เสียงฆ้องตัวใหญ่กังวานไปทั่วบริเวณ เรียกให้เราตื่นจากภวังค์ ราวกับว่านี่เป็นเสียงของมัคคุเทศก์ที่กำลังกล่าวอำลา และอวยพรให้ผู้มาเยือนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
การเดินทางที่เพิ่งสิ้นสุดไปเมื่อสักครู่ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เพราะเราไม่แม้แต่จะได้ขยับตัวไปไหน แต่มัคคุเทศก์กลับพาเราเดินทางไปไกล ไม่ใช่ในระนาบพื้นดิน แต่เป็นลึกๆ ข้างในจิตใจของเราเอง
ในวันนี้ แจน – นวณัฐ ศรียุกต์สิริ รับบท ‘ผู้นำทาง’ ที่พาเหล่านักเดินทางเข้าไปสำรวจความสงบข้างในตัวเราผ่านเสียงนุ่มนวลจากถ้วยคริสตัลและเครื่องดนตรีชิ้นน้อยใหญ่ในทริปชื่อ ‘ซาวด์บาธ’ (Sound Bath)
‘What is Reiki healing’
เป็นคำที่แจนพิมพ์ลงในช่องค้นหาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เมื่อเธอเริ่มสนใจพลังงานของหินมงคลอย่างจริงจัง หินก็พาเธอมาพบกับผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง เขาแนะนำให้แจนรู้จักกับ ‘เรกิ (Reiki)’ ก่อนจะเข้าสู่โลกของหิน
เมื่อค้นหาคำนี้ในเว็บไซต์ เธอก็พอจะจับใจความคร่าวๆ ได้ว่า ‘เรกิ คือ ศาสตร์ที่บำบัดด้วยการพลังงาน’ นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้ว่าทุกสรรพสิ่งมีพลังงานเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกำไลหินล้อมรอบข้อมือของเธอ เสียงเครื่องดนตรี หรือตัวมนุษย์เองก็ตาม
แจนเรียนเรื่องเรกิอยู่ราวๆ 1 ปี ควบคู่ไปกับเรื่อง spiritual healing ซึ่งเป็นการบำบัดลงลึกไปถึงจิตวิญญาณ ในตอนนั้นเองเธอก็ได้รู้จักกับ ‘ถ้วยคริสตัล’ อันเป็นหนึ่งในอุปกรณ์หลักของการทำ ‘ซาวด์บาธ’ การบำบัดด้วยเสียงและพลังจากหินคริสตัล
“รู้สึกว่าตัวเองทำในสิ่งที่จักรวาลต้องการให้เราทำ”
ความรู้สึกนี้ที่เกิดขึ้นสองครั้ง ครั้งแรก คือตอนเธอได้เรียนเรกิ ครั้งที่สองคือตอนเธอเริ่มทำซาวด์บาธด้วยถ้วยคริสตัล หลังจากลองเล่นเองอยู่ที่บ้าน เธอไปศึกษาอย่างจริงจังที่อังกฤษ
ปัจจุบันแจนเรียกตัวเองว่า ‘ฮีลเลอร์’ หรือผู้ใช้เสียงในการบำบัด เธอพาเดินชมรอบๆ ห้อง ที่เต็มไปด้วยคริสตัลโบวล์หลากสีสัน ก่อนจะเคาะถ้วยคริสตัลทรงกระบอกจนทำให้เกิดเสียงนุ่มๆ กังวานไปทั่วห้อง
แจนเล่าว่าทั้งๆ ที่ดูเหมือนแก้วแต่กลับให้เสียงนุ่มนวลเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะถ้วยเหล่านี้ประกอบด้วยหินควอทซ์ 90 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่า alchemy crystal bowl
ในส่วนที่เหลือของแต่ละถ้วยจะประกอบด้วยวัสดุอื่นๆ 3 แบบแตกต่างกันไป คือ หินที่เป็นคริสตัล เช่น โรสควอตซ์ หินที่มาจากภูเขาที่พลังงานดีๆ เช่น ดินจากภูเขาซาโดน่า และ ผสมโลหะ เช่น เงินหรือทอง
เสียงจากถ้วยคริสตัลบำบัดเราได้อย่างไร
