©ulture

เมื่อคนรักหนังสารคดีอย่าง หมู – สุภาพ หริมเทพาธิป  และ ธิดา ผลิตผลการพิมพ์ มาพบกัน พวกเขาจึงถือโอกาสเปิด Documentary Club ชมรมคนรักหนังสารคดีที่คอยสรรหาหนังสารคดีเรื่องเยี่ยมจากทุกมุมโลกมาให้คนไทยได้ดู 

หลังจากฉายหนังที่ Wearhouse30 ย่านเจริญกรุงเป็นประจำ Documentary Club ก็ย้ายมาอยู่ในบ้านหลังใหม่ในตึก WOOF PACK ศาลาแดง ซอย ในชื่อ Doc Club & Pub ซึ่งกินพื้นที่ของชั้น เกือบทั้งหมด ทางเข้าเล็กๆ ที่มีบันไดสูงชัน แทบมองไม่ออกเลยว่าเมื่อผ่านแนวผนังอิฐสีส้มขึ้นไปจะมีทั้งบาร์ คาเฟ่ และโรงภาพยนตร์อยู่ข้างบนนั้น  

หมูเล่าให้เราฟังว่าเขาเองก็เคยมาดูหนังที่นี่ สมัยที่นี่ยังเป็น Bangkok Screening Room ซึ่งเพิ่งปิดตัวไปอย่างน่าเสียดาย ในวันนี้เมื่อต้องเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นโรงภาพยนตร์ของตัวเอง เลยหวนนึกถึงการดูหนังในครั้งที่ยังเป็นวัยรุ่น แล้วอยากพาบรรยากาศเหล่านั้นกลับมาอีกครั้ง 

“เวลาไปดูหนังกับเพื่อนตามสถาบันวัฒนธรรมต่างๆ เมื่อดูจบแล้ว เราก็เดินหาร้านนั่งกินแล้วก็คุยกันยาวๆ ถึง 3-4 ทุ่ม เพราะรถเมล์จะหมดประมาณนั้น ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน มันเป็นแบบนี้มานาน พอได้มาทำนิตยสารเกี่ยวกับหนัง เพื่อนกลุ่มนั้นก็กลับมาทำงานด้วยกันอีก ก็ได้ไปดูหนังรอบสื่อด้วยกัน เป็นปกติที่เวลาดูจบแล้วจะกลับมานั่งคุยกันต่อที่ออฟฟิศจนถึงเวลารถเมล์หมด 

“การพูดคุยกันมันเหมือนได้ดูหนังอีกรอบ ช่วยให้เราดูหนังแล้วได้อะไรกลับมามากขึ้น จากที่บางทีเราดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจ บางเรื่องเป็นเรื่องที่เราไม่รู้มาก่อน บางทีบทหนังมันบอกมาแค่นิดเดียว เช่น ตัวละครเป็นทหารฝรั่งเศสแล้วไปอยู่ในไนจีเรีย ในเรื่องมันมีความขัดแย้งเกิดขึ้น ถ้าดูแค่หนังเราอาจไม่เข้าใจว่าฝรั่งเศสกับไนจีเรียมีปมขัดแย้งอะไรกัน” 

ถ้าไม่นับ Documentary Club ที่มักจะมีการเสวนากันเป็นประจำ หมูเล่าว่าพื้นที่สำหรับพูดคุยหลังหนังจบนั้นมีน้อยมาก และเขาเองไม่ค่อยได้เห็นมันมานานราวๆ 24 ปีแล้ว หลังจากที่โรงภาพยนตร์แบบมัลติเพล็กซ์ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งสำหรับหมู การดูหนังในโรงแบบใหม่นั้นให้ความรู้สึกแตกต่างจากการดูแบบตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่นอยู่มาก 

“แนวคิดของโรงหนังแบบมัลติเพล็กซ์คือมาเมื่อไหร่ก็ต้องได้ดู มีจอเยอะแยะ มากพอจะตอบสนองความต้องการของคนได้ ในขณะเดียวกันบรรยากาศการดูหนังแบบเดิมก็จะหายไป ทุกครั้งที่ไปดูหนังในโรงยุคหลังๆ เวลาที่หนังจบแล้ว มันไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนเมื่อก่อน ตอนแรกก็คิดว่าเดี๋ยวออกไปจะนั่งคุยกันเสียหน่อย แต่มันก็ไม่ได้มีช่องว่างตอนต้น ตอนท้ายสำหรับก่อนดูและหลังดูหนังมากพอ อาจเป็นเรื่องของบรรยากาศหรือการออกแบบพื้นที่ด้วย” 

