เพราะ ‘การอ่าน’ เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เวลา แต่จะทำอย่างไรดี? หากรู้สึกว่าตัวเองไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลย
ถ้าไม่อยากหยิบหนังสือเล่มหนาๆ มาแบ่งอ่านในแต่ละวัน becommon ขอแนะนำหนังสือใหม่ 9 เล่ม ที่คัดสรรจากหลากหลายสำนักพิมพ์ใน ‘งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 28’
ด้วยเกณฑ์ความหนาไม่เกิน 200 หน้า ทำให้หนังสือทุกเล่มที่คัดเลือกมามีขนาดกะทัดรัด และหยิบจับกระชับมือ สำคัญที่สุดคือใช้เวลาอ่านเพียงน้อยนิด อ่านจบเล่มได้โดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง เหมาะสำหรับคนมีเวลาน้อยและไม่อยากอ่านอะไรยาวๆ โดยเฉพาะหนังสือเล่มหนา
ถึงแม้จะใช้เวลาอ่านไม่นาน แต่รับรองว่าสิ่งที่ทุกคนจะได้รับจากหนังสือทุกเล่ม คือ ห้วงของความคิด ความฝัน และความรู้สึกที่ทำให้หวนคิดถึงเรื่องราวของตัวเองบ้าง
1
(ไทม์ไลน์ที่สูญหาย) เมื่อผมเล่าถึงคุณ
“…ไม่ว่าคนบนโลกกี่ร้อยกี่พันคนจะบอกว่าคุณอ่อนแอ
ขอให้คุณไว้ใจตัวเองว่า เนื้อแท้คุณเป็นคนเข้มแข็ง
คุณเข้มแข็งมากๆ ที่ยังมีชีวิต และจงมีชีวิตอยู่ต่อไป…”
(หน้า 104)
ไม่ง่ายนัก ที่คนคนหนึ่งจะเปิดเผยเรื่องส่วนตัวให้ใครสักคนได้รับรู้ โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ที่เคยทำให้รู้สึกเจ็บปวดจนยากจะทำใจยอมรับได้ในทันที แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ความเข้าใจจะทำหน้าที่เป็นยาช่วยสมานบาดแผลและบรรเทาให้ทุกอย่างทุเลาเบาลง หลงเหลือไว้เพียงร่องรอยแห่งประสบการณ์เพื่อใช้เตือนใจและนึกถึง
หนังสือเล่มนี้เป็นแบบนั้น เพราะเนื้อหาภายในเล่มได้รวมเรื่องเล่าเอาไว้ 13 เรื่อง ถึงผู้คนที่สูญหายไปจากไทม์ไลน์ชีวิต 13 คน บ้างพลัดหลง บ้างหลบหนี บ้างหายลับ บ้างวนกลับมาพบกันอีกครั้ง แน่นอนว่าทั้งหมดไม่ใช่เรื่องแต่ง แต่เป็นเรื่องจริงที่้เคยเกิดขึ้นกับผู้เขียน
ด้วยภาษาที่เรียบง่ายและซื่อตรง จึงให้ความรู้สึกเหมือนมีเพื่อนมานั่งเล่าให้ฟังมากกว่า พร้อมชวนให้หวนคิดถึงเรื่องราวชีวิตของตัวเอง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครจะอยู่กับเราไปได้นิรันดร์ มีพบกัน สักวันก็ต้องจาก นี่คือเรื่องธรรมดาของทุกความสัมพันธ์ ต่อให้พยายามยื้อยุดฉุดรั้งไว้แค่ไหน ถึงคราวปล่อยก็ต้องปล่อย แต่ตราบเท่าที่ยังมีกันและกัน เราจะสร้างเรื่องราวแบบไหนเอาไว้ให้จดจำและคิดถึงในวันที่ไม่มีกันและกัน นี่คือคำถามที่ต้องตอบตัวเองให้ได้
ผู้เขียน: นิชตุล Shikak
สำนักพิมพ์: P.S.