การฮีลด้วยถ้วยคริสตัลจะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย คือ
1.หิน ทุกอย่างก็จะมีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน เช่น โรสควอตซ์จะช่วยเรื่องความรัก ทำให้รักตัวเองและรักคนอื่น แอเมทิสต์จะช่วยเรื่องเปิดจักระ ให้นอนหลับสบาย
2.โน้ต เสียงโน้ตแต่ละตัวส่งผลกับแต่ละจักระของเราแตกต่างกันไป ตัวชาร์ปก็ช่วยดูแลอวัยวะภายใน ฮอร์โมนและต่อมต่างๆ ซึ่งพอทำแล้วมันรู้สึกจริงๆ
3.จุดมุ่งหมาย สมมุติว่าวันนี้เราอยากจะปลดปล่อยเรื่องบางเรื่องออกไป เราก็เลือกใช้ถ้วยที่มันจะตอบสนองกับเรื่องนั้นๆ
แจนไม่ได้ใช้แค่ถ้วย แต่ยังมีเครื่องดนตรีอื่นๆ อย่างฆ้องกับกลองก็จะเป็นเสียงของโลก โลกของเราจะมีการเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดเสียงในแบบของมันเอง พระอาทิตย์ พระจันทร์ ก็เช่นกัน แต่ละอันก็ช่วยฮีลต่างกันไป สมมุติเป็นคลื่นเสียงของพระจันทร์เสี้ยว ก็จะช่วยดูว่าเราไม่ชอบเรื่องอะไรของตัวเอง เราเก็บซ่อนอะไรไว้
เสียงแบบไหนบ้างที่ใช้บำบัด
จริงๆ ไม่มีเสียงแบบไหนที่ใช้บำบัดไม่ได้เลยนะ มีคนศึกษาเรื่องนี้ บอกว่าเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกสบายจะช่วยได้มากกว่า มันขึ้นอยู่กับความถี่ของเสียง เช่น 528 เฮิร์ตซ์ เป็นความถี่ที่จะช่วยฟื้นฟูดีเอ็นเอ 741 เฮิร์ตซ์เกี่ยวกับการตื่นรู้ การหยั่งรู้ เสียงเรานี่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการใช้ฮีลตัวเองเลยนะ
ถ้าจะใช้เสียงตัวเองฮีลตัวเองต้องทำอย่างไร
ก็ร้องเพลงธรรมดาเลย พอร้องปุ๊บเราจะสั่นหมดทั้งตัว เกิดไวเบรชั่นขึ้น อย่าไปร้องเพลงร็อก หรือเพลงที่ฟังแล้วปวดหัว ก็ร้องเพลงธรรมดาที่มีจังหวะสนุกๆ เพลงที่มีเนื้อร้องดีๆ เพราะคำที่เราใช้ก็สำคัญกับอารมณ์และไวเบรชั่นของตัวเราด้วย
คนญี่ปุ่น ดร.มาซารุ อิโมโตะ เขาศึกษาเรื่องนี้ โดยการเอาน้ำสองแก้วมาวางไว้ แก้วแรกเขาเขียนคำว่า angry อีกแก้วเขียนคำว่า happy แล้วเอาไปฟรีซ ปรากฏว่าแก้วที่มีคำว่า happy โมเลกุลของน้ำจัดเรียงตัวสวยมาก ส่วนอีกอันคือน่าเกลียดไปเลย
คำพูดมันสั่นสะเทือนเราได้เหมือนกัน เวลาเราโกรธแล้วพูดคำว่าเกลียดออกมา มันจะมีความรู้สึกเกลียดขึ้นมาด้วย แล้วมีไวเบรชั่นนั้นขึ้นมาทุกครั้งที่พูดคำว่าเกลียด คนที่ชอบไปสวดมนต์ที่ศาลเจ้า เขาถึงรู้สึกว่ามันดีมากเลย เพราะไปสวดแล้วได้พลังงานดีๆ ถ้าเราพูดว่าคำว่ามีความสุขมันก็ทำให้เรามีความสุข นั่นเป็นเพราะคำทุกคำ เพลงทุกเพลงมันมีไวเบรชั่นของมันหมด
ในเมืองมีเสียงโหวกเหวกเต็มไปหมด คุณจะพาตัวเองไปอยู่ในเสียงที่ดีได้อย่างไร
