คาเฟ่ที่รวมทุกส่วนผสมแห่งความสุขของการใช้ชีวิต อย่างการได้กินอาหารอร่อย และจับจ่ายของใช้ดีๆ ติดมือกลับบ้าน
อาคารสีดำทรงเหลี่ยม กรุกระจกสีเข้ากับกรอบประตูหน้าต่างหน้าตาฝรั่งจ๋า เป็นที่คุ้นหน้าค่าตาของผู้ที่เดินทางโดยใช้ซอยเล็กๆ อย่างเอกมัย 12 เชื่อมต่อกับปรีดีพนมยงค์ 31 เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะใครที่เคยแวะเข้ามาจะรู้ว่า ที่นี่ผสมผสานสูตรเด็ดเคล็ดลับที่สร้างตำนานเป็นของตัวเองให้ลูกค้าจดจำได้อย่างแม่นยำมาตลอด 5 ปี
Featherstone Cafe Bistro & Lifestyle Shop คือผลผลิตของนักเดินทางที่ชื่อ เฟิร์น – เกศชนก จีระวัฒนา ที่นำเฟอร์นิเจอร์เก่าแก่ซึ่งเธอทยอยซื้อเก็บสะสมจากทั่วยุโรปมาตกแต่งร้าน เติมด้วยการผลิตสินค้าไลฟ์สไตล์มาวางขาย และคัดเลือกสินค้าแบรนด์ไทยคุณภาพดีมาเสริมตัวเลือกจนเต็มเชลฟ์
เช่นเดียวกับส่วนผสมและรสชาติของอาหารแต่ละจาน ที่จัดจ้านด้วยเครื่องเคราเข้มข้น แถมบางเมนูยังเคล้ารสไทยให้เข้ากับอาหารจานเทศอย่างลงตัว
เอาเป็นว่า ถ้าจะมาร้านนี้ให้อิ่มอกอิ่มใจ ต้องสำรวจให้ละเอียดไปทีละส่วน
ห้องปรุงยาและเรือนกระจกแห่งรสอร่อย
เมื่อผลักบานประตูเข้ามาในตัวร้าน ขอให้เลี้ยวไปทางด้านขวามือกันก่อน เพื่อเลือกจับจองที่นั่งเหมาะๆ โดยบรรยากาศในส่วนนี้จงใจตกแต่งเลียนแบบห้องปรุงยาในสมัยโบราณ โดยเฉพาะบริเวณเคาท์เตอร์บาร์ที่เรียงรายด้วยขวดเครื่องดื่มและแก้วเจียระไน ชวนให้เคลิ้มไปกับบรรยากาศ
แทนที่จะทึมทึบขรึมขลังเหมือนห้องปรุงยาที่เราเคยเห็นกันในภาพยนตร์เก่า ทางร้านเลือกที่จะแจกความสดใสด้วยการปูพื้นด้วยกระเบื้องโมเสกสีขาว เข้ากันกับเฟอร์นิเจอร์ชุดเก้าอี้หวาย ที่เมื่อเติมสีสันด้วยผนังกรุกระจกสีที่ออกแบบเป็นพิเศษให้เข้ากับที่นี่ ยิ่งช่วยแต้มกลิ่นอายคลาสสิคอย่างลงตัว
ส่วนใครที่จองโต๊ะมาแบบเป็นส่วนตัว ขอเชิญเดินลึกเข้าไปยังห้องเรือนกระจกที่ทาผนังสีเขียว ประดับกำแพงด้วยผีเสื้อหลากสีในกรอบรูปเรียงรายจนเต็ม เป็นการเพิ่มบรรยากาศให้ปาร์ตี้สังสรรค์บนโต๊ะไม้ยาวตัวเขื่อง เขยิบเข้าใกล้กลิ่นอายของธรรมชาติขึ้นอีกสเต็ป
เลือกที่นั่งถูกใจได้แล้ว อย่าเสียเวลา เริ่มไล่สายตาไปบนเมนูอาหารกันเลย แนะนำว่าควรประเดิมด้วยอาหารทานเล่น ที่รวมเอาของชอบของหลายคนไว้ในจานเดียว อย่าง Chicken Skin with Mash Potato (ราคา 195 บาท) มันบดเนื้อเนียนละเอียดราดเกรวีซอสรสชาติดี มีหนังไก่ทอดกรอบโรยด้านบน เป็นการช่วยเพิ่มเทกส์เจอร์เคี้ยวกรุบให้มันบดหมดคำว่าเลี่ยนอีกต่อไป
เติมรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ในลำดับถัดมาด้วย Stone Fruit, Burrata & Parma (ราคา 350 บาท) สลัดพีชย่างคลุกเคล้าจนเข้ากันกับโปรสชุตโต้ หรือแฮมดิบนำเข้าจากอิตาลี ตัดรสชาติด้วยการค่อยๆ บรรจงเฉือนชีส Burrata ให้เนื้อครีมสดด้านในไหลออกมาเพิ่มความหอมมัน เข้ากันกับผักร็อกเก็ตราดบัลเซมิกเดรสซิ่ง ให้ทุกรสชาติทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว มัน เข้ากันอย่างกลมกล่อม
Egg Bacon and Cheese Pizza (ราคา 290 บาท) เป็นอีกจานที่คนรักพิซซ่าแบบบางกรอบห้ามพลาด เพราะถึงเนื้อแป้งพิซซ่าจะบาง แต่ก็หนักแน่นด้วยเครื่องเคราโรยหน้า โดยเฉพาะเมื่อเจาะไข่แดงให้ไหลเยิ้ม แล้วป้ายจนถ้วนทั่วไปทั้งชีสและเบคอน อร่อยเต็มคำขนานแท้
และอีกจานที่ดีเด่นไม่แพ้กันคือ Linguine Ai Fruitti Di Mare (ราคา 390 บาท) พาสต้าลิงกวีเนที่ยกทั้งทะเลมาไว้ในจานเดียว ทั้งกุ้งแน่นๆ หมึกตัวอวบ และหอยเน้นๆ คลุกเคล้าให้เข้ากันกับล็อบสเตอร์ซอสรสเผ็ดบางเบา แสนจะเข้ากัน
สำคัญคือ อย่าลืมสั่งนางเอกประจำร้านอย่าง Wild Gardenia (ราคา 160 บาท) มาจิบ เพื่อเติมเต็มมื้อนี้ให้อร่อยครบรสยิ่งขึ้น Signature Sparkling แก้วนี้มีดีตั้งแต่ถ่ายรูปสวย ด้วยกรรมวิธีที่ต้องลงมือปรุงก่อนกิน ด้วยการเทน้ำโซดาลงไปบนน้ำแข็งกลีบดอกไม้หลากสี ก่อนจะปิดท้ายด้วยไซรัปกลิ่นลาเวนเดอร์สีม่วงสวย ที่นอกจากจะให้รสหวานซ่อนซ่า ยังได้อารมณ์บรรยากาศห้องปรุงยาไม่มีผิดเพี้ยน
รวมของดี มีคุณค่า ไว้ที่ห้องใต้หลังคา
อิ่มกันแล้วอย่าเพิ่งรีบกลับ ขอเชิญที่ปีกซ้ายของทางร้าน ที่จัดแต่งให้อัดแน่นไปด้วยสารพันข้าวของมากมาย เรียงรายอยู่ในบรรยากาศที่จงใจจัดแต่งให้ได้กลิ่นอายของห้องใต้หลังคา ที่เห็นแล้วเป็นต้องอยากสอดส่ายสายตามองหาของดีๆ ติดมือกลับบ้านสักชิ้น
ปรากฏว่า ไปๆ มาๆ อาจจะได้ช้อปของมากกว่าหนึ่งชิ้น เพราะที่นี่เป็นไลฟ์สไตล์ช้อปที่มีข้าวของให้เลือกหลากหลาย ทั้งกระเป๋าหนัง กระเป๋าผ้า ของประดับบ้าน เครื่องประดับร่างกาย ไปจนถึงเบาะไหว้เจ้าชื่อดังแห่งตลาดน้อย ที่พิเศษกว่าต้นตำรับ เพราะเป็นผ้าลายเฉพาะที่ Featherstone นำเข้ามาจากต่างประเทศ แล้วนำไปให้ทางร้าน “เฮงเส็ง” ตัดเย็บออกมาเป็นเบาะหลากขนาดหลากลวดลาย ที่นำไปใช้งานได้อเนกประสงค์ยิ่งขึ้น
ว่าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นผ้าลายเฉพาะของร้าน Featherstone ก็ยังมีให้เลือกซื้อหาติดมือกลับบ้านในรูปแบบอื่นๆ เช่น กระเป๋าผ้าทั้งแบบสะพาย และแบบถือ หรือใครถูกใจถุงผ้าสำหรับบรรจุเซตมีด ส้อม ช้อน เหมือนที่ทางร้านมีไว้บริการทุกโต๊ะ ก็มีจำหน่ายเช่นกัน
และเมื่อมาถึงตรงนี้ หลายคนคงค้นพบคำตอบของ “ขนนกและก้อนหิน” อันเป็นที่มาของชื่อร้าน อย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้มากขึ้น เมื่อเห็นเครื่องประดับอย่างสร้อย แหวน กำไล ต่างหู ฯลฯ ที่ทำมาจากขนนกและก้อนหินละลานตา
ทว่าที่จริงแล้ว ยังมีความหมายในเชิงนัยยะซ่อนอยู่ โดยขนนกเป็นตัวแทนของนกที่โบยบินได้อย่างอิสระเสรี จึงมีโอกาสได้ไปดู ไปรู้ ไปเห็นเรื่องราวต่างๆ มากมาย ในขณะที่ก้อนหินมีคุณสมบัติในการดูดซับพลังงานและความทรงจำต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
Featherstone Cafe Bistro & Lifestyle Shop จึงกำลังบอกทุกคนไปในตัวว่า เราต่างก็เป็นทั้งขนนกและก้อนหิน ที่สลับบทบาทกันถ่ายทอดประสบการณ์ที่ได้พบเจอแก่กันและกัน คนหนึ่งเล่า อีกคนฟัง ไม่ต่างอะไรกับบทสนทนาของแขกทุกโต๊ะที่กำลังเอนจอยกับอาหารมื้ออร่อยตรงหน้า ในบรรยากาศของร้านที่ขับเน้นอารมณ์ของการเดินทางได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่ต้องคว้าพาสปอร์ตออกไปไหนไกล
Featherstone Cafe Bistro & Lifestyle Shop กลางซอยเอกมัย 12 หรือซอยปรีดี พนมยงค์ 31 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โทร 097-058-6846 facebook.com/featherstonecafe
เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.30 – 22.00 น.