“เลยตั้งใจว่าถ้าเรามีพื้นที่ก็อยากให้คนสบายๆ กับการดูหนัง ถ้ายังไม่อยากรอดูรอบนี้ ก็รอดูรอบต่อไปได้ มานั่งอุ่นเครื่องก่อนได้” 

หมูอยากให้ Doc Club & Pub พาบรรยากาศของการดูหนังที่หายไปกลับมา นั่นทำให้นอกจากโรงหนังแล้ว ยังมีคาเฟ่ในตอนกลางวันและบาร์ในตอนกลางคืนเพื่อเป็นพื้นที่เล็กๆ ให้คนได้มานั่งคุยกันหลังดูหนังจบ 

 

พื้นที่ที่ทำให้เกิดบทสนทนาหลังหนังจบ 

ความทรงจำเกี่ยวกับโรงภาพยนตร์ของเขาถูกส่งต่อไปยังทีมสถาปนิกจาก allzone ซึ่งนำทีมโดย อ้อน – รชพร ชูช่วย ที่เล่าว่าโจทย์สำคัญของการรีโนเวตครั้งนี้คือการปรับพื้นที่ให้เป็นมิตรกับคนมาดูหนังให้มากที่สุด 

“เดิมทีเวลาเดินเข้ามาพื้นที่ตรงนี้ มันจะค่อนข้างเกร็งนิดหน่อย จะมีที่นั่งอยู่ด้านหน้า พอเดินเข้ามาแล้วเห็นคนนั่งอยู่ เราจะไม่รู้ว่าเดินเข้ามาเลยได้ไหม จะนั่งได้ไหม แต่ก่อนเวลาคนมาดูหนัง เขาซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็จะเดินไปนั่งข้างนอก ไม่มีใครเข้ามานั่งข้างใน ถ้าพูดตามเป้าหมายของ documentary club เรารู้สึกว่ามันเฟล เพราะเราอยากให้คนเข้ามานั่งแฮงค์เอาต์กันก่อน” อ้อนเล่า 

หมูเสริมว่าเขาเองไม่ได้ใช้ชีวิตในละแวกนี้ จึงไม่ได้แวะมาบ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่มา อาจเพราะพื้นที่ขนาดกะทัดรัด และเพดานที่ต่ำกว่าปกติ เขามักจะรู้สึกว่าการเคลื่อนตัวไปมาในบริเวณนี้ไม่สะดวกสบายเท่าไหร่นัก จึงอยากปรับให้ดูเป็นมิตร น่านั่งนานๆ ยิ่งขึ้น 

พื้นที่ของ Doc Club & Pub มีส่วนของบาร์ ครัว ห้องโถง ระเบียงเล็กๆ ชั้นหนังสือ และโรงภาพยนตร์ขนาด 50 ที่นั่ง หากมาถึงแล้วมองปราดเดียวจากประตูกระจกด้านหน้าก็สามารถเห็นได้แทบทุกโต๊ะ 

อ้อนเล่าว่าที่นี่ถูกออกแบบมาอย่างดีอยู่แล้ว จึงไม่ได้ปรับเปลี่ยนมากนัก นับว่าถูกใจทั้งคนออกแบบและเจ้าของพื้นที่ เพราะใช้งบน้อย ไม่ต้องทิ้งอะไรไปเพื่อสร้างขยะเพิ่ม แม้แต่โซฟาบิลด์อินบุนวมสีน้ำเงินและโต๊ะลายหินอ่อนก็ยังเป็นตัวเดิม  เพียงแต่เสริมให้สูงขึ้น เหมาะสำหรับนั่งกินข้าวและนั่งทำงาน  

จากเดิมที่นี่เป็นบาร์ที่เปิดแค่ตอนกลางคืน ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นคาเฟ่ตอนกลางวันด้วย ทีมสถาปนิกจึงเพิ่มตะแกรงเหล็กฉีกเข้าไปบังกระจกแทนม่านมูลี่ เพราะตะแกรงจะช่วยกรองแสงในตอนกลางวัน ให้ข้างในยังสว่าง แต่ก็ยังสบายตา ไม่ทึบจนเกินไป มองเห็นวิวข้างนอกได้ แถมยังอเนกประสงค์ ใช้แขวนของจุกจิก แขวนภาพจัดนิทรรศการก็ได้ด้วย 

