คืนวันคริสต์มาสอีฟ ปี 1954
เสียงร้องเพลงคริสต์มาสกึกก้องดังมาจากคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนขวางถนนหน้าบ้าน ในเมืองโอ๊คพาร์ค รัฐอิลลินอยส์ ราวกับพวกเขากำลังส่งเสียงไปยังฟากฟ้าที่มืดมิดของฤดูหนาว
รอบข้างรายล้อมไปด้วยฝูงชน หนึ่งในนั้นคือนักข่าว ทุกสายตาล้วนจับจ้องด้วยความตื่นตาตื่นใจ ราวกับกำลังชมมหรสพ
ชายและหญิงวัยกลางคนที่เป็นหัวเรือใหญ่ของการก่อจราจลกลายๆ ในวันนี้ คือ ชาร์ลส์ ลัคเฮด (Charles Laughead) อดีตแพทย์ วัย 54 ปี และ โดโรธี มาร์ติน (Dorothy Martin) ผู้เป็นเจ้าของบ้านตรงหน้า
ย้อนกลับไปเมื่ออาทิตย์ก่อนๆ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งพาดหัวข่าวเด่นหราว่า “นายแพทย์เตือน อังคารนี้จะเกิดภัยพิบัติ มั่นใจ! ปี 1955 นี้ หายนะเยือนแน่”
คนที่ออกมาเตือนไม่ใช่ใครที่ไหน ก็หมอชาร์ลส์หนึ่งในผู้นำทีมร้องเพลงคริสต์มาสในคืนนั้นนั่นเอง
ชาร์ลส์เป็นอดีตแพทย์ประจำรัฐมิชิแกน (Michigan State) ที่มีข่าวลือว่าถูกเชิญออกจากตำแหน่ง หลังจากเขาพยายามสอนเรื่องความเชื่อให้กับนักศึกษาในคลาส และก่อนหน้าที่จะมาเป็นนายแพทย์ เขายังเคยเป็นคนเผยแผ่ศาสนาคริสต์และเชื่อเรื่องยูเอฟโอเป็นตุเป็นตะอีกด้วย
ชาร์ลส์อ้างว่าเขารู้มาว่า อีกไม่นาน จะเกิดกระแสน้ำขึ้น น้ำลงและภูเขาไฟระเบิด เนื่องจากอ่าวฮัดสันในแคนาดากำลังขยายตัวไปยังอ่าวแม็กซิโก ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับอเมริกา นั่นเป็นคำเตือนครั้งแรกๆ ที่ทำให้เขาปรากฏตัวท่ามกลางสปอตไลท์และเป็นที่รู้จักในเมืองแห่งนั้น
ความจริงแล้วชาร์ลส์เป็นเพียงโฆษกที่นำสารไปเผยแพร่ต่อเท่านั้น เพราะผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง คือ โดโรธี มาร์ติน แม่บ้านวัย 54 ปี ที่อาศัยอยู่ในเมืองโอ๊คพาร์ค ผู้ที่หลงใหลในศาสนาคริสต์ ไซไฟยุคอะตอม สิ่งมีชีวิตจากนอกโลก รวมถึง ลัทธิไซเอนโทโลจี (Scientology) ที่โด่งดังในอเมริกา แม้แต่ทอม ครูซ นักแสดงระดับตำนานยังประกาศตัวว่าเป็นสมาชิก
โดโรธีอ้างว่าเธอเป็นทูตสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่เรียกว่า ผู้พิทักษ์ (Guardian) จากดาวคลาเรียน (Clarion) ซึ่งล่าสุดส่งสารผ่านเธอมาบอกว่าในวันที่ 21 ธันวาคม 1954 น้ำจะท่วม โลกจะถึงจุดสิ้นสุด และมนุษย์ต้องอพยพไปอยู่กับผู้พิทักษ์ โดยในวันนั้นจะมียานอวกาศมารับ
โดโรธีเรียกกลุ่มของเธอว่า เดอะ ซีกเกอร์ (The Seekers)
หลังจากที่ข่าวแพร่สะพัดไปทั่ว โดยไม่ทันได้สังเกต โดโรธีไม่รู้เลยว่ามีกลุ่มนักจิตวิทยากำลังแฝงตัวมาสืบเรื่องภารกิจของเธอ
หลังจากได้ยินข่าววันโลกแตก ลีออน เฟสทิงเกอร์ (Leon Festinger) เฮนรี ริคเกน (Henry Riecken) และ สแตนลีย์ ชาคเตอร์ (Stanley Schachter) กลุ่มนักจิตวิทยาสังคมชาวอเมริกัน รวมถึงนักศึกษาจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา (University of Minnesota) ก็พากันแฝงตัวเข้าไปเก็บข้อมูลในกลุ่มลัทธิประหลาดอย่างแนบเนียน โดยไม่พลาดแม้บทสนทนาเดียว
