออัจฉริยะให้กับข้าวของอีกต่อไป เพราะทุกความฉลาดและความเร็วที่ถูกฝังไว้ในอุปกรณ์ใกล้ตัวกำลังกลายเป็นเรื่องธรรมดาเสียยิ่งกว่าสามัญ โดยเฉพาะใน 3 วงการต่อไปนี้ที่จะถูกเทคโนโลยี 5G ขับเคลื่อนอย่างเห็นได้ชัดที่สุด

วงการสาธารณสุข

นาฬิกาที่เคยสวมติดข้อมือเพื่อนับก้าวเดินหรือวัดคลื่นหัวใจจะทำหน้าที่มากกว่านั้น ด้วยการบันทึกข้อมูลสุขภาพของผู้สวมใส่โดยละเอียด และส่งสัญญาณเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติในร่างกาย พร้อมที่จะให้คุณหมอดึงข้อมูลทั้งหมดไปประมวลผลเพื่อทำการวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ส่วนการเอ็กซ์เรย์ก็จะแสดงผลชัดเจนขึ้นในแบบสามมิติ และการผ่าตัดในระยะไกลก็สามารถทำได้แม่นยำยิ่งขึ้น เมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำงานร่วมกับหุ่นยนต์และสัญญาณ 5G เหมือนอย่างที่ ราฟาเอล กรอสแมน (Rafael Grossman) ศัลยแพทย์ อาจารย์ และนักพยากรณ์ด้านสาธารณสุข เล่าถึงความสามารถของ 5G เอาไว้ผ่านเครือข่าย T-Mobile ของสหรัฐอเมริกา

วงการค้าปลีก

การนำเทคโนโลยี AR และ VR มาใช้แสดงผลแบบสามมิติเพื่อให้เห็นว่าสวมเสื้อตัวนี้กับรองเท้าคู่นี้จะเหมาะไหม หรือโซฟาตัวนี้ต้องวางตรงมุมไหนของห้องถึงจะเหมาะ จะกลายเป็นเรื่องสามัญที่ใครๆ ก็จะทำกันจนเป็นเรื่องปกติก่อนซื้อสินค้า เหมือนอย่างที่แบรนด์หรูอย่าง Chanel, Dior, Burberry หรือ Gucci ได้ทดลองใช้งาน AR ได้พักใหญ่แล้ว


และอีกไม่เกิน 15 ปีข้างหน้า เราจะไม่ต้องขับรถไปซูเปอร์มาร์เก็ตเองอีกต่อไป เพราะข้าวของทุกชิ้นที่เราเลือกหยิบใส่รถเข็นจะฝ่าการจราจรมาส่งถึงหน้าประตูบ้านได้เอง พยากรณ์โดยกุยเลอร์โม เพดราจา (Guillermo Pedraja) หัวหน้าแผนก 5G และ IOT แห่งเครือข่าย NTT Data UK

5G

วงการบันเทิง

การถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์จะใช้กล้อง 3D เท่านั้น เพื่อให้พร้อมแก่การถ่ายทอดสดแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ และมองได้รอบทิศแบบ 360 องศา พูดง่ายๆ ว่าคนดูแทบจะเข้าไปอยู่ในฉากที่กำลังดูอยู่ได้อย่างสมจริง ซึ่งนอกจากจะเลือกดูจากองศาไหนที่ต้องการก็ได้แล้ว คนดูยังสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครได้จริงๆ ไม่ใช่แค่กับตัว avatar อีกต่อไป

5G

เราอาจจะไม่ต้องพยายามจินตนาการอนาคตของ 5G ให้เหนื่อย เพราะรู้ตัวอีกที วิวัฒนาการต่างๆ ของปัญญาประดิษฐ์ก็ได้รุกคืบเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตโดยแทบไม่ต้องปรับตัว

อ้างอิง