หากมองดูเครื่องแต่งกายของบุคคลสำคัญและตัวละครในภาพต่อไปนี้ คุณเห็นหรือไม่ว่า อะไรคือสิ่งเดียวที่พวกเขามีเหมือนกัน
โดนัลด์ ดั๊ก (Donald Duck)
ตัวการ์ตูนเป็ดจากค่ายวอลต์ ดิสนีย์
อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง (Alexander Fleming)
แพทย์ผู้ค้นพบเชื้อราเพนนิซิเลียม จุดเริ่มต้นของการผลิตยาปฏิชีวนะ
แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ (Mary Poppins)
ตัวละครพี่เลี้ยงมหัศจรรย์จากวรรณกรรมเยาวชนในชื่อเดียวกัน
ผู้พันแซนเดอส์ (Colonel Sanders)
ผู้ก่อตั้งร้านและเจ้าของสูตรไก่ทอดเคนทักกีหรือ KFC
โคนันคุง (Conan)
ตัวละครเอกจากการ์ตูนยอดนักสืบจิ๋วโคนัน
คำตอบคือ ทุกคนผูก bow tie หรือหูกระต่ายไว้ที่คอเสื้อเหมือนกัน (อันที่จริง ชื่อบทความนี้ได้เฉลยคำตอบไว้ตั้งแต่แรกแล้ว) และถ้าสังเกตลงรายละเอียดไปถึงเพศสภาพ (gender) จะเห็นว่าการผูกหูกระต่ายมักจะได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชาย ทำให้หูกระต่ายกลายเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายหรือแฟชั่นไอเทมที่สื่อถึงความเป็นชาย (masculinity) มากกว่าความเป็นหญิง (femininity) ไปโดยปริยาย นั่นเป็นเพราะว่า เพศชายคือผู้คิดประดิษฐ์หูกระต่าย สำหรับให้ผู้ชายด้วยกันเองได้ใส่
ความสง่าอย่างบุรุษจากผ้าประดับคอของทหารรับจ้าง
ย้อนกลับไปยังคริสต์ศตวรรษที่ 17 ผู้ชายชาวโครแอทส์ (Croats) ในขณะนั้นขึ้นชื่อในความเก่งกาจเรื่องการออกรบ คนส่วนใหญ่จึงยึดอาชีพหลักเป็นทหารรับจ้าง (mercenaries) ประกอบกับทางการของประเทศฝรั่งเศสต้องการสร้างกองทัพเป็นกำลังเสริมเข้าต่อสู้ในสงครามสามสิบปี (Thirty femininity Years’ War: 1618-1648) จึงว่าจ้างทหารชาวโครแอทส์เพิ่มเติมอีกจำนวนมาก
เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารในฝ่ายเดียวกันสับสน ทหารชาวโครแอทส์จึงนำผืนผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ผ้ามัสลิน และผ้าไหมมาพันรอบคอหลวมๆ ก่อนมัดเป็นปมแล้วปล่อยชายผ้าที่เหลือทั้งสองข้างไว้เหนืออก พวกเขาเรียกผ้าผืนนี้ว่า scarves โดยใช้เป็นทั้งสัญลักษณ์สื่อความเป็นพรรคพวกเดียวกัน
เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (King Louis XIV) แห่งฝรั่งเศสเห็นผ้าพันคอของทหารชาวโครแอทส์ พระองค์ชอบพระทัยมาก ถึงขนาดนำมามาปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่ให้มีลวดลายสวยงาม และสั่งให้ช่าง (cravatier) ตัดเย็บอย่างปราณีต เพราะต้องการใช้เป็นส่วนหนึ่งของการแต่งกายในชีวิตประจำวัน พระองค์มองว่าการผูกผ้าประดับคอ นอกจากจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่สง่างามแล้ว หากอากาศหนาวเย็น ผ้าผืนนี้จะช่วยปกป้องลำคอให้อบอุ่นอยู่ตลอดเวลา พระองค์ยังเรียกผ้าผูกคอนี้ด้วยคำใหม่ว่า cravate หมายถึงชาวโครแอทส์ ซึ่งเป็นคำฝรั่งเศสโบราณที่เลียนการออกเสียงว่า Croats