จำนวนหน้า: 144 หน้า
ราคาปก: 200 (ปกอ่อน)
พิกัดบูธ: K15 โซนหนังสือทั่วไป
2
ติดบ้าน
“…เขาบอกว่าเขาชอบความว่างเปล่าของบ้านฉัน
เขารู้สึกว่าความว่างเปล่าในบ้านฉัน
อบอุ่นอย่างน่าประหลาด…ฉันชอบเวลาเขามาค้างที่บ้าน
รู้สึกดีที่ได้นอนหลับและไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
ไม่ต้องนอนลืมตาโพลงคอยเงี่ยหูฟังเสียงแห่งค่ำคืน
เฝ้ารอบางสิ่งบางอย่าง… และฉันก็หลับไปเหมือนก้อนหินจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง…”
(หน้า 156)
นิยามของคำว่า ‘บ้าน’ นั้นหลากหลายเสมอ เช่นเดียวกับ ‘การกลับบ้าน’ ก็มีความหมายแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเวลาและผู้คนที่เราพบพาน การกลับบ้านยังอาจหมายถึงการเดินทางสู่ตัวตนคนเดิมที่เคยสูญหายหรือกลายเป็นอื่นในบางห้วงของชีวิต
หลายครั้งที่การกลับบ้านคือการได้ทบทวนเวลาทั้งอดีตและอนาคต ทำความเข้าใจเรื่องราวที่ผ่านมาและการเตรียมพร้อมรับวันใหม่ การกลับบ้านยังอาจทำให้เรามีความสัมพันธ์เกินคาดหมาย ได้เห็นร่องรอยของความเอ่อล้น และได้รู้ซึ้งกับรูปรอยของความว่างเปล่า เหมือนกับตัวละครในวรรณกรรมเยอรมันร่วมสมัยเล่มนี้ ที่จะทำให้หัวใจของผู้อ่านวาบไหวด้วยสายลมแห่งการหวนคืนผ่านการค้นหาความหมายของคำว่า ‘บ้าน’
ที่สำคัญ ถือเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก ที่ผู้อ่านอย่างเราๆ จะได้ดื่มด่ำกับผลงานเขียน ซึ่งแปลจากต้นฉบับภาษาเยอรมันโดยตรง
แปลจาก: Daheim
ผู้เขียน: ยูดิท แฮร์มันน์ (Judith Hetmann)
ผู้แปล: นันทนา อนันต์โกศล
สำนักพิมพ์: Library House
จำนวนหน้า: 160 หน้า
ราคาปก: 270 บาท (ปกอ่อน)
พิกัดบูธ: M08 (MBooks), P01 (กำมะหยี่), Q05 (อ่าน 101) โซนหนังสือนิยายและวรรณกรรม และ F43 (Avocado Books), H30 (MBooks), J08 (มาตรฐานวรรณกรรมพิมพ์จำกัด), J47 (มติชน), L15 (เคล็ดไทย) โซนหนังสือทั่วไป
3
FRIENDSHIT เพื่อนโคตรชิต มิตร (ไม่) สนิท
“…ในชีวิตเราไม่ต้องมีเพื่อนเยอะขนาดนั้นหรอก
สุดท้ายเราก็ต้องการแค่เพื่อนไม่กี่คนในชีวิต
คนที่เราจะเรียกพวกเขาว่าเพื่อนสนิท
ถึงแม้บางครั้งพวกเขาอาจจะเป็นคนที่เรา
ไม่ค่อยได้คุย ไม่ได้เจอกันบ่อย
แต่เพื่อนคนนี้จะยังมีพื้นที่ในใจเราเสมอ…”
(หน้า 102)
ใครที่อยากมีเพื่อนน้อยลง ให้หนังสือฮาวทูสุดกวนเล่มนี้ช่วยได้
เนื้อหาภายในเล่มได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ ของ GDH โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน
ส่วนแรก คือ คำแนะนำรวม 40 การกระทำแสบๆ ที่ใครก็ตาม หากนำไปทำกับเพื่อนแล้ว รับรองว่าเพื่อนเลิกคบแน่ๆ เช่น สปอยล์หนังหรือซีรีส์ที่เพื่อนกำลังจะดู เทเพื่อนด้วยเหตุผลว่าติดแฟน บอกเพื่อนว่า “มึง…กูจะเลิกกับมันแล้วว่ะ” ล้อเลียนสิ่งที่เพื่อนรักและเชิดชู โดยทั้งหมดเป็นคำแนะนำของ ‘สิระ สิมมี’ ผู้กำกับอารมณ์ดีและหนึ่งในโฮสต์รายการ 15 MINUTES WASTED ของ Salmon Podcast ซึ่งทุกตอนนั้นอัดแน่นความสนุกด้วยความรู้สึกเหนือความคาดหมาย เพราะเดาเนื้อหา เส้นเรื่อง และบทสรุปไม่ได้เลย
ส่วนที่สอง คือ รวมเรื่องสั้นคัดสรร 9 เรื่อง จากโครงการ ‘เขียนให้จึ้ง ถึง..เพื่อน(ไม่)สนิท’ ผลงานของนักเรียนวัยมัธยมที่ใช้การเขียนตีความนิยามคำว่า เพื่อน(ไม่)สนิท พร้อมกับเล่าความในใจถึงเพื่อนคนนั้นจากหลากหลายมุมมอง
หมายเหตุ: หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง โปรดใช้จักรยานในการอ่าน และเด็กควรแนะนำผู้ปกครอง
ผู้เขียน: สิระ สิมมี
สำนักพิมพ์: Salmon Books
จำนวนหน้า: 176 หน้า
ราคาปก: 240 บาท (ปกอ่อน)
พิกัดบูธ: L22 โซนหนังสือทั่วไป
4
สู้ดิวะ
“…ที่ผ่านมาผมเจอความผิดหวังเยอะเหมือนกัน
ใช้พลังใจเยอะมากในการกลับมาสู้ต่อ
แต่ผมกอดความหวังนั้นไว้
เพราะดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่ผมมี
ผมก็ไม่รู้อะไรเกิดก่อนกันนะครับ
เพราะมีชีวิตจึงมีความหวัง
หรือเพราะมีความหวังจึงมีชีวิต…”
(หน้า 180-181)
ชีวิตเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายใดๆ ต่อให้มั่นใจว่าเราจัดระเบียบตัวเองได้ทุกอย่างแล้ว แต่ในวันที่ร่างกายไม่เป็นดังใจ เราจะเข้าใจสัจธรรมของชีวิตข้อหนึ่งอย่างถ่องแท้เลยว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เมื่อรู้ความจริงข้อนี้ คำถามสำคัญที่ตามมาก็คือ เราจะทำอย่างไรให้ใช้ชีวิตยังไปต่อได้ แม้จะไม่อยู่บนเส้นทางเดินที่ปกติเหมือนก่อนก็ตาม
หนังสือเล่มนี้คือบทเรียนล้ำค่าของคุณหมอจากเพจ ‘สู้ดิวะ’ ผู้กำลังก้าวเดินอยู่บนเส้นทางนั้น เพราะร่างกายป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ซึ่งเขียนขึ้นในช่วงเวลาที่ชีวิตเข้มข้นและเปราะบางที่สุด ด้วยความตั้งใจอยากส่งต่อพลัง กำลังใจ และแรงบันดาลใจไปให้ทุกคน เพื่อค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ของตัวเอง
ขณะอ่านแต่ละคำแต่ละประโยคที่คุณหมอถ่ายทอดออกมาอย่างเรียบง่ายและกินใจ ทำให้เกิดมวลความรู้สึกเอ่อล้นออกมาด้วย เป็นความรู้สึกทั้งซึ้งใจและสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน จนกลายเป็นหนังสือทรงพลังที่พร้อมจะเปลี่ยนชีวิตของทุกคนที่ได้อ่านไปตลอดกาล
ผู้เขียน: กฤตไท ธนสมบัติกุล
สำนักพิมพ์: KOOB
จำนวนหน้า: 192 หน้า
ราคาปก: 195 บาท (ปกอ่อน)
พิกัดบูธ: H43 โซนหนังสือทั่วไป
5
หลอก
“…อันว่าบุรุษเพศนั้น
โดยธรรมชาติแม้ภายนอกอาจดูร้ายลึกอยู่บ้าง แต่เนื้อแท้มักจะแสนดี
ส่วนอิสตรีนั้น เปลือกนอกดูเรียบร้อยไร้พิษสง
แต่เบื้องลึกในจิตใจกับมีรังบ่มเพราะความร้ายกาจมาแต่กำเนิด…”
(หน้า 85)
