ศิลปะอยู่คู่กับโลกนี้มายาวนานหลายพันปี
แต่หากพูดถึงสมัยที่รุ่งเรืองมากที่สุด
ต้องยกให้ ยุคเรอเนสซองส์ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศอิตาลี
เมื่อบรรดาศิลปินชาวอิตาเลียนพากันปฏิเสธรูปสัญลักษณ์ยุคกอธิค (Gothic) และโรมาเนสก์ (Romanesque) ที่ถูกครอบงำจากคริสตจักรมานานกว่าพันปี พร้อมสร้างสรรค์ศิลปะขึ้นมาใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจจากศิลปะกรีกและโรมันในอดีตที่เคยรุ่งเรือง ซึ่งมีจุดเด่นที่การให้ความสำคัญกับมนุษย์และธรรมชาติ
เพราะเชื่อในพลังของมนุษย์ ยุคเรอเนสซองส์จึงสร้างศิลปินเอกของโลกหลายต่อหลายคน โดยเฉพาะ เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo) ราฟาเอล (Raphael) และ บอตติเชลลี (Botticelli) ที่ได้รับยกย่องให้เป็น 4 บุรุษแห่งยุคเรอเนสซองส์ ที่วันนี้ผลงานของพวกเขากำลังจะกลับมาโลดแล่นอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีแห่งศตวรรษที่ 21ในนิทรรศการที่ชื่อว่า ITALIAN RENAISSANCE ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก ณ กรุงเทพมหานคร
หากวันนี้คุณยังไม่รู้จัก 4 บุรุษแห่งยุคเรอเนสซองส์มากนัก common ขอชวนไปทำความรู้จักพร้อมกัน เพื่ออรรถรสในการชมนิทรรศการ
1. เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci)
หากพูดถึงพระเอกแห่งยุคเรอเนสซองส์ ทุกคนต้องยกตำแหน่งนี้ให้เลโอนาร์โด ศิลปินผู้มีผลงานโด่งดังระดับโลกหลายชิ้น อย่างโมนาลิซา (Mona Lisa) พระกระยาหารมื้อสุดท้าย (The Last Supper) วิทรูเวียนแมน (Vitruvian Man)
แม้หลายคนมองว่าเลโอนาร์โดเต็มไปด้วยพรสวรรค์ แต่แท้จริงแล้วนิสัยใฝ่รู้ ช่างคิด ช่างฝัน และสนใจเรื่องหลากหลายรอบตัวตั้งแต่เด็ก ทั้งศิลปะ ดนตรี วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ พฤกษศาสตร์ วิศวกร ช่วยผลักดันให้เขาเป็นอัจฉริยะ
ที่สำคัญคือ เขาเป็นนักทดลอง และมักจะทำสิ่งธรรมดาด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดาเสมอ ซึ่งสำแดงให้เห็นผ่านผลงานมาสเตอร์พีซของเขาทุกชิ้น
ภาพโมนาลิซา (Mona Lisa)
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 เลโอนาโดวาดภาพสุภาพสตรีที่มีรอยยิ้มอันเป็นปริศนา ซึ่งผู้คนไม่แน่ใจว่าเธอยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้กันแน่
เขาใช้เวลาวาดภาพเล็กๆ ที่มีขนาดความสูงเพียง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร นานเกือบ 15 ปี ซึ่งภาพนี้ถือเป็นการปฏิวัติวงการศิลปะในสมัยนั้น เพราะส่วนใหญ่มักเป็นภาพวาดเต็มตัวแบบแข็งๆ จากมุมด้านข้างเต็มตัว ไม่เป็นธรรมชาติ
แต่เลโอนาโดวาดโมนาลิซาให้เห็นแค่ 3 ส่วน 4 ของร่างกาย ดูมีความผ่อนคลาย และถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการวาดพื้นหลังเป็นวิว แถมยังเป็นทิวทัศน์มุมสูง ซึ่งถือว่าเป็นจินตนาการสุดล้ำในยุคนั้น
