สารภาพว่าเป็นเพราะภาพปกรูปทิวเขาสีฟ้าสลับซับซ้อน และปริศนาในคำว่า ‘แปดขุนเขา’ เป็นส่วนผสมที่กระตุ้นให้เปิดอ่านหนังสือเล่มนี้
สารภาพเพิ่มอีกเล็กน้อยว่า เป็นเพราะกำลังคิดถึงการได้ก้าวเท้าเดินไต่ระดับความสูงทีละน้อยๆ ขึ้นไปสู่ยอดเขาสักแห่งตามแนวเทือกเขาหิมาลัย เพราะกำลังอยู่ในช่วงฤดูร้อนของไทยที่เหมาะเหลือเกินในการพาตัวเองไปสูดอากาศดีๆ ที่เนปาล
ดังนั้น การได้ละเลียดตัวอักษรที่ให้อารมณ์เหมือนได้ไปสัมผัสลมเย็นบนภูเขาจึงเป็นตัวเลือกที่ชดเชยความปรารถนาที่มิอาจเอื้อม ณ ขณะนี้ได้ดีไม่น้อย
โดยเฉพาะเมื่อหนังสือเล่มนี้เขียนโดยนักเขียนผู้เป็นนักปีนเขาไปด้วยในตัว อย่าง เปาโล คนเญตติ (Paolo Cognetti) ที่กล่าวกันว่าเป็นนักเขียนชาวอิตาเลียนผู้น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้
ไม่ใช่เพียงเพราะเขาสามารถพาหนังสือเล่มนี้คว้ารางวัลวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิตาลี อย่างรางวัล Premio Strega ประจำปี 2017 มาครองเท่านั้น
แต่เป็นเพราะการพรรณนาถึงรายละเอียดแห่งชีวิตในเทือกเขาโดโลไมต์ ทางตอนเหนือของอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดของผู้คนที่ใช้ชีวิตที่นั่น ไปจนถึงมิติของต้นไม้ ใบหญ้า ท้องน้ำ ธารน้ำแข็ง ฯลฯ ที่เปาโลสามารถร่ายมนต์ให้ผู้อ่านเข้าถึงทุกสารที่เขาต้องการจะสื่อได้โดยสมบูรณ์
เปาโลเคยเล่าถึงหนังสือ แปดขุนเขา เอาไว้ว่า “อาจกล่าวได้ว่า ผมเริ่มเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่เด็กๆ เพราะเรื่องราวนี้เป็นของผมเช่นเดียวกับความทรงจำของผม หลายปีมานี้ เวลามีคนถามว่า มันเล่าถึงอะไร ผมตอบเสมอว่า เล่าถึงเพื่อนสองคนกับภูเขา”
ผู้อ่านจึงสามารถแทนค่าสมการลงไปได้ไม่ยาก ว่าตัวละครหลักในเล่มอย่าง ปิเอโตร ผู้รับหน้าที่เล่าเรื่องราวทั้ง หมดผ่านมุมมองของเขา ก็คือ ตัวของเปาโลเองที่ฉวยคว้าเอาบางเสี้ยวส่วนจากประสบการณ์ชีวิตมาแต่งแต้มเรื่องราวให้ดำเนินไป ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสองคนกับภูเขาเท่านั้น
ความสัมพันธ์ของพ่อลูก ความอบอุ่นจากลมใต้ปีกของผู้เป็นแม่ หรือกระทั่งตัวแปรสำคัญอย่างคนรัก ล้วนเป็นองค์ประกอบที่หลอมรวมจนเกิดเป็นนิยายขนาดสั้นเล่มนี้
หากคุณคือนักเดินทางผู้หลงใหลการพิชิตยอดเขาโดยพุ่งความสำคัญไปที่ระดับความสูง 3-4 พันเมตรเหนือระดับน้ำทะเลเป็นสำคัญ ย่อมอดไม่ได้ที่จะถอดหัวใจตัวเองเข้าไปใส่ในตัวพ่อของปิเอโตรแบบสุดจิตสุดใจ
ในขณะที่คนรักภูเขาสายชิล ที่ขอแค่ได้ออกแรงเดินพอให้ได้รู้สึกเหนื่อยหอบ พลางชมนกชมไม้ ทำความรู้จักพืชพรรณที่แปลกตาออกไป ณ ความสูงระดับ 1-2 พันเมตรต้นๆ คงเข้าใจดีถึงความสุขในแบบที่แม่ของปิเอโตรเลือก
ส่วนปิเอโตรเองคงเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อมของทั้งพ่อและแม่ เขาสามารถบุกบั่นฟันฝ่าเพื่อพิชิตยอดเขาที่สูงในระดับทรมานทั้งร่างกายและจิตใจได้ พอๆ กับการชอบใช้ชีวิตอย่างรื่นรมย์ในระดับความสูงที่เย็นสบายอย่างพอดีๆ
และมากไปกว่านั้น คือ ปิเอโตรมีโอกาสเดินทางไปนอกเขตเทือกเขาแอลป์ที่คุ้นเคย มุ่งหน้าไปทำความรู้จักหลังคาโลกอย่างเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเพื่อนรักของเขาอย่าง บรูโน ไม่มีโอกาสไปเยือน
แม้จะรักภูเขามากพอๆ กัน แต่บรูโนแตกต่างจากปิเอโตรโดยสิ้นเชิง เขาไม่ได้ใช้ภูเขาเป็นเพียงที่พักใจชั่วคราว เหมือนอย่างที่ครอบครัวของปิเอโตรเลือกเดินทางออกจากมิลาน เพื่อมาพักผ่อนตากอากาศที่หมู่บ้านกรานาเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ในช่วงเวลาที่เหลือของปี