แม้จะเป็นผลงานเขียนเดียวกันของ ‘เอโดะงาวะ รัมโป’ นักเขียนนวนิยายสืบสวนสอบสวนและเรื่องสยองขวัญผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนอาทิตย์อุทัยที่ควรค่าแก่การอ่านทั้งสองเล่ม แต่ไม่สำคัญว่าจะต้องอ่านเล่ม ‘หลอน’ ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาไทยและตีพิมพ์มาก่อนหน้านี้ เพราะทั้งเล่ม ‘หลอน’ และ ‘หลอก’ ต่างก็เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจบในตอนที่อ่านแยกเล่มกันได้
สำหรับเนื้อหาภายในเล่ม ‘หลอก’ ได้รวบรวมเรื่องสั้นแนวสืบสวนสอบสวน 6 เรื่อง กับความเรียงอีก 1 เรื่อง ได้แก่ โจรกรรม แหวนเพชร หนึ่งคนสองบทบาท นิ้วมือ จุมพิต หลุมหลบภัย และความปรารถนาในการแปลงกาย
แม้ว่าจะเป็นเรื่องราวที่วนเวียนอยู่กับแรงปรารถนา กามารมณ์ และความวิปริตผิดครรลอง กลายเป็นกับดักอันหอมหวานเย้ายวนให้มนุษย์หลงมัวเมาไม่สิ้นสุด แต่จุดร่วมสำคัญที่ทุกเรื่องมีเหมือนกัน กลับไม่ใช่แค่ความลึกลับและความยากแท้หยั่งถึงของจิตใจมนุษย์เพียงอย่างเดียว เพราะยังแฝงความขันเอาไว้ได้อย่างกลมกลืนและกลมกล่อม เป็นความเพลิดเพลินที่ใครลิ้มลองแล้วจะต้องวางไม่ลง
แปลจาก: 欺
ผู้เขียน: เอโดะงาวะ รัมโป (Edogawa Rampo)
ผู้แปล: อรรถ บุนนาค
สำนักพิมพ์: JLIT
จำนวนหน้า: 156 หน้า
ราคาปก: 255 (ปกอ่อน)
พิกัดบูธ: M25 โซนหนังสือทั่วไป
6
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม (แค่บางวันก็พอ!)
“…เรื่องน่าตลกคือ ทั้งที่คนเราน่าจะรู้สึกโดดเดี่ยวเมื่ออยู่คนเดียว
แต่ฉันกลับรู้สึกแบบนั้น เวลาไปสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คน
และจะรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อได้กลับมาอยู่กับตัวเอง
แถมไม่รู้สึกเหงาเลยสักนิด พอได้อยู่ในห้องของตัวเองตามลำพัง…”
(หน้า 29)
จะมีประโยชน์อะไร หากเรามัวแต่แคร์คนอื่นมากเกินไป จนทิ้งขว้างใจของตัวเองให้เหนื่อยล้าและบอบช้ำอยู่เสมอ เพราะต้องฝืนปั้นหน้าชื่นมื่นต่อหน้าผู้คนมากมายในทุกๆ วัน ใครจะชวนไปไหนหรือชวนทำอะไร ก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพียงแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่าเราเองก็มีสังคม ทั้งที่ใจจริงอยากวิ่งออกมาจากตรงนั้นให้ได้
ใช่! มนุษย์เป็นสัตว์สังคม แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นสัตว์สังคมตลอดเวลา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดอะไร หากเราจะเลือกไม่เอาอะไรเลยในบางเวลา เพื่ออยู่คนเดียวตามลำพัง ให้ตัวเองได้พักจากความวุ่นวาย เพราะคนเยอะเรื่องแยะ และคนที่เข้ามา ก็ใช่ว่าจะมาด้วยความหวังดีทั้งหมด บางคนหอบเอาพลังลบมาโยนใส่หน้าเราอย่างไม่ไยดี แล้วทำไมเราจะต้องทนรับสิ่งเลวร้ายเหล่านั้นด้วย?