ปัจจุบันภาพโมนาลิซาถูกเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ภาพพระแม่มารีเบนัวส์ ( Benois Madonna)
หนึ่งในภาพวาดสีน้ำมันที่เป็นแรงบันดาลใจให้จิตรกรรุ่นน้องหลายคน โดยเฉพาะเรื่ององค์ประกอบศิลป์ที่สวยงาม และสายตาของมนุษย์ที่ทำให้ภาพวาดดูมีความเป็นธรรมชาติ อย่างเช่นในภาพนี้ที่เด็กน้อยมองตามมือของแม่
ผลงานภาพพระแม่มารีเบนัวส์ถูกเปลี่ยนมือมาหลายครั้ง จนปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิทาจ (Hermitage Museum) ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย
2. ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo)
มีเกลันเจโล หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไมเคิลแองเจโล เป็นหนึ่งในจิตรกรสถาปนิก และประติมากรผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของยุคเรอเนสซองส์ พิสูจน์ได้จากผลงานรูปสลักชื่อดังก้องโลกอย่างเดวิดและปีเอตะ โดยได้พื้นฐานศิลปะด้านนี้มาจากวัยเด็กที่เคยอาศัยอยู่กับช่างตัดหินอ่อน และได้ฝึกการใช้สิ่วและค้อนในการแกะสลักจนเชี่ยวชาญ
ส่วนพรสวรรค์ด้านการวาดรูปของไมเคิลแองเจโลพัฒนามาจากการฝึกคัดลอกภาพเขียนตามโบสถ์และการใช้ชีวิตกับจิตรกรมากฝีมือหลายคน เขามักทำงานศิลปะเพื่อรับใช้ศาสนาในโบสถ์มาโดยตลอด ผลงานเหล่านี้เองที่กลายเป็นศิลปะอันโด่งดังที่ถือเป็นมรดกตกทอดให้คนรุ่นหลัง
เมื่อเขาเสียชีวิตในวัย 88 ปี สมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ผู้ปกครองศาสนาจักรในช่วงนั้นถึงขั้นกล่าวว่า “ทรงยินดีบั่นทอนชีวิตของเรา เพื่อแลกกับชีวิตของมิเกลันเจโลให้ยืนยาวออกไปอีก”
รูปปั้นเดวิด (David)
ไมเคิลแองเจโล ลงมือแกะสลักหินอ่อนก้อนมหึมาที่ถูกทิ้งไว้กลางเมืองฟลอเรนซ์เป็นเวลานานกว่ายี่สิบปี ให้กลายเป็นรูปปั้นหนุ่มรูปงามชื่อ ‘เดวิด’ การสร้างงานศิลปะครั้งนี้ถือว่าไม่ง่าย เพราะหินอ่อนชิ้นนี้มีตำหนิและไม่แข็งแรงพอสำหรับสร้างประติมากรรมขนาดใหญ่และไม่มีประติมากรคนไหนทำได้
ไมเคิลแองเจโลใช้เวลาเพียง 4 ปีในการสร้างสรรค์หินอ่อนแกะสลักรูปพระเจ้าเดวิด (King David) ตามตำนานในคำภีร์ไบเบิล โดยเน้นให้เห็นถึงความแข็งแรงและความงดงามของร่างกายมนุษย์ ความเหมือนจริงทุกกระเบียดนิ้วของเดวิด ถือเป็นตัวแทนที่แสดงให้ถึงความรุ่งเรืองทางศิลปะในยุคเรอเนสซองส์
ตอนนี้รูปปั้นเดวิดตั้งตระหง่านให้คนทั่วโลกมาชมที่หอศิลป์อะคาเดเมีย (Galleria dell’Accademia) พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองฟลอเรนซ์ ในประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรวบรวมต้นฉบับของผลงานศิลปะชื่อดังหลายชิ้น
ภาพพระเจ้าสร้างอาดัม (The Creation of Adam)