ก่อนจะมาถึงคืนพิพากษาในวันคริสต์มาสอีฟ โดโรธีเผยว่ามนุษย์ต่างดาวจะมารับพวกเขาในวันที่ 17 ธันวาคม พวกเขาจึงพากันไปรวมตัวกันที่สวนหลังบ้านตอน 4 โมงเย็น สมาชิกทุกคนเตรียมจะไปจากโลกนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน ถึงขั้นถอดโลหะออกจากตัว แม้กระทั่งตะขอเสื้อในก็ห้ามมี เพราะโดโรธีอ้างว่าเป็นมาตรการก่อนขึ้นยานอวกาศ
ทุกคนรออย่างใจจดใจจ่อด้วยความหวังว่าจะรอดพ้นจากภัยพิบัติ แต่พอถึงเวลานัดก็ยังไม่มีวี่แววของยานอวกาศ ไม่เห็นแม้แต่เงาของมนุษย์ต่างดาว เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งห้าโมงครึ่ง ทุกคนก็พากันกลับมานั่งรอในบ้าน แล้วเริ่มเปิดประเด็นสนทนากันถึงเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้น
จากบันทึกของเฟสทิงเกอร์ระบุว่า โดโรธีบอกกับสมาชิกว่านี่เป็นเพียงการซักซ้อมอพยพเท่านั้น ยังไม่ใช่ของจริง ที่ยานอวกาศไม่มาก็เพราะอยากให้มนุษย์ทดสอบเตรียมตัวขึ้นยาน เพื่อดูว่าพร้อมจริงไหม ก่อนที่จะมารับจริงอีกครั้งในคืนวันคริสต์มาสอีฟ เมื่อได้ยินแบบนี้แทนที่สมาชิกบางคนจะเสื่อมศรัทธา กลายเป็นว่ายิ่งทำให้เชื่อหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก
วันรุ่งขึ้นโดโรธีขอให้ทุกคนเฝ้ารอจนกว่าจะถึงวันนั้น พร้อมย้ำซ้ำๆ ว่าผู้พิทักษ์จะไม่ทำให้เรารอและผิดหวังอย่างแน่นอน ครั้งนี้โดโรธีไม่ได้มาเล่นๆ เพราะมีการทำใบปลิวแจกทั่วเมือง รู้ไปถึงหูของสำนักข่าว แถมชาร์ลส์ยังเล่นใหญ่เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีอีกด้วย
เมื่อวันที่รอคอยมาถึง เวลาหกโมงเย็น สมาชิกทั้งหมดมายืนปิดถนนหน้าบ้านของโดโรธีแล้วพากันร้องเพลงคริสต์มาส ท่ามกลางสายตาของฝูงชนและนักข่าวที่กำลังจับจ้อง พวกเขามองขึ้นไปบนฟ้ารอยานอวกาศอยู่เนิ่นนาน แต่ไม่รู้ว่าเป็นบททดสอบอีกบทหรือไม่ เพราะนี่เป็นอีกครั้งที่ยานอวกาศเบี้ยวนัด ไม่มาให้เห็นแม้แต่เงา พวกเขาต้องผิดหวังอีกหน
เช้าวันรุ่งขึ้นที่น้ำยังไม่ท่วม โลกยังไม่แตก ผู้พิทักษ์ไม่มารับ นักจิตวิทยาจากทีมของเฟสทิงเกอร์ตัดสินใจไปเคาะประตูบ้านของโดโรธีอีกครั้งเพื่อสังเกตการณ์ โดยอ้างว่าเป็นสมาชิกใหม่ที่อยากเข้ากลุ่มด้วย
โดโรธีและชาร์ลส์ยินดีต้อนรับทั้งคู่ เพราะเชื่อว่าทั้งสองคนอาจเป็นผู้พิทักษ์ปลอมตัวมาเพื่อส่งสารและพาพวกเขาอพยพไปจากโลกจริงๆ แม้ว่าทั้งสองจะปฏิเสธแต่โดโรธีก็ยังเคลือบแคลงใจสงสัย และพยายามถามเค้นความจริง (ที่เธอเชื่อ) ให้ได้คำตอบให้ได้
แม้กระทั่งตอนที่อยู่กันตามลำพัง ไม่มีคนอื่น เธอถึงกับบอกว่า “คุณแน่ใจใช่หรือว่าไม่มีข้อความส่งถึงฉัน ตอนนี้เราอยู่กันตามลำพังแล้ว พูดมาได้เลย”