อันนี้คนพูดกันเยอะว่าคนที่เป็นฮีลเลอร์ชอบไปอยู่ในธรรมชาติ แจนคิดว่าก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่สำหรับแจนแล้ว งานมันอยู่ในกรุงเทพฯ ยังมีหลายคนที่นี่ต้องการจะทำซาวด์บาธ แจนคิดว่าฟังเพลงเยอะๆ ก็ดีนะ พวกเพลงที่ทำให้เรารู้สึกดี แต่ถ้าเราทำไวเบรชันของตัวเองให้สูงได้ตลอดเวลา อย่างทำให้ตัวเองมีความสุขได้ มันก็จะไม่มีอะไรมาแตะต้องเราได้ เพราะว่าเราอยู่คนละไวเบรชั่นกับเสียงเหล่านั้น แจนเชื่อว่าคนเรามักจะไม่สบายเวลาที่พลังงานในร่างกายตก พยายามทำให้เอเนอร์จี้เราอยู่สูงๆ
อะไรทำให้ชอบเล่นถ้วยคริสตัลที่สุดในบรรดาทุกเครื่องดนตรี
พอหินมันกลายเป็นถ้วยและมีเสียง ใครๆ ก็เข้าใจได้ได้ง่าย มานอนฟังแล้วรู้สึกว่าผ่อนคลาย หายเครียด หายปวดง่ายขึ้น แจนเลยรู้สึกว่านี่เป็นวิธีที่ใช่สำหรับเรา พอเริ่มเล่นโบวล์ แจนว่ามันสอนอะไรหลายอย่าง แจนเข้าใจการทำฮีลลิ่ง ทำเรกิ และเข้าใจตัวเองมากขึ้น แจนว่าทุกอย่างมีแมสเสจเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าวัด ทำสมาธิ จะทำอะไรก็ได้ ให้เราไปถึงจุดที่เราอยากให้ถึง
จุดที่แต่ละคนอยากไปถึงคืออะไร เป็นจุดเดียวกันไหม
ไม่เหมือนกันเลย ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกของตัวเองได้ขนาดนั้น การทำซาวด์บาธก็ช่วยในการนอนหลับ คลายเครียด ถ้าเป็นคนที่ออกกำลังกายเยอะๆ เจ็บตัวมา ก็ช่วยให้หายเร็ว ไม่ได้ช่วยให้หายทันทีแต่จะช่วยให้ร่างกายของเราฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น เมื่อเกิดอาการบาดเจ็บ ตัวเรามันก็แกว่งผิดจังหวะ เหมือนวางโดมิโน่แล้วผิดที่ผิดทางไปหมดเลย เสียงพวกนี้มันมาช่วยจัดเรียงระบบในร่างกายของเราใหม่ ที่เมืองนอก นักฟุตบอลจะชอบไปทำซาวด์บาธ เพราะช่วยให้ตัวเขาฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น
ต้องฝึกไหมกว่าจะไปถึงจุดนั้น
คล้ายกับโยคะที่เล่นไปเรื่อยๆ อยู่ที่ว่าตัวเราอยู่ตรงไหนแล้ว และความชอบก็หลายอย่าง บางคนชอบเล่นแค่ถ้วยอย่างเดียว บางคนเล่นฆ้องอย่างเดียว แต่สำหรับเซสชั่นของแจน แจนต้องการพาไปคนเดินทางออกไป ให้รู้สึกเหมือนว่ากำลังเดินทางไปไหนก็ไม่รู้
พวกฮีลลิ่งที่แจนทำมันเกี่ยวกับตัวเรา ความรู้สึกเราทั้งหมด เราแก้ทุกปัญหาได้ที่ตัวเอง คนอาจไม่ค่อยเข้าใจว่าการทำเรกิหรือซาวด์บาธ มันต้องทำไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่ามาครั้งเดียวแล้วจะหาย ทุกคนมักจะมีปัญหาถึงมา ถ้าไม่มีปัญหาก็ไม่มา มันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น
แจนเคยทำสิ่งนี้ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีเรื่องตอนเด็กๆ ผุดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เราเคยเสียใจ เรื่องที่เราโกรธ อยู่ดีๆ ก็จำขึ้นมาได้ เหมือนกับตอนนั่งสมาธิ ประมาณนั้นเลย แต่แทนที่จะนั่งสมาธิหลายๆ วัน ก็ให้เสียงช่วยเรา
แล้วซาวด์บาธช่วยเยียวยาอะไรกับความรู้สึกเหล่านั้น