หนึ่งในภาพวาดของไมเคิลแองเจโลที่คนทั่วโลกรู้จักและคุ้นตามากที่สุดภาพหนึ่ง ถือเป็นจิตรกรรมอันเก่าแก่มากกว่าหนึ่งพันปีที่มีชื่อเสียงที่สุดของยุคเรอเนสซองส์
ศิลปะมาสเตอร์พีซของโลกชิ้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของภาพเขียนบนเพดานโบสถ์น้อยซิสทีน (Sistine Chapel ceiling) ซึ่งอยู่ในพระราชวังวาติกันที่สร้างขึ้นในระหว่างปี 1477-1480 เขาสร้างสรรค์โดยใช้เทคนิคการวาดภาพแบบ ‘เฟรสโก้’ (fresco) หรือการเขียนภาพแบบปูนเปียกบนผนังในยุคนั้น ซึ่งใช้น้ำละลายสีลงไปในปูนที่ยังไม่แห้ง และปล่อยให้สีเริ่มซึมลงไปในผนัง
ไมเคิลแองเจโลได้แรงบันดาลใจในการวาด The Creation of Adam จากพระคัมภีร์ไบเบิลที่เล่าเรื่องมนุษย์คนแรกของโลก โดยผู้ชายฝั่งซ้ายคือ ‘อาดัม’ ชายหนุ่มผู้แข็งแรง มีร่างกายกำยำ แต่กลับมีสีหน้าเศร้าสร้อย จ้องมองไปยังพระเจ้าที่มาในร่างของชายชรา แต่แลดูมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยกำลังวังชา พร้อมโอบกอด ‘อีฟ’ หญิงสาวที่เชื่อกันว่าเป็นผู้หญิงคนแรกของโลก
3. ราฟาเอล (Raphael)
จิตรกรชาวอิตาเลียนชื่อดัง ผู้มีพรสวรรค์ด้านศิลปะอย่างแท้จริงตั้งแต่เด็ก เขามีโอกาสได้แสดงฝีมือวาดภาพและประสบความสำเร็จตั้งแต่สมัยช่วงวัยรุ่น ราฟาเอลอ่อนกว่าเลโอนาร์โดและไมเคิลแองเจโลหลายปี เขาจึงมีโอกาสได้ศึกษางานและมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือให้เทียบชั้นกับศิลปินระดับมาสเตอร์ของโลกทั้งสองคน พร้อมเรียนเขียนภาพกับพ่อของตัวเองที่เป็นจิตรกรราชสำนักของเจ้าเมืองอูร์บีโน ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในวัฒนธรรมสมัยเรอเนสซองส์
ถึงแม้ว่าราฟาเอลมีศิลปินผู้ยิ่งใหญ่เป็นไอดอลในดวงใจ แต่ผลงานของเขามีความโดดเด่นและแตกต่างด้วยเทคนิคอันหลากหลาย ความแม่นยำด้านการวาดสรีระของคน ขณะเดียวกันภาพของเขายังดูมีมิติซับซ้อนและมีชีวิตชีวาด้วยสีสันอันสดใสกว่าภาพวาดในยุคนั้น โดยเฉพาะภาพหญิงสาวที่เขาสื่อความงามออกมาได้อย่างทรงพลัง
ราฟาเอลเป็นศิลปินที่มีอายุสั้น เพียงแค่ 37 ปี แต่เขามีผลงานศิลปะสุดยิ่งใหญ่หลายชิ้น โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนังในนครวาติกัน เช่น ภาพ The School of Athens และ Disputation of the Holy ซึ่งเป็นภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา และเป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้รับการยกย่องชื่นชมมากที่สุดของยุค
ภาพพระแม่มารีสีชมพู (Madonna of the Pinks)
ราฟาเอลบรรจงลงมือวาดช่วงเวลาที่พระแม่มารีกำลังเลี้ยงดูพระเยซูในวัยเด็กภาพนี้ในช่วงปี 1506
ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในภาพที่โด่งดังของราฟาเอล เพราะสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการวาดหญิงสาวได้สวยงาม พร้อมสื่ออารมณ์ความอ่อนโยนออกมาให้ผู้คนสัมผัสได้ นอกจากนี้ เขายังแสดงพรสวรรค์ในการเลือกใช้เฉดสีสันที่ผสมผสานกันแล้วชวนให้รู้สึกถึงความสงบ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่เห็นได้ในทุกผลงานของราฟาเอล
