w©rld

เมื่อประชากรโลกถูกกักตัว ไม่สามารถเดินทางข้ามพรมแดนได้ ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่ว่าจะด้านการคมนาคม โรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ

าวร้ายคือ ต้องใช้เวลากว่าจะฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิม ส่วนข่าวดีคือ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน แต่การท่องเที่ยวจะค่อยๆ พลิกโฉมไป เป็นรูปแบบใหม่ๆ ที่ช่วยให้มนุษย์สนุกกับการเดินทางมากขึ้น   

เรย์ แฮมมอนด์ (Ray Hammond) นักอนาคตวิทยาาดการณ์อนาคตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไว้ในรายงาน The World 2040 เผยแพร่ในนามบริษัทประกันภัย อลิอันซ์ พาร์ทเนอร์ส (Allianz Partners) ว่า อีก 20 ปีต่อจากนี้พรมแดนจะเป็นเพียงสิ่งสมมุติ เพราะเทคโนโลยีจะเชื่อมเราทุกคนไว้ด้วยกัน และเมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าใครก็ท่องเที่ยวไปได้ทุกที่ 

โตแล้วขับเองได้ 

ในอนาคตรถยนต์จะขับเคลื่อนอัตโนมัติ 

รถ’ เป็นพาหนะแรกๆ ที่คนเราเข้าถึงได้ และมีการพัฒนาที่ชวนให้เราตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอด ความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มเห็นได้ชัดเป็นวงกว้างคือ รถรุ่นใหม่ๆ ใช้เครื่องยนต์ระบบไฮบริดจ์ (HEV : Hybrid Electric Vehicle) และระบบไฟฟ้า (EV : Electric Vehicle) ที่ช่วยให้เครื่องยนต์เผาไหม้น้อยลง ลดมลพิษจากท้องถนนลงไปได้มาก 

สิ่งที่กำลังจะตามมาคือ รถยนต์ในอนาคตอันใกล้จะเปลี่ยนไปเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ไร้คนขับ เช่นเดียวกับ รถยนต์ระบบ ออโต้ไพลอต (Autopilot) ของ เทสลา (Tesla) ที่พัฒนาสำเร็จในปี 2016 ที่ผ่านมา โดยตัวรถจะสามารถเคลื่อนที่ด้วยตัวเองอย่างชาญฉลาดและมีการคำนวณระยะอย่างละเอียด ทำให้มีความปลอดภัยสูง และไม่เปลืองแรงจับพวงมาลัย 

นอกจากนี้ แต่เดิมที่เป็นแค่พาหนะ รถอาจกลายมาเป็นที่ค้างแรมเคลื่อนที่ได้อีกด้วย รถบ้านกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะถูกออกแบบมาอย่างครบครัน สามารถโยกย้ายไปได้ทุกที่ นี่จึงเป็นตัวเลือกที่เข้ามาเปลี่ยนวิถีการท่องเที่ยวแบบเดิมๆ ไปอีกขั้น 

เทคโนโลยีที่ทำให้รถมีความสามารถขึ้นขนาดนี้จะทำให้การขับรถระยะทางไกลๆ ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออย่างที่เคย รถยนต์อัจฉริยจะร้องเรียกให้ผู้คนอยากออกเดินทางมากขึ้น 

 

เครื่องบินทุกลำเร็วกว่าเสียง ถึงไวเหมือนวาร์ปมา 

เทคโนโลยีจะทำให้ใครๆ ก็บินได้ 

ในปี 2030 การจอดพักเครื่องระหว่างประเทศอาจกลายเป็นแค่เรื่องเล่า ต่อไปนี้เราจะไม่ต้องโอดครวญกับที่นั่งแคบๆ นานเหมือนแต่ก่อน เพราะเครื่องบินเชิงพาณิชย์ทั่วไปกำลังจะมีความเร็วเหนือกว่าเสียง เทียบเท่ากับเครื่องบินขับไล่ซูเปอร์โซนิก (Supersonic) 