มันไม่ได้ช่วยเราโดยตรง แต่ช่วยนำทางมากกว่า จริงๆ มันไม่มีใครช่วยเราได้ แจนเองก็ไม่ได้ช่วยใครได้ แจนเป็นแค่คนนำทางให้ไปถึงจุดที่แต่ละคนอยากไปเท่านั้น สมมุติถ้ามีคนมาทำซาวด์บาธ แล้วอยู่ดีๆ เขาร้องไห้ขึ้นมา แจนต้องบอกให้เขานึกดูดีๆ ว่าความรู้สึกนั้นมาจากไหน แจนจะนำทางเขาเข้าไปดูว่าทำไมเรื่องนี้มันถึงยังส่งผลกับตัวเขาอยู่จนตอนนี้
เสียงและความสงบจะช่วยชี้ทางโดยการนำความรู้สึกที่ยังติดค้างอยู่เหล่านั้นกลับขึ้นมา เช่น คนที่โดนรังแก โดนทำร้ายร่างกาย หรือโดนทำร้ายทางวาจาก็เหมือนกัน ทุกอย่างอยู่ในใจเราหมด แต่บางคนจำไม่ได้นะ เพราะสมองคนเราฉลาด มันบล็อกหมด
หากเปลี่ยนบทบาทให้คุณเป็นคนถูกบำบัด คุณเคยได้รับการเยียวยาเรื่องไหนบ้างจากการทำซาวด์บาธ
เมื่อก่อนแจนทำขนม มีอีกคนที่เขาทำขนมเหมือนกัน แจนรู้สึกว่าเขาจะขายตัวเองหรือขายขนม เพราะในอินสตาแกรมก็ลงแต่รูปตัวเองตลอด เขาไม่ได้ผิด แต่เราดันไปรู้สึกแบบนั้น เพราะคงอิจฉาแต่ว่าไม่รู้ตัวว่าอิจฉา ตอนนั้นเราไม่เคยรู้จักตัวเอง พอเรามาทำฮีลลิ่ง เรื่องนี้มันผุดขึ้นมา เลยได้ดูว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
คนทุกคนเป็นรีเฟลกชันของกันและกัน เราอิจฉาเขา มันเป็น shadow side ที่เราไม่อยากให้คนอื่นรู้ เพราะมันไม่ดี แต่ถ้าเรายอมรับว่าเรารู้สึกแล้วมาดูว่าเพราะอะไร เราจะแก้ตรงจุดนี้ได้ ส่วนมากจะเป็นความรู้สึกไม่ดี เพราะความรู้สึกไม่ดี มันทำให้เราต้องกลับมาดูตัวเองว่าทำไมเราต้องเป็นแบบนี้
ซาวด์บาธช่วยให้แจนเปิดรับความรู้สึกนั้นๆ บางคนอาจจะเชื่อเรื่องอดีตชาติ นอนฟังเสียงแล้วเห็นอดีตชาติ สิ่งที่เราไม่ได้ปล่อยวางในชาติมันจะกลายมาเป็นแพตเทิร์นใหม่ของเราในชีวิตนี้ จนวันไหนที่เราเข้าใจ เราถึงจะปล่อยวางมันไปได้
อดีตชาติกับการบำบัดดูคล้ายจะเป็นความเชื่อ คุณคิดอย่างไร
ถ้าพูดกับคนไทยมันกลายเป็นคำว่าไสยศาสตร์ แต่คำว่าไสยศาสตร์มันผูกติดกับเรื่องไม่ดี เราไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะทุกอย่างเกี่ยวกับพลังงานทั้งหมด อยู่ที่ว่าจะเป็นพลังงานดี หรือพลังงานไม่ดีเท่านั้นเอง คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของไสยศาสตร์ เพราะอันนั้นก็อยู่ที่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ
คุณเรียนรู้อะไรมาบ้างหลังจากที่เป็นคนถูกบำบัดและเป็นผู้บำบัด
เรียนรู้ทุกอย่างในโลก และเรียนรู้ตัวเองไปด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดของการฮีลลิ่งคือการกลับมาดูตัวเอง ความจริงแล้วคำตอบอยู่กับเรามาเสมอ การมาทำฮีลลิ่งคือเรารู้อยู่แล้วว่าข้างในเราไม่มีความสุข แต่เราอาจทำเป็นไม่รู้เรื่อง อย่างเรื่องแฟน บางคนถามแจนว่าเลิกดีไหม แจนเป็นฮีลเลอร์ แจนบอกไม่ได้ว่าเลิกหรือไม่เลิก เรารู้ว่าคนที่มาถามก็รู้อยู่ในใจแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มาถาม ตัวเรามักจะรู้คำตอบแต่แรก อยู่ที่ว่าจะยอมรับคำตอบตัวเองได้เมื่อไหร่ การทำฮีลลิ่งเหมือนมาช่วยยอมรับในการเป็นตัวของตัวเองมากกว่า