ปัจจุบัน ภาพพระแม่มารีสีชมพู จัดแสดงอยู่ที่หอศิลป์แห่งชาติของกรุงลอนดอน( National Gallery) ประเทศอังกฤษ
ภาพพระแม่มารีและพระบุตรกับนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์ (Madonna and Child with Saint John the Baptist)
ภาพพระแม่มารีและพระบุตรในสวน หรือ พระแม่มารีและพระบุตรและนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์ เป็นจิตรกรรมสีน้ำมันที่ราฟาเอลวาดลงบนไม้ เขาเล่าเรื่องราวของพระแม่มารี พระเยซู และนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์ในวัยเด็ก
หากสังเกตให้ดีจะพบว่า ลักษณะเด่นของภาพนี้อยู่ที่การใช้แสงเงาตัดกัน ทำให้บรรยากาศดูมีความผ่อนคลายและอ่อนโยน นอกจากนี้ ราฟาเอลยังได้อิทธิพลการวาดภาพสวนด้านหลังจากเทคนิคของเลโอนาโด
ภาพนี้ถือเป็นภาพพระแม่มารีที่มีความสำคัญที่สุดในบรรดาจิตรกรยุคเรอเนสซองส์ ตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
4.บอตติเชลลี (Botticelli)
ซานโดร บอตติเชลลี หนึ่งในจิตรกรฝีมือดีของยุคเรอเนสซองซ์ ผู้ถนัดในการการผสมผสานศิลปะสไตล์กอธิค (Gothic) ในช่วงยุคกลาง ความรู้ด้านสรีระวิทยาของมนุษย์และทักษะการวาดภาพเพอร์สเปคทีฟเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่น เห็นได้จากผลงานชิ้นเอกที่คนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี นั่นคือ กำเนิดวีนัส (The Birth of Venus) และฤดูใบไม้ผลิ (Primavera)
บอตติเชลลีรักในศิลปะตั้งแต่เด็ก และมีโอกาสได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ จากจิตรกรชื่อดังหลายคนในยุคนั้น ทั้งการเขียนภาพบนแผ่นไม้ การเขียนภาพปูนเปียก รวมทั้งการจัดองค์ประกอบศิลป์ต่างๆ นอกจากนี้ บอตติเชลลียังได้ชื่อว่าเป็นศิลปินผู้วาดภาพเหมือนบุคคลได้ดีที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น พร้อมสื่ออารมณ์และเรื่องราวออกมาได้สมจริงที่สุด
ในขณะที่บรรดาเพื่อนศิลปินของบอตติเชลลีสนใจความทันสมัย แต่เขากลับสนใจศิลปะยุคเก่าอย่างสมัยกอธิค ซึ่งเคยเฟื่องฟูก่อนยุคของเขาหลายร้อยปี เทคนิคและการเลือกใช้สีของเขาจึงมีความแตกต่างจากงานของจิตรกรคนอื่นๆ ในสมัยนั้น และเขาพัฒนาตัวเองจนได้ชื่อว่าเป็นศิลปินที่สร้างสรรค์ภาพได้อย่างมีพลังที่สุด
ภาพกำเนิดวีนัส (The Birth of Venus)
งานจิตรกรรมที่เป็นมาสเตอร์พีซของบอตติเชลลี เป็นภาพเทพธิดาแห่งความรักหรือวีนัสยืนบนเปลือกหอย ซึ่งในสมัยกรีกโรมันหอยเป็นสัญลักษณ์ของอวัยวะของหญิงสาว กำลังถูกพัดเป่าเข้าสู่ชายฝั่งของเกาะแห่งหนึ่ง โดยพลังของเทพหนุ่มแห่งลมผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความใคร่ บินมาพร้อมพระชายา และมีเทพธิดาแห่งฤดูมารอรับ พร้อมแพรผ้าสีสดใสลายดอกไม้เตรียมห่มคลุมร่างอันเปลือยเปล่าที่งดงาม