หนังสือเล่มนี้ แนะนำ 68 วิธีคิดที่ช่วยให้ทุกคนใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองได้อย่างราบรื่น ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง หากปลีกตัวมาอยู่เงียบๆ แล้วทำให้ค้นพบชีวิตใหม่ในแบบที่ใช่และชอบ เพราะรู้สึกมีความสุขและสบายใจมากกว่า จะทำอะไรก็ได้ทำตามใจอยาก โดยไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ว่าต้องเอาตัวเองไปผูกติดกับความพอใจของใคร ก็ไม่เห็นจะต้องสนใจใครอีก ‘ความโดดเดี่ยว’ จึงไม่ใช่สิ่งย่ำแย่หรือน่าหลีกเลี่ยงเสมอไป แต่เป็นทางเลือกสำคัญที่ช่วยให้เราปกป้องใจของตัวเองไว้ได้
แปลจาก: 続 多分そいつ、今ごろパフェとか食ってるよ。
ผู้เขียน: JAM
ผู้แปล: ปาวัน การสมใจ
สำนักพิมพ์: วีเลิร์น
จำนวนหน้า: 192 หน้า
ราคาปก: 180 (ปกอ่อน)
พิกัดบูธ: E07 โซนหนังสือทั่วไป
7
ลูกโป่งสีแดง
“…ตอนที่ปล่อยลูกโป่งสีแดงขึ้นสู่ฟ้า
เขาไม่คิดเลยว่าลูกโป่งใบนั้น
จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองไปโดยสิ้นเชิง…”
(หน้า 15)
นี่คือเรื่องสั้นที่คุณหมอโอ๊ต (เจ้าของนามปากกา พงศกร) เขียนไว้ตั้งแต่เริ่มเป็นนักเขียนใหม่ๆ โดยอ้างอิงจากประสบการณ์และความทรงจำเมื่อครั้งเดินทางไปเรียนต่อในเมืองเล็กๆ ที่สหรัฐอเมริกา เพียงช่วงเดือนแรกก็มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศรื่นเริงจากงานแต่งที่ผู้คนในเมืองต่างตื่นเต้นและพากันไปร่วมยินดีกับคู่บ่าวสาวอย่างคับคั่ง ซึ่งทั้งสองพบรักกันเพราะลูกโป่ง
ใครจะคิดว่า ลูกโป่งใบเดียวที่เจ้าบ่าวเขียนคำอธิษฐานผูกติดไว้กับเชือก แล้วปล่อยให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าตามธรรมเนียมของงานเทศกาลประจำปี ได้นำพาเขาให้พบเจอกับคู่ชีวิตผู้เก็บลูกโป่งใบนี้ได้ในต่างเมือง ซึ่งอยู่ห่างไกลเกินกว่าจะมีโอกาสได้พบพานกัน
จากเรื่องราวเหลือเชื่อน่าประทับใจกลายมาเป็นแรงบันดาลใจของเรื่องสั้น ‘ลูกโป่งสีแดง’ ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยตีพิมพ์รวมเล่มเรื่องสั้นร่วมกับนักเขียนคนอื่นๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ครั้งนี้ คุณหมอโอ๊ตนำมาปัดฝุ่นใหม่ ปรับเนื้อหาให้สมบูรณ์ขึ้น จนได้เรื่องสั้นที่มีรสหวานกลมกล่อมและชวนให้รู้สึกอิ่มเอมหัวใจไปกับตัวละคร
ผู้เขียน: พงศกร (นพ.พงศกร จินดาวัฒนะ)
สำนักพิมพ์: GROOVE
จำนวนหน้า: 32 หน้า
ราคาปก: 89 บาท (ปกอ่อน)
พิกัดบูธ: N09 โซนหนังสือนิยายและวรรณกรรม
8
ผีหัวขาดแห่งสลีปปี ฮอลโลว์
“…เขาเห็นอะไรบางอย่างที่ใหญ่โต และผิดรูปผิดร่าง
เป็นเงาดำตะคุ่มๆ ยืนสูงตระหง่านอยู่
มันนิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหว
มันดูเหมือนเป็นการรวมตัวของความมืดมน
ราวกับสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่มหึมาที่พร้อมจะผุดขึ้นมา
พุ่งทะลวงสติสัมปชัญญะอันเกินกว่าจะควบคุมได้…”
(หน้า 110)
หากเรื่องราวของเอดการ์ แอลแลน โพ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์แห่งนิยายสยองขวัญ หรือวรรณกรรมคลาสสิกอย่าง แฟรงเกนสไตน์ และแดร็กคูลา ทำให้หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น ขณะเดียวกันก็รู้สึกลุ้นระทึกไปกับเนื้อหาชวนติดตาม จนละสายตาจากหน้าหนังสือไม่ได้แล้วล่ะก็ มั่นใจได้เลยว่าเรื่องสั้น ‘ผีหัวขาดแห่งสลีปปี ฮอลโลว์’ ทำหน้าที่นั้นได้ไม่แพ้กัน