นอกจากจะเร็วประหนึ่งเทเลพอร์ตแล้ว รายงานของ Netflights ’2050 : The Future of Air Travel ยังระบุว่าราคาตั๋วจะถูกลง เพราะสายการบินแข่งขันกันมากขึ้น การผูกขาดของอุตสาหกรรมสายการบินในอเมริกาจะน้อยลง เมื่อมีทางเลือกใหม่ๆ ถึงตอนนั้นไม่ว่าใครๆ ก็เข้าถึงการเดินทางโดยเครื่องบินเดินอย่างง่ายดาย 

นอกจากนี้ เทคโนโลยี AI จะเข้ามาจัดระบบของการบินให้เป็นระเบียบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นป้องกันการสูญหายของกระเป๋าเดินทาง การจองตั๋วเครื่องบินและที่พักที่สะดวกกว่าเดิม อีกทั้งยังมีระบบยกเลิกและคืนเงินได้อย่างรวดเร็ว เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาธนาคารอีกต่อไป มนุษย์ทุกคนจะกลายเป็นรหัสในบล็อกเชน ซึ่งทำให้จ่ายเงินและคืนเงินได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้รหัสความปลอดภัย 

 

รถไฟไวเท่าเครื่องบิน 

ไม่นานเกินรอ อีกราวๆ 20 ปี รถไฟความเร็วสูงจะใช้เวลาเดินทางเทียบเท่ากับความเร็วของเครื่องบินในปัจจุบัน 

ในอนาคตการเดินทางด้วยรถไฟจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ จะใช้เวลาแค่ราวๆ ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น เพราะรถไฟใต้ดินความเร็วสูงจะมีความเร็ว 800-1,000 กิโลเมตร/ชั่วโมง และนั่นจะเกิดปรากฏการณ์หลอมรวมผู้คนจากพื้นที่ห่างไกลสู่สูญกลางของประเทศจนเป็นหนึ่งเดียวกัน 

 

เดินทางไกลใช้คาร์บอนต่ำ 

สิ่งที่เติบโตไปพร้อมๆ กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและคมนาคมคือ ‘พลังงาน’ พาหนะต่างๆ จะเผาไหม้น้อยลง เปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้ามากขึ้น และที่มาของพลังงานไฟฟ้าจะไม่ใช่จากการเผาไหม้ฟอสซิลอีกต่อไป แต่จะใช้พลังงานทดแทนมากกว่าเดิม เป็นอีกทางเลือกที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ 

ภายใน 10 ปีข้างหน้า United Airlines มีนโยบายเลิกใช้เชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ และหันไปใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น พวกเขามองเห็นว่าอนาคตของการเดินทางโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการบินจะยั่งยืนได้ ต้องเริ่มจากการบริหารเชื้อเพลิงเป็นอันดับแรก 

 

อยากไปไหน ต้องได้ไป 

ไม่มีอะไรไกล แม้กระทั่งดวงจันทร์ 

จากซีกโลกหนึ่งไปยังอีกซีกโลกหนึ่งอาจเป็นระยะทางที่ใกล้เกินไปสำหรับอนาคต เพราะจุดหมายปลายทางจะขยับขยายไปไกลกว่านั้น เราสามารถไปเยือนดวงจันทร์และดาวดวงอื่นๆ ในอวกาศ ได้ในอนาคตอันใกล้ 

ดูเหมือนว่าภาพยนตร์ไซไฟจะไม่ใช่แค่เรื่องสมมุติจากจอเงินอีกต่อไป Peter Cranis ผู้บริหารสำนักงานการท่องเที่ยว Space Coast คาดการณ์ว่าไม่ใช่แค่เราที่เดินทางไปนอกโลก แต่โลกของเราก็เป็นอีกหนึ่งสถาทีที่คอยต้อนรับสิ่งมีชีวิตจากดาวดวงอื่นด้วยเช่นกัน 

แม้การทำนายสำหรับปี 2040 จะเผยให้เห็นว่ามนุษย์เราจะเข้าถึงและสนุกกับการท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังต้องคอยระแวดระวังเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ในแต่ละพื้นที่อยู่เสมอ 

เส้นทางของการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่ได้อาศัยแค่ความก้าวหน้าทางวิทยาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการพร้อมรับมือและปรับตัวเพื่อรับความเสี่ยงใหม่ๆ ที่มาเยือนด้วย 

อ้างอิง