ว่ากันว่า หากอยากเข้าใจมหานครโตเกียว และอยากเห็นพลังของคนหนุ่มสาว ให้มุ่งหน้าไปที่ชิบูย่า
เพราะย่านนี้ไม่เคยหลับใหล รีบเร่ง วุ่นวาย ในขณะเดียวกันก็ทันสมัย เต็มไปด้วยสีสันมากที่สุดย่านหนึ่งในโตเกียว
“ไทม์สแควร์ แห่งโตเกียว”
“ช็อง เซลิเซ่ แห่งโตเกียว”
“เมืองช้อปปิ้ง แห่งโตเกียว”
ฯลฯ
ฉายาอันหลากหลายที่ผู้คนเรียกขานชิบูย่า น่าจะช่วยให้หลายคนเห็นภาพย่านแห่งนี้ชัดขึ้น แต่ไม่ว่าชิบูย่าจะเป็นอย่างไร common ขออาสาพาคุณมาสัมผัสกับย่านดังแห่งนี้ในมุมที่ต่างจากเดิม ด้วยการพามานั่งจิบกาแฟและชาในคาเฟ่ที่มีกลิ่นอายแบบเรโทร ซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ในความทันสมัยของชิบูย่าอย่างเงียบเชียบ
ทว่ากลับเป็นจุดมุ่งหมายที่สร้างความเซอร์ไพรส์เมื่อได้มาสัมผัส ราวกับเราเป็นตัวละครที่หลงทางเข้ามาอยู่ในฉากคาเฟ่ลึกลับที่แต่งโดยมุราคามิ
Chatei Hatou อยู่ไม่ไกลจากห้าแยกในตำนานของชิบูย่า เดินเท้าประมาณ 5 นาที แต่ถึงแม้จะถูกขนาบข้างด้วยความโฉบเฉี่ยวทันสมัย ก็ไม่ได้ทำให้คาเฟ่ลึกลับหวั่นไหวในจุดยืน
พิสูจน์ได้จากการอยู่มานานถึง 30 ปี และที่ตั้งร้านที่ต่อให้แฝงตัวอยู่ในตึกแถว ไม่มีป้ายชื่อร้านภาษาอังกฤษกำกับ ก็ยังมีผู้คนจากทั้งในและนอกญี่ปุ่นแวะเวียนมาทักทายอย่างไม่ขาดสาย
ทว่าในความสงบเสงี่ยมไม่เปิดเผยตัว เซนส์บางอย่างบอกเราว่า ต้องมีความน่าสนใจอยู่เบื้องหลังประตูไม้สีดำทรงคลาสสิคบานนั้น และเมื่อผลักบานประตูเข้าไป ก็เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกอีกมิติเวลา
บาร์กาแฟขนาดยาว การตกแต่งที่อาจบอกได้ว่าเป็น ‘อารมณ์หว่อง’ ผสมฉากในการ์ตูน ‘จิบลิ’ ทำให้ต้องร้อง “ว้าว!”