นี่คืออีกหนึ่งผลงานเขียนแนวโกธิคที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดเล่มหนึ่ง ถึงขนาดกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เหล่านักสร้างสรรค์นำไปเล่าขานในรูปแบบภาพยนตร์ ซีรีส์ เกม รวมถึงแอนิเมชัน แต่ก็ไม่อาจเทียบเคียงกับมนต์ขลังของเรื่องสั้นต้นฉบับได้
ด้วยความโดดเด่นของการนำเสนอเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่ยากจะอธิบายให้ชัดแจ้ง เคล้าบรรยากาศน่ากลัวจากสิ่งลึกลับและความตาย แม้จะส่งกลิ่นคละคลุ้งอยู่ทั่วหน้ากระดาษ แต่กลับเชื้อเชิญให้คนอ่านหาคำตอบสนองความสอดรู้เพียงว่า ตกลงแล้วปิศาจไร้หัวที่ควบม้าทะยานผ่านหุบเขาในทุกค่ำคืนจันทร์เต็มดวง เพื่อตามล่าหาส่วนสำคัญที่ยังขาดหาย คือเรื่องจริงหรือเป็นตำนานปรัมปราของเมืองอันโดดเดี่ยวแห่งนี้ แน่นอนว่าคำตอบย่อมมีหนึ่งเดียว
แปลจาก: The Legend of Sleepy Hollow
ผู้เขียน: วอชิงตัน เออร์วิง (Washington Irving)
ผู้แปล: นภัค ลิมป์ และ ธรรมพร วิทูรกิตติ
สำนักพิมพ์: เวลา
จำนวนหน้า: 120 หน้า
ราคาปก: 200 บาท (ปกอ่อน)
พิกัดบูธ: J03 โซนหนังสือทั่วไป
9
a cup of story. 01
“…เขาปล่อยให้กาแฟในแก้วเย็นชืด
เขาไม่หยิบแก้วกาแฟขึ้นดื่มอีกเลยจนถึงเวลาเดินออกจากร้านไป
รสกาแฟนั้นเป็นเพียงข้ออ้าง
เขามาที่นี่ทุกเช้าเพียงเพื่อเฝ้ามองเธอ…”
(หน้า 39)
หนังสือรวมเรื่องสั้น 4 เรื่อง ที่เหมาะเจาะจะหยิบมาเปิดอ่านไปพลางดื่มกาแฟสักแก้ว (ต่อให้ไม่ใช่คอกาแฟก็อ่านได้) เพราะทุกเรื่องล้วนมีแง่มุมเกี่ยวพันกับ ‘กาแฟ’ หรือไม่ก็ ‘ร้านกาแฟ’
เรื่องแรก ‘ขมไหม นวลตา’ บอกเล่าชีวิตธรรมดาของคนที่เคยทำงานในนิตยสาร แต่แล้วความเปลี่ยนแปลงกลับเข้าถาโถม จนทำให้เธอลองดื่มกาแฟและหวนคิดถึงเพื่อนสนิทสมัยฝึกงานด้วยกัน
เรื่องสอง ‘ดวงดาวส่องประกายเลือนเบื้องหลังตะวันรอนเหนือยอดเขาคีลิมานจาโร’ ฉากชีวิตสั้นๆ ระหว่างชายหนุ่มผู้จดจ่ออยู่กับหน้ากระดาษกับหญิงสาวผู้เลินเล่อที่เชื่อว่าจะคงอยู่ในความรู้สึกไปยาวนาน เพียงเพราะทั้งคู่ถูกลมพายุกระหน่ำกักกันให้อยู่ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
เรื่องสาม ‘ชายหนุ่มผู้หายไปในม่านกาแฟ’ เรื่องราวเปี่ยมความรู้สึกของลูกค้าที่มีเวลาเหลืออยู่ไม่มากบนโลกใบนี้ ที่มีต่อพนักงานสาวผู้มีท่วงท่าและจังหวะการเคลื่อนไหวอันงดงาม ซึ่งไม่อาจคาดเดาได้ว่าบทสรุปของเรื่องจะลงเอยแบบใด
และเรื่องสุดท้าย ‘กวีนิพนธ์’ เรื่องสั้นเกี่ยวกับคนเมืองผู้มีอดีตที่เกือบลืมไปแล้ว แต่เพราะร้านกาแฟเล็กๆ ทำให้เขาค้นพบชิ้นส่วนความทรงจำได้อีกครั้ง
ผู้เขียน: จิราภรณ์ วิหวา, วีรพร นิติประภา, อนุสรณ์ ติปยานนท์, วิภว์ บูรพาเตชะ (เรียงตามลำดับเรื่องสั้นในเล่ม)
สำนักพิมพ์: happening
จำนวนหน้า: 64 หน้า
ราคาปก: 135 บาท (ปกอ่อน)
พิกัดบูธ: F43 (Avocado Books), G31 (PTK Studio), H06 (Paperyard), H33 (Fullstop) และ I09 (Kai3),L22 (Salmon Books) โซนหนังสือทั่วไป
Book Expo Thailand 2023
- มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 28 จัดขึ้นวันที่ 12-23 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น LG ฮอลล์ 5-7