หลัง โรงหนังลิโด ปิดตัวลงเมื่อ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2561 หลายคนคิดว่าโรงหนังแห่งนี้คงไม่กลับมาแล้ว
แต่ลิโดไม่ใช่สายน้ำ ตำนานจึงหวนกลับมาอีกครั้ง เป็นลิโด้ที่มี ‘ไม้โท’ และเป็นมากกว่าโรงหนัง โดยเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้กับงานศิลปะทุกรูปแบบ
“เราได้มองหาวิธีต่อยอดพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU) ให้นิยาม ‘ประโยชน์สูงสุด’ ในฐานะเจ้าของพื้นที่ว่าต้องเป็นมากกว่ากำไรเชิงธุรกิจ แต่ต้องสร้าง ‘คุณค่า’ บางอย่างให้กับสังคม
เทพอาจ กวินอนันต์ และสุธี แสงเสรีชน สองผู้บริหารลิโด้จึงสร้างลิโด้ขึ้นใหม่ โดยตั้งชื่อว่า ‘ลิโด้ คอนเน็คท์’ เพื่อเป็นพื้นที่ให้กับคนทุกเพศวัย ไม่ว่าสนใจศิลปะแขนงไหน ได้มาปล่อยของ
“อยากให้ศิลปินรุ่นใหม่ๆ ได้มีพื้นที่แสดงศักยภาพของตนเอง” เทพอาจเล่าถึงความตั้งใจที่อยากเห็นลิโด้เป็นพื้นที่ร่วมสมัยอย่างแท้จริง
ไลฟ์เฮาส์ (Live House) ที่แสดงดนตรีสดใจกลางกรุง
แบล็คบ็อกซ์ (BlackBox) พื้นที่เปิดกว้างทางความคิด รองรับกิจกรรมได้ไร้ขีดจำกัด ตั้งแต่การแสดงละครเวที คอนเสิร์ต งานปาร์ตี้ ฯลฯ จนถึงเวทีแข่งขันอีสปอร์ต
และแน่นอน โรงหนัง ที่แม้วันนี้จะเหลือเพียงโรงเดียว แต่ยังคงรักษาคุณค่าที่เน้นฉายหนังดีๆ แม้ไม่อยู่ในกระแส โดยได้ Documentary Club เป็นพันธมิตร เพื่อคัดสรรหนังคุณภาพออกฉาย
นอกจากโรงหนังยังอยู่ กลิ่นอายของวันวานก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างชวนคิดถึง
ฟอนท์ลิโด้ที่คุ้นตา เครื่องแบบพนักงานในสูทสีเหลืองดำ ไฟนีออนสีชมพูหน้าโรงหนัง เก้าอี้ดูหนังตัวเดิม หรือกระทั่งร้านขายหนังแผ่นที่อยู่ชั้นล่างก็ยังอยู่
แม้บางอย่างจะถูกปรับเปลี่ยนจนดูแปลกตาไปบ้าง แต่ก็เป็นการปรับเพื่อสร้างตำนานบทต่อไป
ซึ่งจะเป็นตำนานที่ไม่ว่าคนรุ่นไหน นึกถึงเมื่อไหร่
ก็ยังคงหวานในความทรงจำเสมอ.
ทำความรู้จัก ลิโด้ คอนเนค เพิ่มเติมได้ที่เพจ LIDO CONNECT