แสงไฟสลัวๆ ที่เข้ากันดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลหลายเฉด และของประดับตกแต่งสไตล์วินเทจ ช่วยขับให้ร้านนี้ดูมีบุคลิกขรึมเท่ โดยเฉพาะชั้นไม้ด้านหลังบาริสต้า มีถ้วยกาแฟเซรามิคแบบจีนอยู่เต็มพื้นที่ ตามสไตล์ร้านกาแฟ Kissaten* (คำที่ใช้เรียกร้านกาแฟอิสระสไตล์เรโทรแบบญี่ปุ่น ซึ่งมักมีลักษณะร่วมที่การตกแต่งแบบย้อนอดีต ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดการกินดื่ม โดยไม่แยแสกับกับภาวะรีบเร่งในยุคสมัยใหม่)
เราเดินเข้าไปในร้านด้วยแววตาราวกับคนที่ค้นพบลายแทงขุมสมบัติ มอบยิ้มทักทายให้กับนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่กำลังจับกลุ่มนั่งจิบกาแฟ ส่งสายตาไปหาชายวัยกลางคนหลังบาร์ที่กำลังจดจ่อกับการรินน้ำร้อนทำกาแฟดริปอย่างตั้งใจ (อันที่จริงในฐานะคอกาแฟ เราคุ้นหน้าเขาจากคลิปวิดีโอ GarraStyle – Drip Coffee 1 ที่โชว์เทคนิคการชงกาแฟดริปอันลือลั่น ที่มียอดผู้ชมเรือนแสนในยูทูบ) ระหว่างนั้นพนักงานในเครื่องแบบเสื้อกั๊กทรงยุโรปก็ออกมาต้อนรับ พาเราไปนั่ง พร้อมกับยื่นรายการเมนูมาให้ ซึ่งจะมีแค่เครื่องดื่มและเบเกอรี่โฮมเมดเสิร์ฟเท่านั้น
เมนูยืนพื้นของร้าน คือ “กาแฟดริป” ชงโดยบาริสต้ารุ่นลายคราม ซึ่งจะสวมเครื่องแบบเป็นเชิ้ตผูกเนคไทมาประจำการจับกาน้ำชาด้วยท่าทางคล่องแคล่วอยู่หลังเคาน์เตอร์ จนเป็นภาพที่ชินตาขาประจำ พร้อมโชว์ความเก๋าเกมผ่านการวนน้ำร้อนบนตัวกาแฟแบบไม่ต้องมีการชั่งตวงวัดใดๆ ทั้งสิ้น ใช้เพียงกาต้มน้ำโบราณ และเครื่องบดเมล็ดกาแฟเก่าๆ แต่สามารถทำให้กาแฟทุกแก้วละมุนลิ้นเสียจนต้องซูฮก
เมื่อกาแฟได้ที่แล้ว ก็เสิร์ฟในถ้วยเซรามิคที่บาริสต้าเลือกแล้วเลือกอีกอย่างตั้งใจไม่แพ้ตอนดริปกาแฟ เพื่อให้เข้ากับลูกค้าและกาแฟมากที่สุด
เมนูกาแฟระดับซิกเนเจอร์ที่ต้องลองคือ Hato Original Blend รสชาติออกขม บวกความเปรี้ยวติดปลายลิ้น และมีกลิ่นสมุนไพรแบบโอเรียนทอลเจือจางอยู่ แต่ถ้าใครชอบดื่มกาแฟสายพันธุ์จากฝั่งแอฟริกา ก็มีให้เลือกสรรด้วยเช่นกัน หากมองหาขนมหวานมาตัดความขม แนะนำชิฟฟอนรสส้ม หนึ่งในสุดยอดเมนูของหวานของร้านที่ต้องมาลิ้มลองให้ได้
แม้ว่าจะห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศของอดีต แต่คาเฟ่แบบ Kissaten แห่งนี้ก็เป็นมิตรกับยุคสมัย
เราจึงได้เห็นภาพคนหนุ่มสาวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติหอบหิ้วแล็บท็อปเครื่องจิ๋ว หรือแท็บเล็ต มาหลบมุมจิบกาแฟนั่งทำงาน บางคนก็เดินถือหนังสือเข้ามานั่งอ่านพร้อมกับละเลียดกาแฟเป็นกับแกล้มเหมือนฉากเท่ๆ ในหนัง
ถ้าชิบูย่าทำให้เห็นพลังของหนุ่มสาว Chatei Hatou คือด้านตรงข้ามที่ทำให้เรามองเห็นพลังของความเก๋า ซึ่งป่าวร้องบอกเราว่า ความคลาสสิคของแท้แบบนี้เท่านั้น ที่จะอยู่เหนือกาลเวลา
และมีเสน่ห์จนความทันสมัยทำอะไรไม่ได้.
Chatei Hatou
ที่ตั้ง: เลขที่ 1-15-9 ใกล้กับสถานีรถไฟชิบูย่า
เปิด: ทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น.
แผนที่:
