“เราเสียความสัมพันธ์ไปแล้ว ทำไมเราต้องเสียทุกอย่างไปด้วย
เพราะเราไม่ควรเสียมันไป สุดท้ายก็ต้องอยู่ให้ได้ในแบบที่เปลี่ยนไป”
หนู – นลัทพร ไกรฤกษ์
บรรณาธิการบริหาร ThisAble me
“ปีนี้เป็นปีที่แย่ที่สุด แต่ก็เป็นปีที่ดีที่สุดอีกปีหนึ่งเหมือนกัน ตั้งแต่ทำงานมาเราไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่าเราชอบทำมันอยู่เพราะอะไร ปีนี้เลยได้ลองทำอะไรหลายอย่าง”
“จริงๆ ไม่ใช่แค่ปีนี้ แต่ 2 ปีที่ผ่านมากิจวัตรหลักของเราเปลี่ยนไปเพราะโควิด-19 บางโปรเจ็คที่อยากทำก็ไม่ได้ทำ เราได้สัมภาษณ์คนผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ได้คุยกับคนที่อยู่ไกลๆ มากขึ้น เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านการเดินทาง”
“แต่ในขณะเดียวกันเป็นช่วงเวลาที่น่าเสียดาย เราทำงานข่าว การได้เจอแหล่งข่าวตัวเป็นๆ มันมีคุณค่าสำหรับเรา เพราะเขาไม่ใช่แค่แหล่งข่าว แต่เราได้สร้างสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนด้วย การคุยกันทำให้เรารู้ว่าเขาชอบกินอะไร ใช้ชีวิตแบบไหน ยิ่งทำคอนเทนท์คนพิการ การได้เห็นชีวิตของเขาทำให้เรารู้ว่าคนที่เราไปคุยด้วยเป็นอยู่ยังไง แต่พอทุกอย่างอยู่ในจอสี่เหลี่ยม เราบอกไม่ได้เลยบอกว่าเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน เวลาเราเขียนงาน เราชอบเล่าเรื่องด้วยว่าสภาพแวดล้อมเป็นยังไง และเรามองคนที่เราสัมภาษณ์ด้วยสายตาแบบไหน”
“เราได้เรียนรู้วิธีทำงานใหม่ๆ ได้เรียนรู้เครื่องมือที่ไม่เคยใช้ ได้เรียนรู้วิธีจัดการองค์ประชุมให้ทุกคนได้พูดในสิ่งที่ตัวเองคิด แต่พอเคยชินกับการสัมภาษณ์ออนไลน์ มันกลายเป็นนิสัยที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พอทำไปเรื่อยๆ อาจรู้สึกหมดไฟ และห้องก็ค่อยๆ แคบลง ครึ่งปีหลังเราพยายามถีบตัวเองออกไปสัมภาษณ์ เราว่างานข่าวหรืองานสื่อสารที่ดีคือการเอาตัวเองออกนอกห้อง ไปเจอแหล่งข่าว”
“ปีนี้เราอายุ 29 ทำให้เรานึกถึงตอนที่เราอายุ 19 และกำลังจะเปลี่ยนไปอายุ 20 ตอนนั้นเรารู้สึกเป็นผู้ใหญ่ ต้องทำงาน หาเงิน หรือมีอะไรสักอย่าง พอวันนี้เรา 29 แล้ว ก็เกิดคำถามว่าชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้มันใช่ชีวิตที่เราอยากเป็นหรือเปล่า ตั้งแต่เรียนจบเรายังไม่เคยเปลี่ยนงานเลย ทำที่เดิมมา 7 ปี เกิดคำถามเหมือนกันว่าเรากำลังพยายามทำให้ใครมีความสุข ทำให้ใครภูมิใจในตัวเราอยู่หรือเปล่า ที่ทำอยู่มันถูกแล้วหรือยัง”
“ปีนี้เรายอมให้ตัวเองลองทำสิ่งที่อยากทำ ซึ่งอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ จริงๆ อยากเป็นช่างสัก และแอบคิดว่าทำได้ดีด้วย เพราะเราเองก็เรียนจบด้านศิลปกรรม เลยลองไปลงเรียนสักดู เราอยากลองสักบนเนื้อคนให้ได้ ความจริงเราเป็นคนใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ไม่ได้หวังว่าจะรวยหรือต้องมีงานที่ก้าวหน้า ปีนี้เราเพิ่งอายุ 29 ยังไม่ต้องมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ยังไม่ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เราเลยอยากลองดู ไม่แน่อาจจะเจอสิ่งที่ชอบก็ได้”