รายละเอียดทุกส่วนวาดด้วยลายเส้นอันอ่อนช้อย ลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมยาวสลวยที่ปลิวไสว ผ้าแพรที่โบกสะพัดตามลม คลื่นที่ม้วนตัวกระทบฝั่ง องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ภาพนี้กลายเป็นหนึ่งในผลงานศิลปะที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์
ปัจจุบันภาพกำเนิดวีนัสตั้งแสดงอยู่ที่หอศิลป์อุฟฟิซิ (Galleria degli Uffizi) เมืองฟลอเรนซ์ ในประเทศอิตาลี
ภาพฤดูใบไม้ผลิ (Primavera)
ผลงานชิ้นเอกสุดประณีตและอ่อนหวานที่สุดของบอตติเชลลี เป็นภาพสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิและการเริ่มต้นของศิลปะเรอเนสซองซ์แบบฟลอเรนซ์
ในภาพประกอบด้วยเทพวีนัส (เทพแห่งความงามและความรัก) ยืนอยู่กลางภาพ มีเทพคิวปิดเล็งศรแห่งความรักไปยังไตรเทพี (เทพีแห่งความมีเสน่ห์ ความงาม ธรรมชาติ) ที่กำลังเต้นรำอยู่เป็นกลุ่ม ทางซ้ายมือสุดของภาพเป็นเทพเมอร์คิวรี (เทพผู้สื่อสารและเทพแห่งการค้าขาย) กำลังเอื้อมมือออกไปดูแลปกป้องผลไม้ ในฐานะผู้อารักขาสวน ส่วนด้านขวาของภาพ เทพเซไฟรัส (เทพเจ้าแห่งลม) พยายามไล่จับนางไม้คลอริส (เทพแห่งฤดูใบไม้ผลิ) ซึ่งกำลังเกาะเทพีฟลอรา (เทพีแห่งมวลดอกไม้) ผู้กำลังโปรยดอกไม้
ตั้งแต่สมัยเรอเนสซองซ์จนถึงยุคปัจจุบัน ภาพนี้ได้รับการตีความหมายแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดคือ ฝีมือการวาดภาพที่สวยงามในทุกสัดส่วน การวางองค์ประกอบศิลป์ในสไตล์เรอเนซองส์
และอุดมคติที่มีต่อเทพแต่ละองค์ของผู้คนในยุคสมัยนั้น.
นิทรรศการมัลติมีเดีย ITALIAN RENAISSANCE จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก (World Premier) ที่อาร์ซีบี แกลเลอเรีย (RCB Galleria) ชั้น 2 Contemporary Art Space ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2562
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/RiverCityBangkok/
อ้างอิง:
- Wikipedia.Leonardo_da_Vinci.https://en.wikipedia.org/wiki/Leonardo_da_Vinci
- Wikipedia.Renaissance.https://en.wikipedia.org/wiki/Renaissance
- Wikipedia.Benois_Madonna.https://en.wikipedia.org/wiki/Benois_Madonna
- Wikipedia.Michelangelo.https://en.wikipedia.org/wiki/Michelangelo
- Wikipedia.The Creation of Adam.https://en.wikipedia.org/wiki/The_Creation_of_Adam
- Wikipedia.The Creation of the Sun Moon and Vegetation.http://bit.ly/2K75xmA.
- Wikipedia.Raphael.https://en.wikipedia.org/wiki/Raphael
- Wikipedia.Sandro Botticelli.https://en.wikipedia.org/wiki/Sandro_Botticelli