เพราะทั้งชีวิตของบรูโนฝากไว้กับภูเขาตั้งแต่เกิด เขาจึงเพียบพร้อมด้วยทักษะการใช้ชีวิตในแบบหนุ่มลูกทุ่ง ที่สามารถปลูกผัก รีดนมวัว ปีนเขา ล่าสัตว์ ไปจนถึงการซ่อมแซมและสร้างบ้านได้ทั้งหลัง
แน่นอนว่าเป็นคุณสมบัติที่หนุ่มนักทำสารคดีผู้ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อย่างปิเอโตรเทียบไม่ได้โดยสิ้นเชิง เขาถนัดที่จะตะลอนเดินทางบันทึกชีวิตของผู้คน ปนๆ กับการได้หวนย้อนรำลึกถึงความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัวในบางครั้งคราวมากกว่า
เหมือนอย่างเช่นครั้งหนึ่ง ขณะกำลังเดินเท้าอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย ปิเอโตรแลกเปลี่ยนบทสนทนากับชาวบ้านท้องถิ่นตามปกติ เพราะบนเส้นทางสายนั้นใครๆ ต่างก็ยิ้มแย้มและทักทายกัน
เขาเล่าให้ชายชราชาวเนปาลฟังว่า กำลังอยู่ในระหว่างออกเดินทางท่องโลก เพราะอยากเห็นยอดเขาสวยๆ ในที่ไกลๆ ของโลก ชายชราจึงบอกว่าเขาคือ ‘คนที่กำลังท่องไปบนแปดขุนเขา’
แกเล่าว่า โลกในความเชื่อของชาวเนปาล มีหน้าตาแบบที่เรียกว่า มันดาลา คือ มีขุนเขาสูงยิ่งอยู่ใจกลางโลก ชื่อเขาพระสุเมรุ รอบเขาพระสุเมรุมีแปดขุนเขาและแปดมหาสมุทรรายล้อมอยู่
ดังนั้น นักเดินทางที่ตระเวนไปตามเทือกเขาต่างๆ ของโลกจึงเหมือนกับกำลังท่องไปยังแปดขุนเขา
ชายชรายังทิ้งคำถามให้คิดต่ออีกว่า “ใครได้เรียนรู้มากกว่ากัน คนที่ท่องไปทั้งแปดขุนเขา หรือคนที่ไปถึงยอดเขาพระสุเมรุ”
แน่นอนว่าปิเอโตรนึกถึงบรูโนเพื่อนรัก ชายผู้ปักหลักใช้ชีวิตในหมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนเหนือของอิตาลี ที่ถือเป็นยอดเขาพระสุเมรุเพียงแห่งเดียวในชีวิต โดยไม่คิดโยกย้ายไปไหน
เช่นเดียวกับบทสนทนาของทั้งคู่ที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งช่วยกันซ่อมสร้างบ้านน้อยในป่าใหญ่ มรดกเพียงชิ้นเดียวที่พ่อทิ้งไว้ให้กับปิเอโตร
โดยหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการช่วยกันโค่นต้นไม้มาทั้งวัน ปิเอโตรเจอเข้ากับต้นไม้ที่ลำต้นเล็กและคดงอต้นหนึ่ง เขาจึงถอนมันแล้วเอาไปปลูกบริเวณอื่น เพื่อให้ได้รับแสงแดดมากขึ้น
แต่ดูเหมือนไม้ต้นน้อยที่ได้รับการปกป้องอยู่ในหินเป็นเวลานานจะไม่ชินกับการต้องยืนต้านแรงลมด้วยกำลังของตนเอง เขาจึงถามบรูโนว่าเคยย้ายต้นไม้ไปปลูกที่อื่นไหม
“ต้นนี้แปลก แข็งแรงถ้าโตตรงที่มันขึ้น แต่อ่อนแอทันทีที่เราย้ายไปปลูกที่อื่น” บรูโนตอบ
“นายเคยลองแล้วเหรอ”
“สองสามครั้ง”
“ผลเป็นไง”
“เหลว”
บรูโนคงไม่ทันได้คิดว่า เขานั่นคือไม้ต้นนั้นที่มิอาจเติบใหญ่ในต่างถิ่น และยืนกรานที่จะอยู่ใต้เงาหินต่อไป โดยเชื่อว่านั่นคือชีวิตที่ดีพอ
เรื่องราวของแต่ละตัวละครใน ‘แปดขุนเขา’ ไม่ต่างจากชีวิตจริงของคนเรา ที่ไม่มีใครสามารถตัดสินหรือบงการชีวิตของคนอื่นได้ เราต่างเป็นเจ้าของวิถีเดินทางต่างสไตล์ เหมือนกับที่แม่ของปิเอโตรเคยบอกเขาว่า ผู้คนมีความสูงของภูเขาเป็นของตัวเอง
แต่ละคนจึงมีสิทธิเลือกระดับความสูงที่ตัวเองพอใจ แล้วหย่อนชีวิตไว้ตรงนั้น
เว้นเสียแต่ว่า คุณยังหาระดับความสูงที่ดีต่อใจไม่พบ จึงยังคงต้องท่องไปให้ทั่วแปดขุนเขา หรือพยายามดิ้นรนค้นหาเขาพระสุเมรุของตน จนกว่าจะเจอ
- แปดขุนเขา เขียนโดย เปาโล คนเญตติ แปลโดย นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ สำนักพิมพ์ อ่านอิตาลี