©ulture

การมาเยือนของโรคระบาด เป็นเหมือนมือที่มองไม่เห็น ที่กำลังเขย่าโลกของเราให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

นอกจากวิถีชีวิตแล้ว วัฒนธรรมที่ฝังรากลึกมาอย่างยาวนานในแต่ละสังคม ก็ถูกไวรัสสั่นสะเทือนจนทำให้หลายๆ อย่างรอบตัวดูแปลกตาไป 

แม้แต่การ ‘กล่าวทักทาย’ ในประเทศต่างๆ เองก็เช่นกัน คงรู้สึกแปลกๆ ไม่น้อยที่อยู่ดีๆ การสวัสดีที่เคยทำกันปกติเป็นอันต้องถูกงดอย่างไม่มีกำหนด เพราะความอบอุ่นและใกล้ชิดนั้นอาจเปิดโอกาสให้เจ้าไวรัสแพร่สู่กันและกันโดยไม่รู้ตัว 

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ตึงเครียด ก็ยังมีเรื่องให้ชื่นใจได้อยู่ เพราะแม้จะเกิดวิกฤติ แต่มนุษย์เราก็ยังเสาะหาวิธีทักทายแบบใหม่ๆ มา say Hi กันเหมือนเดิม

 

China
แตะเท้าแบบ ‘Wuhan Shake’

‘Wuhan Shake’ เป็นการทักทายแบบใหม่ของชาวจีนที่ใช้เท้าแตะกันเบาๆ หลังจากที่มีวิดีโอการทักทายแบบนี้ปล่อยออกไป ก็กลายเป็นไวรัลจนทำให้ Alexander Novak รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซีย และ John Magufuli ประธานาธิบดี Tanzanian ออกมาเชคเท้าออกสื่อกันแล้ว

เดิมทีคนจีนทักทายด้วย ‘ก๋งโส่ว’ หรือการกำมือหนึ่งข้างและใช้อีกมือโอบเอาไว้ พร้อมโค้งคำนับ การทำความเคารพเช่นนี้เป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ในพิธีสำคัญ เช่น การแต่งงาน แม้ว่าการเชคเท้าทักทายกันจะเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศจีน แต่การเขย่าโลกครั้งนี้ก็ไม่อาจสะเทือนรากฐานวัฒนธรรมอันแข็งแรงของจีนได้ 

Chuan-Kang Shih นักมานุษยวิทยาด้านวัฒนธรรมจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา ให้ความเห็นว่า การสวัสดีด้วยเท้านั้นถือกำเนิดขึ้น เพราะผู้คนพยายามจิกกัดและล้อเลียนการ social distancing เท่านั้น จึงไม่น่าจะกลายมาเป็นการทักทายถาวรของพวกเขาได้ แต่อาจได้รับความนิยมในช่วงสั้นๆ อย่างในช่วงนี้ ที่ทำแล้วนอกจากจะได้ทักทายกัน ยังถือเป็นความตลกขบขันท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดอีกด้วย

 

France
พูด Bises! Bisous!

Bises คือการหอมแก้มเพื่อทักทายกันของชาวฝรั่งเศส โดยเฉพาะในหมู่สาวๆ หากเป็นหนุ่มๆ จะใช้วิธีจับมือกันเท่านั้น 

หลังจากที่รัฐบาลประกาศให้ประชาชนเว้นระยะห่างและกักตัวอยู่ที่บ้าน ชาวฝรั่งเศสเกินครึ่งยังคงทักทายกันด้วยการหอมแก้มเช่นเดิม ก่อนที่จะค่อยๆ ลดลงในภายหลัง และเปลี่ยนมาพูดว่า ‘Bises!’ หรือ ‘Bisous!’ เป็นการสวัสดีแทน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการกล่าวทักทายแบบไร้ซึ่งการสัมผัส เพราะเมื่อถึงฤดูที่ไข้หวัดใหญ่มาเยือนผู้คนจะเปลี่ยนจากการหอมแก้มมาพูดคำเหล่านี้แทน วัฒนธรรมการทักทายเช่นนี้ยังแข็งแรงและยากที่จะหาอะไรมาทดแทนได้ แม้ว่าผู้คนจะหอมแก้มกันน้อยลง แต่ในครอบครัวหรือสำหรับเด็กๆ การหอมแก้มฟอดใหญ่ทั้งสองข้าง ยังคงเป็นการทักทายที่อบอุ่นของชาวฝรั่งเศสอยู่เสมอ 

 

Turkey
Eyvallah 

‘Eyvallah’ มาจากภาษาอาหรับที่หมายความว่า ‘เรามอบหัวใจให้กับพระเจ้า’ สำหรับชาวตุรกี พวกเขาจะใช้มือแตะไปที่หัวใจ เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าบุคคลนั้นอยู่ในใจ หมายความว่า เราทั้งรักและเคารพเขาจากหัวใจ การทักทายแบบนี้ถูกนำมาใช้หลังจากที่เกิดโรคระบาด โดยชาวตุรกีได้เฟ้นหาการทักทายแบบใหม่มาแทนแบบเดิม เพื่อเลี่ยงการสัมผัสร่างกายของกันและกัน

วิธีการเคารพแบบตุรกีมีเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาแฝงอยู่เสมอ ผู้น้อยต้องเคารพผู้ใหญ่ คนหนุ่มสาวจะจับมือญาติผู้ใหญ่ จูบที่มือแล้วนำไปแตะบนหน้าผากของตนเพื่อความเป็นสิริมงคล ส่วนในหมู่เพื่อน พวกเขาจะทักทายโดยการหอมแก้มทั้งสองข้าง 

