ใบหน้าถูกแต่งแต้มจนไม่เหลือเค้าเดิม
ขอบตา คิ้ว และจอนสีดำสนิทมีรูปร่างเกินจริง แก้มถูกปัดให้ชมพูระเรื่อ รับกับสีแดงสดของริมฝีปาก
สีสันบนใบหน้าพวกเขาสดใสไม่ต่างกับเสื้อผ้าที่สวมใส่
“เสน่ห์ของงิ้วมันอยู่ที่การแต่งหน้า” เจ๊หงษ์ นักแสดงงิ้วรุ่นใหญ่ละสายตาจากกระจก หันมาพูดกับผม “เพราะมันทำให้คนดูสนใจ”
นอกจากเหตุผลด้านสายตา สีสันที่ใช้ยังมีนัยยะสื่อถึงบุคลิกและนิสัยของตัวละคร
โทนสีแดง แสดงถึงผู้ที่ซื่อสัตย์และกล้าหาญ
โทนสีดำ แสดงถึงผู้ห้าวหาญ ไม่เห็นแก่ตัว เฉลียวฉลาด
ตรงข้ามกับ โทนสีขาว และ โทนสีเหลือง ที่มีความหมายทางลบ เป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่คดโกง
ฝ่าตีนอันซุกซนพาผมเดินผ่านเจ๊หงษ์และโต๊ะแต่งหน้าของเธอมาพบ เจ๊เช็ง นางเอกงิ้ววัย 70 ปีที่กำลังนั่งแต่งหน้าอีกมุมหนึ่งด้านหลังโรงงิ้ว
เจ๊เช็งเป็นลูกไม้หล่นไม้ไกลต้น เธอมีชีวิตผูกพันอยู่กับโรงงิ้วมาตั้งแต่อายุ 16 และแม่ของเธอเป็นนักแสดงงิ้ว
แต่วันนี้ ‘งิ้ว’ เป็นเหมือนต้นไม้ที่กำลังสูญพันธุ์ ไม่มีเด็กรุ่นใหม่มารับช่วงต่อ เจ๊เช็งในวัย 70 จึงต้องเล่นบทนางเอกต่อไป
เสียงดนตรีประโคมอึกทึก งิ้วกำลังเปิดฉากเริ่มแสดง ผมลอบมอง เจ๊เช็ง เจ๊หงษ์ และนักแสดงงิ้วคนอื่นๆ ที่ยืนเตรียมพร้อมอยู่ข้างเวที ทุกคนดูตั้งใจเต็มที่ แม้ด้านล่างเวทีจะมีอากงอาม่าและเด็กเล็กที่ติดสอยห้อยมาไม่กี่คนนั่งรอดู
ชีวิตคงเป็นเช่นนี้ เมื่อม่านเวทีเปิด ก็ต้อง The show must go on…