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กลายเป็น trendsetter หรือผู้สร้างกระแสใหม่ให้การผูกผ้ารอบคอเป็นสิ่งน่าสนใจประหนึ่งของต้องมีในหมู่ชนชั้นสูง เพราะผ้าสีขาวฉลุลายลูกไม้ไว้อย่างงดงามผืนนี้ถือเป็นเครื่องประดับที่บ่งบอกทั้งรสนิยมที่ดี ความเรียบหรู หล่อเหลา และสถานะทางสังคมของชายผู้สวมใส่
ในเวลาไม่นาน การผูกผ้าไว้ที่คอลักษณะนี้ ก็แพร่หลายไปทั่วประเทศฝรั่งเศส แต่ที่มากไปกว่านั้น กระแสความนิยมผ้าผูกคอได้แผ่ขยายไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วทวีปยุโรป โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ ดินแดนที่เปลี่ยนแปลงภาพจำจากผ้าผูกคอจากฝรั่งเศสสู่หูกระต่ายคู่ชุดสูท ซึ่งกลายมาเป็นแบบแผนการแต่งกายสำหรับบุรุษจนถึงปัจจุบัน
ความทะนงตนและรักในศักดิ์ศรีเบิกทางใหม่ให้ผ้าผูกคอ
นับตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม ถึงแม้ว่าประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสต่างแข่งขันแก่งแย่งดินแดนอื่นๆ มาเป็นเมืองขึ้น ทำให้ทั้งสองประเทศไม่เคยญาติดีต่อกัน แต่ทันทีที่กระแสผ้าผูกคอจากฝรั่งเศสแพร่สะพัดมาถึงราชสำนักอังกฤษ พระเจ้าชาลส์ที่ 2 (King Charles II of England) กลับรู้สึกหวั่นไหวไปกับผ้าผืนนี้ เพราะทำให้ผู้ใส่ดูภูมิฐานขึ้น ในที่สุดพระองค์ก็ผูกผ้านี้ไว้ที่คอเหมือนกัน
แต่กษัตริย์อังกฤษจะลอกเลียนแบบวิธีการผูกอย่างกษัตริย์ฝรั่งเศสไม่ได้ เพราะเท่ากับว่ายอมลดพระเกียรติให้กับศัตรู แต่จะทำอย่างไรดี เพื่อให้พระองค์ใส่ผ้าผูกคอได้อย่างสมศักดิ์ศรี ทางออกของปัญหานี้จึงจบลงด้วยวิธีดัดแปลงการผูกผ้าใหม่ให้มีลักษณะเฉพาะแบบฉบับคนอังกฤษ ซึ่งไม่ได้เน้นแค่ความหรูหราอย่างฝรั่งเศส แต่ต้องแสดงถึงความเหมาะสมตามกาลเทศะเสมอ ผลลัพธ์จากฐานคิดเช่นนี้เอง ทำให้ผ้าผูกคอในวัฒนธรรมอังกฤษ เป็นของสงวนไว้ให้บุรุษแต่งกายแบบทางการเท่านั้น
จนกระทั่งเข้าสู่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19 ในยุครีเจนซี่ (Regency Era) หรือช่วงเวลาของการสำเร็จราชการแทนกษัตริย์ และยุคทองของการพัฒนาสุนทรียศาสตร์ทุกแขนงในประเทศอังกฤษ แฟชั่นและการแต่งกายจึงถูกยกขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น โดยมีโบ บรัมเมลล์ (Beau Brummell) เป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ เขาเป็นหนุ่มรูปงามผู้ทำงานใกล้ชิดราชวงศ์อังกฤษ ด้วยภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบจากการดูแลเสื้อผ้าและตัวเองในทุกกระเบียดนิ้ว ทำให้เขาได้รับการขนานนามว่า Dandy ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกผู้ชายเจ้าสำอางและวางตัวดี บรัมเมลล์ยังเป็นต้นแบบของ gentleman หรือสุภาพบุรุษในอุดมคติของชาวอังกฤษ เพราะเขาได้วางรากฐานการแต่งตัวให้กลายเป็นขนมธรรมเนียมของการเข้าสังคม