 แม้ ‘Eyvallah’ จะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายแทนการเคารพแบบดั้งเดิม แต่นั่นก็ยังเป็นวิธีอ้างอิงมาจากธรรมเนียมของศาสนาอิสลาม ทำให้การทักทายของชาวตุรกียังคงคุณค่าทางศาสนาเอาไว้ได้ไม่เสื่อมคลาย 

 

New Zealand
พยักหน้าเป็นอันรู้กัน

หนึ่งอาทิตย์ก่อนที่องค์กรอนามัยโลกจะประกาศว่า ‘โควิด-19’ เป็นโรคระบาดระดับโลก ชนเผ่าเมารี ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองของนิวซีแลนด์ ได้ประกาศให้ชาวเมารีทั่วประเทศงดทักทายกันแบบดั้งเดิมทันที 

‘Hongi’ เป็นวิธีการทักทายของชาวเมารี โดยคนสองคนจะเอาหน้าผากและจมูกมาชนกัน แม้จะดูน่ารักและอบอุ่น แต่ในวันที่เกิดโรคระบาดแบบนี้ การที่หน้าของคนสองคนเข้ามาใกล้กันเป็นการส่งต่อไวรัสที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด

หลังจากที่ Jacinda Ardern นายกรัฐมนตรีได้ออกมาประกาศให้พวกเขางดกอด จับมือ และสวัสดีแบบ Hongi ชาวเมารีจึงเปลี่ยนมาส่งสายตา พยักหน้า และเลิกคิ้วเป็นการทักทายแทน

Tanzania
แตะเท้าทักทาย

ชาวทานซาเนียได้สะท้อนระบบอาวุโสและชนชั้นของพวกเขาผ่านการทักทาย เช่น เด็กต้องโค้งคำนับผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่จะเอื้อมมือมาแตะศีรษะของเด็กเป็นการตอบรับ ส่วนในหมู่เพื่อนๆ หรือคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน พวกเขาจะจับมือ กอด และหอมแก้มเป็นการทักทายแบบปกติ 

การมาเยือนของโควิด-19 ได้สั่นสะเทือนระบบอาวุโสในการทักทายของชาวทานซาเนียอยู่ไม่น้อย เพราะหลังจากที่ชาวจีนเอาเท้าแตะกันเพื่อทักทาย หรือที่เรียกว่า ‘Wuhan Shake’ กลายเป็นไวรัล สิ่งนี้ก็เริ่มแพร่หลายท่ามกลางชาวทานซาเนียเช่นกัน

การสวัสดีเช่นนี้กำลังหลอมรวมชนชั้นต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว แต่ยังมีการตั้งคำถามขึ้นว่า เท้าที่มนุษย์เราใช้เดินเหิน เป็นอวัยวะที่เหมาะสมแล้วหรือสำหรับการกล่าวทักทาย และนั่นจะถือเป็นการไม่เคารพอีกฝ่ายหรือไม่

 

United Arab Emirates
ใช้มือสัมผัสที่หัวใจ

การทักทายอันอบอุ่นของชาวอาหรับกลายเป็นสิ่งต้องห้ามเมื่อโควิด-19 ระบาด กระทรวงสาธารณสุขของประเทศได้ออกมาประกาศให้เหล่าประชากรงดทักทายกันแบบเดิม เพราะนั่นเป็นการทำให้ไวรัสแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว 

เดิมทีชาวอาหรับกล่าวสวัสดีกันด้วยภาษากายอันงดงาม พวกเขาจะสวมกอดและนำจมูกมาสัมผัสกัน ไปพร้อมๆ กับการจับมือ ผู้หญิงจะใช้วิธีหอมแก้ม ในขณะที่ผู้ชายจะนำจมูกมาสัมผัสกัน หากเป็นเพศตรงข้ามจะใช้มือสัมผัสบริเวณตำแหน่งของหัวใจ

หลังเกิดโรคระบาดเช่นนี้ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ขั้นตอนการกล่าวทักทายก็ถูกลดทอนให้เหลือเพียงใช้มือสัมผัสหัวใจเท่านั้น

 

Afghanistan
โบกมือขวาจากที่ไกลๆ

เมื่อการทักทายหมายถึงความรักอันแรงกล้าของพระเจ้า ชาวอัฟกานิสถานจึงกล่าวสวัสดีกันด้วยภาษากาย พวกเขากอด จับมือ และหอมแก้มกันเพื่อเป็นการแสดงออกถึงวัฒนธรรมอันอบอุ่น ที่มีรากฐานมาจากความรักเหล่านั้น และยังเป็นการกระทำที่บ่งบอกความเคารพในกันและกัน ในบางจังหวัดอาจมีการหอมแก้มมากถึง 8 ครั้งในการทักทายเพียงครั้งเดียว 

นอกจากนี้ พวกเขามักจะพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อว่า ‘กลิ่นที่ดีนำไปสู่จิตวิญญาณที่ดี’ ดังนั้น การอยู่ห่างกันเกินกว่าที่ฝ่ายตรงข้ามจะได้กลิ่นเราจึงถือเป็นความหยาบคายเล็กน้อย

แม้ความใกล้ชิดจะเป็นมิตรกับความรักที่มีต่อพระเจ้า แต่กลับกลายเป็นภัยในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจึงเปลี่ยนมาใช้มือขวาโบกทักทายใครสักคนจากที่ไกลๆ แทน

 

อ้างอิง