กว่าจะเข้าถึงจุดที่ตัดสินใจได้ ยอมรับได้ เป็นเรื่องยากและใช้เวลาฝึกนานไหม
ทุกคนทำได้หมดนะ แต่ว่าทุกคนอาจยังไม่เชื่อใจตัวเองเท่านั้น พอฝึกไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มเชื่อใจตัวเองมากขึ้น
การฝึกที่ยากที่สุดอาจจะหมายถึงการฝึกเพื่อเชื่อใจตัวเอง
ใช่ค่ะ ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองหมดเลย มีคำพูดหนึ่งที่เขาบอกเราว่า “Universe is inside you” พอเราเข้าใจเรื่องพลังงาน มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ อย่างที่สองคือ “We’re all one” เราเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ก่อนเคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว เพราะทุกคนเข้ามาในชีวิตเราเพื่อสอนอะไรสักอย่าง และหลังจากนั้นทุกคนก็ทำให้ตัวเองกลายเป็นตัวเองเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด พอเริ่มทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะรู้สึกเลยว่าทุกอย่างเชื่อมโยงกันไปหมด
ถ้าอยากทำซาวด์บาธมีข้อจำกัดอะไรเป็นพิเศษบ้าง
ไม่มีค่ะ แต่อยากให้เลือกคนที่ไปทำด้วย อย่างแจนทำฮีลลิ่งมานาน แจนมีวิธีที่จะปกป้องคนที่กำลังทำอยู่ สมมุติว่ามีคนหนึ่งกำลังนอนทำอยู่ แล้วมีอีกคนเข้ามาทำด้วย บังเอิญเขามีพลังงานที่ไม่ดี แจนจะช่วยให้พลังงานนั้นไม่ไปตกอยู่กับอีกคนหนึ่ง บางทีอยู่ดีๆ มีคนร้องไห้ขึ้นมา แจนจะสามารถถามเขาได้ว่ากำลังรู้สึกอะไร แล้วจะช่วยไกด์เขาในการฮีลตัวเอง
ถ้าเกิดเราไปทำซาวด์บาธกับคนที่ไม่เคยทำอะไรพวกนี้มาก่อนเลย มันจะอันตรายกับอารมณ์ของเรา บางคนไม่ได้คิดว่ามาถึงแล้วจะร้องไห้ ส่วนใหญ่ก็มานอนให้ผ่อนคลาย แต่ว่าอยู่ดีๆ เสียงมันดึงอารมณ์เศร้าขึ้นมา เรื่องการรับมือกับอาการเหล่านี้ก็เลยสำคัญ
ตอนแจนไปเล่นที่ Wonderfruit มีผู้หญิงคนหนึ่งมาทำ แล้วสั่นเหมือนผีเข้า แต่จริงๆ ไม่ได้ผีเข้า เพราะเหมือนผีจะออก ถ้าเราไปทำกับใครที่เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร มันก็ไม่ค่อยดี
ในบทบาทผู้บำบัด คุณอยากให้คนที่มาทำได้อะไรกลับไป
แจนอยากให้เราทุกคนให้อภัยตัวเอง ยกโทษให้ตัวเองในหลายๆ เรื่อง เพราะส่วนมากเราจะติดอยู่กับความโกรธและไม่ยอมให้อภัยทั้งตัวเองและคนอื่น สิ่งนั้นมันทำให้เป็นปมและเกิดความกลัว
แต่จริงๆ แค่มาทำซาวด์บาธแล้วรู้สึกดี แจนก็ดีใจแล้ว
ใครอยากลองสัมผัสการทำซาวด์บาธกับแจนสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.jaanhealing.com