นั่นเป็นสัญญาณสุดท้ายที่ใกล้เคียงจะเป็นผู้พิทักษ์มากที่สุดสำหรับโดโรธี
สัปดาห์ต่อมา เธอรับการรักษาทางจิตเวช ส่วนหนึ่งก็เพราะให้ตัวเองรอดพ้นจากการตั้งข้อหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ ทั้งยุยงปลุกปั่น ก่อจลาจล ปิดถนนทำให้จราจรติดขัด แต่ข้อหาที่เธอหนีไม่พ้นคือกระทำผิดต่อผู้เยาว์ เนื่องมาจากก่อนหน้านั้นเธอไล่บอกเด็กๆ ในละแวกบ้าน เรื่องมนุษย์ต่างดาว จนทำให้เด็กๆ หวาดกลัว นอนไม่หลับ
หลังจากคืนแห่งความผิดหวังสิ้นสุดลง ในปี 1956 เฟสทิงเกอร์ก็ได้เขียนหนังสือชื่อ When Prophecy Fails ซึ่งบันทึกพฤติกรรม บทสนทนา และเรื่องราวในกลุ่มลัทธินั้นทั้งหมดในเชิงจิตวิทยา ซึ่งกลายมาเป็นต้นแบบของแนวคิด ‘Cognitive Dissonance’ หรือ ‘ความไม่ลงรอยกันทางความคิด’ ซึ่งพัฒนามาเป็นหนังสือทฤษฎีเล่มแรก ชื่อ ‘A Theory of Cognitive Dissonance’ ปี 1957 นับว่าทฤษฎีนี้มีอิทธิพลต่อวงการจิตวิทยา รวมถึงการเมือง เศรษฐศาสตร์ และสาขาอื่นๆ มากมายในภายหลัง
เฟสทิงเกอร์ได้สรุปเอาไว้ว่าความคิดชุดใหม่ที่คนในลัทธิเชื่อนั้น เกิดขึ้นจากภาวะไม่สอดคล้องกันของความคิดเมื่อเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามที่ทำนาย พวกเขาจึงพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนความเชื่อชุดเดิมของตัวเอง เพื่อเป็นการปกป้องจิตใจไม่ให้เกิดบาดแผลจากความผิดหวัง และเพื่อหล่อเลี้ยงให้ตัวเองยังคงเชื่อแบบนั้นต่อไปได้เรื่อยๆ
เฟสทิงเกอร์ยังระบุอีกว่าความไม่สอดคล้องทางความคิดในกรณีดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นจากปัจจัยทางสังคม เมื่อความเชื่อที่เกิดขึ้นในสังคมส่วนใหญ่ไม่ได้ตรงกับความเชื่อภายในกลุ่มของตน สิ่งที่ต้องทำคือพยายามเผยแพร่เหตุผลที่มาสนับสนุนความเชื่อของตนให้คนภายนอกได้รับรู้ว่าพวกเขาไม่ได้คิดผิด และจะเชื่อแบบนั้นต่อไป
ไม่มีข่าวคราวของชาร์ลส์อีกเลยนับแต่นั้น มีเพียงโดโรธีที่ทิ้งจดหมายไว้สองสามฉบับที่เขียนไว้ว่าเธอยังคงเชื่อในสิ่งมีชีวิตนอกโลกอยู่เสมอ ก่อนจะอพยพไปยังรัฐแอริโซนา ไปใช้ชีวิตบนเทือกเขาแอนดีสในเปรูอยู่หลายปี แล้วกลับมายังแคลิฟอร์เนีย โดยครั้งนี้เธอใช้นามแฝงว่า ‘ซิสเตอร์เธดรา’ และตั้งสมาคมซานันดาและสมัตกุมารา อีกหนึ่งลัทธิลึกลับของอเมริกาที่ได้รับความนิยม มีสมาชิกมาร่วมวงไม่ขาดสาย
โดโรธียังคงรับบทเป็นทูตรับ-ส่งสารเช่นเดิม เป็นแบบนั้นเรื่อยมาจนเธอเสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยวัย 92 ปี ในรัฐแอริโซนา
แม้จะไร้ซึ่งเงาของยานอวกาศและร่องรอยของมนุษย์ต่างดาว
แต่ลัทธินี้กลับทิ้งหลักฐานชิ้นใหญ่ไว้ให้เรา ที่ช่วยเปิดโปงความคิดอันฉงนของมนุษย์
ก่อนหน้านี้เราอาจคิดว่าเรารู้จักมนุษย์เป็นอย่างดี แต่ที่ไหนได้ ความจริงมนุษย์นั้นซับซ้อนและแปลกประหลาด ยิ่งค้นให้ลึกลงไป ยิ่งแปลกใจ ราวกับมาจากต่างดาว