“และปีที่ผ่านมาเป็นอีกปีที่หนักหนามากในเรื่องความสัมพันธ์ เราบอกตัวเองมาตลอดว่าเราสามารถแยกแยะงานกับความสัมพันธ์ได้ แต่เราเพิ่งรู้ว่ามันกระทบกันมากๆ”
“เราให้คุณค่ากับความสัมพันธ์มาก ไม่เคยจินตนาการเลยว่าจะเสียความสัมพันธ์นี้ไปเลย เพราะคิดว่าตัวเองมั่นคงพอที่จะอยู่แบบนี้ไปได้ตลอด แต่พอเสียไปก็เคว้ง ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ”
“เราไม่ได้เสียแค่ความสัมพันธ์ไป แต่เสียทุกอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกับความสัมพันธ์นี้ไปด้วย พอมันมาพร้อมกับงาน เราก็ทำงานไม่ได้ พอมันมาพร้อมกับคน สิ่งของ หรือพื้นที่ มันทำให้เรามึนไปหมดว่าจะอยู่กับสภาพแวดล้อมแบบนี้ต่อไปได้อย่างไร ตัวมันเคยหนักด้วยความสัมพันธ์ก้อนนี้ แต่พอมันหายไป ตัวเราก็เบา และไม่รู้จะเดินต่อไปแบบไม่เซได้อย่างไร เราเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าเรารักเพราะเรารัก หรือรักความสัมพันธ์นี้กันแน่”
“น้ำหนักเราลดไปเยอะมาก จากที่หนัก 45 ซึ่งน้อยอยู่แล้ว ตอนนี้เหลือแค่ 37 มันไม่ได้กระทบแค่จิตใจแต่มันกระทบร่างกายด้วย พอยิ่งรู้สึกว่าจะไม่มีวันหลุดออกไปจากความรู้สึกนี้ได้ ก็ทำให้กินไม่ได้ นอนก็ยาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากทรมานตัวเองเลย”
“เราก็คิดได้ว่าเรามีเพื่อนร่วมงานที่ดี มีแมวที่น่ารัก เราไม่ได้อยากเสียทุกอย่างนี้ไป เราเสียความสัมพันธ์ไปแล้ว ทำไมเราต้องเสียทุกอย่างที่มาพร้อมกับความสัมพันธ์ไปด้วย เพราะเราไม่ควรเสียมันไป สุดท้ายเราก็ต้องอยู่ให้ได้ในแบบที่เปลี่ยนไป”
“เราผ่านมาได้เพราะมีเพื่อนที่ดีคอยซัพพอร์ตและรับฟัง ปีนี้เป็นปีที่เรายอมให้คนอื่นเข้ามาในพื้นที่เราได้มากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ เรารู้สึกว่าเราไม่เป็นไร เราไม่ได้ชอบเล่าเรื่องให้คนอื่นฟังอยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่าการเล่าจะไปเพิ่มภาระให้กับคนอื่น เวลามีคนมาเล่านู่น เล่านี่ให้เราฟัง เรื่องของเพื่อนก็หนักแล้ว เราไม่ควรจะเล่าอะไรไปมากกว่านี้ให้เพื่อนหนักใจ”
“แต่ปีที่ผ่านมา เราว่าเราเปิดใจให้คนรอบข้างมากขึ้น ยอมให้เขาเข้ามาในพื้นที่ของเรามากขึ้น ได้มาฟังว่าเรารู้สึกอย่างไร และเราพบว่ามันไม่ได้แย่ เป็นเรื่องดีมากที่เรามีเพื่อนที่เป็นห่วงและพร้อมจะซัพพอร์ตกันในปีนี้ เรารู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากๆ”
‘2022 Life Lessons ปีนี้สอนให้รู้ว่า…’ เป็นซีรีส์สัมภาษณ์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วยความตั้งใจของ becommon ที่อยากส่งต่อ 16 บทเรียนชีวิตตลอดปีของ 16 บุคคลน่าสนใจจากหลากหลายวัยและวงการ ติดตามอ่านได้ ที่นี่