life

นาฬิกาบอกเวลา 3.00 น.

กลางดึกอันเงียบสงัดแบบนี้ หากมองเข้าไปยังหน้าต่างห้องนอนของผู้คนทั่วทุกมุมโลก ในจำนวนนั้นอาจยังมีใครสักคนที่กำลังซุกตัวในความมืด เผชิญหน้ากับแสงสีฟ้าจากจอมือถือ ตกตะกอนชีวิตและระบายความคิดเป็นข้อความยาวเหยียดลงบนโซเชียลมีเดียอยู่ก็เป็นได้

เมื่อท้องฟ้ามืดลง ความสงบมาเยือน ช่วงเวลานี้ยิ่งทำให้ความคิดของคนเราชัดเจนยิ่งขึ้น นับได้ว่ากลางดึกแบบนี้เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์รู้สึกอ่อนไหวและกล้าพูดความในใจออกมาที่สุด

ร่างกายของเราถูกออกแบบให้ตอบสนองกับแสงอาทิตย์ นั่นทำให้กลางวันและกลางคืนมีผลกับทั้งร่างกายและพฤติกรรมหลายๆ อย่างของคนเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ เรากระฉับกระเฉงตอนกลางวัน และผ่อนคลายตอนกลางคืน 

ตกดึกระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic) ซึ่งทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย (Rest and Digest) จะทำงานเป็นอย่างดี อัตราการเต้นของหัวใจจะชะลอลง รูม่านตาหด พร้อมสำหรับการหลับใหล

ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นช่วงที่อารมณ์อ่อนไหวและความรู้สึกที่ถูกสกัดกั้นเอาไว้ของทั้งวันที่ผ่านมา จะถูกปลดปล่อยออกมา เป็นช่วงที่เราจริงใจกับตัวเองที่สุดและกล้าที่จะพูดความในใจออกกมาได้ง่ายกว่าเดิม

ยิ่งไปกว่าความอ่อนไหว เวลากลางคืนอาจเป็นประตูที่เชื้อเชิญให้ความรู้สึกเศร้าและความคิดฟุ้งซ่านมาเยือนเราอย่างไม่ทันได้รู้ตัว นั่นทำให้เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยน่าพิศมัยเท่าไหร่นักสำหรับผู้ที่กำลังมีเรื่องวิตกกังวลหรือใครก็ตามที่กำลังรับมือกับความเสียใจ

อย่างไรก็ตาม Danielle Forshee ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ ชี้ให้เราเห็นข้อดีของกลางดึกอันอ่อนไหว ว่านี่คือเวลาที่เหมาะจะเริ่มบทสนทนาแบบ deep conversation และเป็นโอกาสที่ใช้สำหรับปรับความเข้าใจ พูดคุยอย่างตรงไปตรงมาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น

 

อ้างอิง