บรัมเมลล์คิดวิธีผูกผ้าประดับคอใหม่ไว้หลายแบบ แต่แบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ผูกเป็นโบว์ขนาดเล็กให้เห็นรูปร่างชัดเจนบริเวณคอเสื้อ เพราะเขาต้องการลบภาพจำในอดีตของผ้าผืนนี้ว่าเป็นสิ่งประดับบารมีของชนชั้นสูงเท่านั้นออกไป และสร้างความเข้าใจใหม่ว่าทุกคนไม่ว่าจนหรือรวย เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ต่างมีสิทธิ์ผูกผ้าผืนนี้ได้อย่างเสมอกัน
ผ้าสีดำขนาดพอดี จุดเปลี่ยนผ่านสู่หูกระต่ายสมัยใหม่
ปลายทศวรรษที่ 1800 การผูกผ้าสีขาวเป็นโบว์เป็นที่แพร่หลายในหมู่ผู้ชายตะวันตก โดยเฉพาะในแวดวงวิชาการอย่างแพทย์และศัลยแพทย์ เนื่องจากเป็นการแต่งกายอย่างสุภาพที่ให้เกียรติผู้ป่วย ที่สำคัญคือปมผ้าเมื่อผูกเป็นโบว์เหนือคอแล้ว ไม่ได้สร้างความรำคาญหรือรบกวนระหว่างทำงาน แพทย์จึงตรวจร่างกายและผ่าตัดคนไข้ได้อย่างคล่องตัว ไร้ความกังวลว่าชายผ้าจะไปสัมผัสกับผู้ป่วย การผูกผ้าเป็นโบว์สั้นจึงสะท้อนความรับผิดชอบต่อสุขอนามัยของแพทย์
เวลาต่อมาในเดือนตุลาคม ปี 1886 ปิแอร์ โลริลลาร์ดที่สี่ (Pierre Lorillard IV) นักธุรกิจชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งจากกิจการโรงงานผลิตยาสูบ ได้ผลิกโฉมหน้าตาของผ้าผูกสีขาวให้กลายเป็นผ้าสีดำขนาดพอเหมาะสำหรับผูกเป็นโบว์ (black bow tie) โดยปรับปรุงชุดสูทให้กระชับเข้ากับรูปร่าง และตัดส่วนของผ้าที่รุ่มร่ามออกทั้งหมด เพื่อให้ตัวเขาและลูกชายสวมใส่ออกงาน Tuxedo Club หรืองานเลี้ยงส่วนตัวสุดหรูที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และเข้าสังคมอื่นๆ เมื่อได้รับเชิญ เขาเรียกชุดนี้ว่า Black Tie
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชุดของโลริลลาร์ดที่สี่ ซึ่งผู้คนต่างเรียกตามชื่องานว่า Tuxedo กลายเป็นชุดออกงานทางการเวลากลางคืนสำหรับสุภาพบุรุษจนถึงปัจจุบัน โดยมีกฎเหล็กข้อสำคัญที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ ทักซิโด้ต้องใส่คู่กับเสื้อเชิ้ตปกปีกนก (Wing Collar) สีขาว และหูกระต่ายสีดำเท่านั้น
หูกระต่ายในฐานะเอกลักษณ์บ่งบอกตัวตนของผู้ใส่
เมื่อเข้าสู่ทศวรรษ 1900 หูกระต่ายสีดำและขาวยังคงเป็นแบบแผนของการแต่งตัวสำหรับสุภาพบุรุษเหมือนเดิม เพียงแต่ความรุ่งโรจน์ของวงการแฟชั่นในทวีปยุโรป และอุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศตะวันตกโดยเฉพาะฮอลลีวูด เข้ามาเพิ่มสีสันและความสนุกให้กับหูกระต่ายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นจุดเริ่มต้นการนิยามความเป็นตัวตนของผู้ใส่ผ่านเอกลักษณ์ของหูกระต่ายที่อยู่บนคอเสื้อ และการสร้างคาแรกเตอร์ให้กับตัวละครในโลกภาพยนตร์
ชุดบังคับของผู้ชายสำหรับเข้าร่วมงานประกาศรางวัลออสการ์คือ ทักซิโด้ ผู้ชายส่วนใหญ่ ทั้งนักแสดง ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ และทีมงานเบื้องหลังเวที จึงต้องผูกหูกระต่ายสีดำ เช่น แฟรงก์ ซินาตรา (Frank Sinatra) ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 9 อาจมีผู้ชายบางคนเลือกผูกเนคไท แต่ก็เป็นส่วนน้อย
วินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill) อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัยแห่งสหราชอาณาจักร ผู้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่า เป็นหนึ่งในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสงครามโลก มีสัญลักษณ์ประจำตัว คือ หูกระต่ายลายจุด (polka dot)
เพลย์บอย บันนี (Playboy Bunny) หรือพนักงานเสิร์ฟสาวในเพลย์บอยคลับ (Playboy Club) ผูกหูกระต่ายประดับคอในชุบวาบหวิว เพื่อสร้างความบันเทิงให้ชายหนุ่มที่เข้ามาผ่อนคลายในสถานบันเทิง
มาร์เลเนอ ดีทริช (Marlene Dietrich) นักแสดงและนักร้องชาวอเมริกันเชื้อสายเยอรมัน แต่งกายด้วยชุดสูทของสุภาพบุรุษและผูกหูกระต่ายสีขาว
เจมส์ บอนด์ (James Bond) ตัวละครสายลับของหน่วยสืบราชการลับแห่งประเทศอังกฤษฉบับภาพยนตร์ จากนวนิยายชุดของเอียน เฟลมมิง (Ian Fleming) ในชุดทักซิโด้
คาร์ล เฟรดริกเซน (Carl Fredricksen) ตัวละครคุณปู่จากภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Up
แม้ว่าหูกระต่ายจะยังผูกติดอยู่กับความเป็นชายผ่านการแต่งตัวของผู้ชาย แต่ไม่ได้ผูกขาดเหมือนในยุคแรกเริ่ม เพราะทุกวันนี้ ผู้คนทุกเพศทุกวัยไม่ว่าเป็นใคร ก็สามารถผูกหูกระต่ายได้ตามความชอบและความต้องการ
Outfit Guide: ทรงและความกว้างของหูกระต่าย
ทรงหูกระต่ายมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบและขนาด แต่ทรงที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมีทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่
(1) Classic Butterfly หรือ Big Butterfly
เหมาะกับใบหน้ากว้าง
(2) Semi-Butterfly หรือ Modern Butterfly
เหมาะกับทุกใบหน้า
(3) Batwing หรือ Straight End
เหมาะกับใบหน้าแคบหรือเล็ก
(4) Pointed
เหมาะกับใบหน้าแคบหรือเล็ก และต้องการความโดดเด่น
ส่วนความกว้างที่เหมาะสมของหูกระต่าย ควรเท่ากับความห่างระหว่างหางคิ้วข้างซ้ายจรดหางคิ้วข้างขวาของผู้สวมใส่
อ้างอิง
- Beth Kennedy. Croatians, Beau Brummell, Churchill & Hipsters: The History of the Bow Tie. https://bit.ly/38jUPWf
- Chris Klotz. Bow Tie History. https://bit.ly/3bdEtQy
- Ignacio Peyró. This 19th-century London dandy caused a style revolution. https://on.natgeo.com/3nhVU4V
- Minnesota Historical Society. A Brief History of Bow Ties. https://bit.ly/3pT0Df6
- Sven Raphael Schneider. Bow Tie Guide. https://bit.ly/38kQIsL