“ในสถานการณ์โรคโควิด-19 แพร่ระบาด บางคนอาจมีทางให้เลือกไม่มากนัก แต่อย่างน้อยภายใต้ทางเลือกอันจำกัด ก็มีทางให้เราเลือกอยู่สองทางเสมอ นั่นคือจะสู้ต่อ หรือขอยอมแพ้”
“ถ้าถามว่ากลัวไหม…จะให้ทำไงได้ ก็มันต้องกินต้องใช้”
พี่งอนชายผู้พิการทางสายตาวัย 47 ปี
บอกเล่าถึงความจำเป็นที่ต้องออกจากบ้านมาถือไมค์ร้องเพลง เพื่อหาเลี้ยงปากท้องและครอบครัว ที่ตีนบันไดขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีอ่อนนุช
.
ในสถานการณ์โรคโควิด-19 แพร่ระบาด บางคนอาจมีทางให้เลือกไม่มากนัก แต่อย่างน้อยภายใต้ทางเลือกอันจำกัด ก็มีทางให้เราเลือกอยู่สองทางเสมอ
นั่นคือจะสู้ต่อ หรือขอยอมแพ้
และดูเหมือนว่า พี่งอนจะเลือกอย่างแรกมากกว่าอย่างหลัง
.
“มันก็พอได้อยู่” พี่งอนบอก ก่อนเล่าว่าหลังจากเชื้อไวรัสเริ่มระบาด จากที่เคยเดินทางออกมาร้องเพลงตอนเช้า ทุกวันนี้เขาต้องเปลี่ยนเวลามาเป็นช่วงบ่าย เนื่องจากตั้งแต่คนเริ่มกักตัวอยู่ในบ้าน เวลาเช้าที่ปกติคนจะออกเดินทางไปทำงาน ไม่มีใครออกมาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
.
จากบ่ายจนล่วงสู่หัวค่ำ เสียงเพลงจากพี่งอนยังคงขับกล่อมผู้คนย่านอ่อนนุชที่กำลังเดินทางกลับบ้าน
บางคนหยุดฟัง แล้วล้วงเงินในกระเป๋า
บางคนเดินผ่าน ราวกับไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของพี่งอน และเสียงเพลง
ถึงแม้ตัวเขาจะยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง
ของดวงไฟ ที่ส่องมาจากข้างทางก็ตาม
.
วันนี้จะได้เงินเท่าไหร่?
พี่งอนไม่รู้ เขารู้อยู่อย่างเดียวว่า วันนี้ต้องกลับบ้านให้ทันก่อน 4 ทุ่ม
และในวันรุ่งขึ้น เขาจะกลับมาใหม่อีกครั้ง