เพดานปูนเปลือยของเดิมยังดูดิบๆ แต่เพิ่มความเป็นมิตรด้วยสีเขียวอ่อนที่เสาต้นใหญ่ ซึ่งเป็นสีถูกโฉลกของหมูและธิดา ส่วนโซนตู้หนังสือ นอกจากจะเป็นมุมให้คนได้เดินไปยืนปักหลักได้อย่างไม่ขัดเขินแล้ว สีฟ้าอ่อนยังช่วยให้ห้องละมุนขึ้นด้วย และเพื่อให้ห้องสว่างขึ้นกว่านี้ ทีมสถาปนิกจึงเพิ่มเหล็กลอนสีเงินไว้ที่ผนังด้านหนึ่งและเคาน์เตอร์บาร์เพื่อสะท้อนแสงอีกด้วย แม้โครงสร้างจะไม่ได้เปลี่ยนมากนัก แต่อารมณ์ของห้องจากที่เคยเคร่งขรึมกลับสดใสขึ้นมากด้วยสีและวัสดุที่เลือกใช้ 


ดูหนังสบายๆ เหมือนดูกับเพื่อนที่บ้าน

หนังเรื่องแรกที่ฉายประเดิมในบ้านหลังนี้คือ Finding Vivian Maier เมื่อ ตุลาคม รอบ 11.30 น. ซึ่งเรามีโอกาสได้นั่งชมอยู่ที่แถว ซ้ายสุดริมทางเดิน ติดกับเสาต้นใหญ่ 

อ้อนเล่าว่าเดิมทีในโรงภาพยนตร์จะมีเสาสองต้น ซึ่งเป็นเสาโครงสร้างของอาคารเพียง ต้น ส่วนที่เหลือถูกสร้างขึ้นมาให้ห้องดูสมมาตร อ้อนและหมูจึงเห็นตรงกันว่าจะเอาของตกแต่งทั้งหมดออกไป เพื่อให้ห้องโล่งโปร่งสบายมากขึ้น อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนสีเล็กน้อย ให้ดูสว่างขึ้น  

โรงหนังที่นี่มีโต๊ะกลมขนาดกำลังดีไว้สำหรับวางของ ซึ่งเราคงไม่เห็นโต๊ะแบบนี้ในโรงหนังมัลติเพล็กซ์ทั่วไปแน่ๆ เรามารู้ทีหลังว่าเป็นความตั้งใจของหมูที่อยากให้เอาขนมไปนั่งกินได้ นั่งจิบเบียร์ได้ เหมือนนั่งดูหนังที่บ้านกับเพื่อนๆ 

โรงหนังแบบนี้เป็นสิ่งที่เขาอยากเห็นมาตลอด และไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่จากการคร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้มานาน หมูเชื่อว่ายังมีคนมากมายที่ต้องการพื้นที่แบบนี้  

“เราอยากมีพื้นที่ฉายหนังแบบเดิม ตั้งแต่สมัยแรกๆ ที่เราทำงานที่หอภาพยนตร์ มีโรงหนัง 85 ที่นั่ง ไม่มีแอร์ เอาพัดลมสีแดงๆ เป่า ดูเสร็จแล้วก็ออกมา ก่อนหน้านี้ เราก็ทำโรงหนังแบบนั้นในออฟฟิศตัวเอง ดูหนังกันเองบ้าง หรือมีคนมาขอใช้พื้นที่ฉายหนังบ้าง เลยเห็นว่ามีคนต้องการพื้นที่แบบนี้เยอะมาก ที่นั่นมันเป็นแค่ห้องหนึ่งในออฟฟิศ ดูได้แค่ไม่เกิน 30 คน บางทีก็ล้นลงมาข้างนอก แต่ก็ยังมีคนมารอดู เป็นแบบนี้มาตลอด 

“คนที่พูดถึงก็คือคนวัยหนุ่มสาว มันเป็นแบบนี้มาโดยตลอด ไม่ใช่เพิ่งมาเป็น ช่วงเวลาหนึ่งการดูหนังแบบนี้มันหายไป ภาพยนตร์เป็นเครื่องมือทางวัฒนธรรม แต่ประเทศไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ที่ภาพยนตร์ไม่ได้รับการสนับสนุนมากนัก มันอาจทำให้การดูหนังขาดความสดใหม่ และไม่สามารถสร้างกลุ่มคนดูรุ่นใหม่ๆ ได้” หมูทิ้งท้าย 

Doc Club & Pub  

2nd Floor Woof Pack Bldg 1/3-7 (ชั้น อาคาร WOOF PACK 1 Sala Daeng 1 Alley) 

Facebook : Doc Club & Pub. 

โทร.094 895 9628