‘ในปี 2527 กรุงเทพมหานครถูกระบุว่า เป็นเมืองที่มีความสกปรกอันดับ 1 ใน 6 เมืองหลักของโลก และมีการคาดการณ์แนวโน้มถึงความเป็นไปได้ในการก้าวข้ึนไปเป็น 1 ใน 5 ของเมืองที่ติดอันดับสกปรกที่สุดในโลก’
ข้อมูลจากจดหมายข่าว ‘ต้นธารแห่งความร่วมมือ’ ที่เคยตีพิมพ์ไว้เมื่อ พ.ศ. 2551 บอกไว้เช่นนั้น ถึงความเป็นที่สุดในอดีตของเมืองหลวงของไทย
จากนั้นถัดมาอีกไม่นานกรุงเทพฯ ก็มีโครงการรณรงค์การทิ้งขยะให้ถูกที่ขึ้นมาอย่างโครงการตาวิเศษกับสโลแกนที่ว่า ‘อ๊ะ อ๊ะ อย่าทิ้งขยะ ตาวิเศษเห็นนะ’ จึงทำให้ขยะที่เคยมีมากมายกลับมีจำนวนลดลง รวมไปถึงคำขวัญที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินอย่าง ‘ขยะในมือท่านลงถังเถอะครับ’ และล่าสุดคำขวัญที่รณรงค์ให้มีการแยกขยะก่อนทิ้งอย่าง ‘ทิ้งขยะให้ถูกสี ถูกประเภท’ เป็นต้
แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังเห็นขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ที่ไม่คิดว่าพวกมันจะไปอยู่ตรงนั้นได้ ตั้งแต่ ตามต้นไม้ บนเหล็กกั้นริมทางเดิน เสาไฟฟ้า รวมถึงบนรูกรวยจราจร ฯลฯ
และท้ายที่สุดบทความชิ้นนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากเราทุกคนมีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม ว่าขยะควรอยู่ในถังไม่ใช่อยู่ที่ไหนก็ได้อย่างเช่นในภาพที่อยู่ข้างล่างนี้
‘เพราะขยะมีอยู่ทุกที่’
ขวดแก้วที่ถูกวางไว้บนกล่องเหล็กริมถนน
ไฟแช็คที่ใช้การไม่ได้แล้ว ที่ถูกเสียบไว้ในรูเสาไฟฟ้า
ขวดพลาสติกที่ถูกเสียบไว้ในราวเหล็กริมทางเดิน
ถุงพลาสติกที่ถูกยัดไว้ในต้นไม้
ถุงขนมที่ถูกเสียบไว้กับเสาไฟฟ้าริมทางเดิน
ถุงพลาสติกที่ถูกยัดทิ้งไว้บนกรวยจราจร
ขวดแก้วที่ถูกทิ้งไว้บนเสาเหล็ก
ขวดแก้วที่ถูกวางทิ้งไว้บนต้นไม้