นอกจากจะเป็นทั้งนักแสดง พิธีกร และนักเขียนแล้ว ‘ทอม – จักกฤต โยมพยอม’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ครูทอมคำไทย’ ยังเป็นนักศึกษาปริญญาโทที่กำลังใกล้จะเรียนจบอีกด้วย
โควิด-19 ทำให้เขาต้องเรียนออนไลน์ เมื่อโหยหายห้องสมุดและบรรยากาศของการเรียนหนังสือเต็มทน ประจวบเหมาะกับที่ได้ยินข่าวว่าอเมริกายินดีฉีดวัคซีนให้คนต่างชาติฟรี ทอมจึงตัดสินใจแพ็คกระเป๋า บินไปอเมริกาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อหวังว่าจะได้ทำธีสิสในเมืองที่ห้อมด้วยบรรยากาศเป็นมิตรและได้ฉีดวัคซีนคุณภาพดีอย่างที่ตั้งใจไว้ด้วย
ทำไมถึงตัดสินใจบินไปฉีดวัคซีนที่อเมริกา
มี 2 สาเหตุ ตอนนี้ผมกำลังเรียนปริญญาโทที่ไทยอยู่ เพราะอยากพาตัวเองไปอยู่ในบรรยากาศของการศึกษา แต่ช่วงโควิดมันไปมหาวิทยาลัยไม่ได้ ห้องสมุดก็ปิด ตอนนี้เป็นช่วงที่ทำธีสีส เราไม่ได้พาตัวเองไปอยู่ในการศึกษาแบบที่เราอยากได้ เลยคิดว่าไปที่ไหนก็ได้ที่มีห้องสมุด ให้อ่านหนังสือได้มากมาย
เราเห็นว่าอเมริกาเขาฉีดวัคซีนให้ทุกคนอยู่แล้ว เราเลยตัดสินใจมาที่นี่เพื่อทำธีสีสด้วย และเพื่อฉีดวัคซีนด้วย ที่อยากมาฉีดวัคซีนที่นี่ เพราะเราไม่มั่นใจในคุณภาพของวัคซีนที่มีที่ไทย เห็นข่าวเยอะมากว่าฉีดแล้วมีอาการข้างเคียง เท่าที่เราหาข้อมูลมา ประสิทธิภาพของวัคซีนที่ไทยมันแตกต่างกับของที่นี่อย่างเห็นได้ชัดก็เลยตัดสินใจมา เพราะที่นี่มีวัคซีนที่เรามั่นใจ เรารู้อยู่แล้วว่าการฉีดวัคซีนทุกชนิดมันมีความเสี่ยง แต่เราขอเลือกเสี่ยงกับวัคซีนที่เรามั่นใจดีกว่า
การฉีดวัคซีนที่อเมริกาเป็นอย่างไรบ้าง
แต่ละจุดจะมีวัคซีนให้เลือกแตกต่างกัน บางจุดมีครบทั้ง 3 ยี่ห้อ ทั้งไฟเซอร์ (Pfizer) โมเดอร์นา (Moderna) และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson) เราสามารถแจ้งก่อนได้ว่าอยากฉีดวัคซีนตัวไหน บางจุดจะมีวัคซีนตัวเดียว ถ้าไปฉีดจุดนั้นเราก็เลือกไม่ได้ แต่ทั้งนี้ หลายๆ รัฐจะมีข้อมูลแจ้งไว้อยู่แล้วว่าจุดไหนมียี่ห้ออะไรบ้าง ถ้าเราตั้งธงในใจไว้แล้วว่าอยากฉีดไฟเซอร์ ก็เข้าไปดูเลยว่าที่ไหนมีไฟเซอร์บ้าง แล้วเราก็ไปที่นั่น หมายความว่าเราก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเลือกอยู่ดี
บางสัปดาห์เขาจะไปตั้งจุดฉีดวัคซีนตามแหล่งท่องเที่ยว ตามสถานีรถไฟที่คนเยอะๆ สำหรับใครที่ไม่สะดวกไปฉีดตามเวลาจอง ก็มีมาให้ฉีดถึงที่เลย กรณีนี้เขาจะฉีดจอห์นสันแอนด์จอห์นสันให้เพราะมันฉีดแค่โดสเดียว เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนฉีดวัคซีนได้มากที่สุด
ช่วงนี้อเมริการ่วมมือกับอูเบอร์ (Uber) และ ลิฟต์ (Lyft) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันรับส่งผู้โดยสาร เขามีบริการรับส่งคนที่จะไปฉีดวัคซีนฟรี พอกดเข้าแอปฯ เขาจะให้เราพิมพ์รหัสไปรษณีย์ของย่านที่เราอาศัยอยู่ แล้วระบบจะแสดงขึ้นมาเลยว่าในย่านที่เราอยู่นั้น มีที่ไหนสามารถให้เราไปฉีดวัคซีนได้บ้าง และยังบอกอีกว่าจุดที่เราเลือกมีวัคซีนยี่ห้ออะไรบ้าง แล้วเราก็เลือกได้เลย
ผมฉีดไฟเซอร์ เพราะเห็นตามข่าวว่าไฟเซอร์มีประสิทธิภาพสูงสุด และใช้เวลารอระหว่างสองโดสแค่ 3 สัปดาห์ น้อยกว่าตัวอื่นๆ โมเดอร์นาใช้เวลา 4 สัปดาห์ ส่วนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันฉีดแค่โดสเดียวพอ
ก่อนเดินทางต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าผมมีวีซ่าอเมริกาอยู่แล้ว ก็เตรียมตัวเหมือนไปเที่ยวปกติเลย สิ่งที่ต่างกันคือเราต้องมีหลักฐานการตรวจโควิด-19 เป็นลบ 3 วันก่อนบินเท่านั้น ที่เหลือก็เหมือนมาเที่ยวทุกอย่าง ในเว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกาเองเขาก็บอกว่าเราต้องมีเอกสารการตรวจโควิด-19 แต่จริงๆ เราได้ใช้แค่ตอนจะขึ้นเครื่อง พอมาถึงอเมริกาแล้วเขาไม่ดูเลย โชว์แค่พาสปอร์ตกับวีซ่า ทักทายนิดหน่อย ถามเหมือนปกติตอนมาเที่ยวเลยว่ามาอยู่กี่วัน เอาเงินมากี่บาท แค่นั้น
ระบบจองวัคซีนของที่นั่นเป็นอย่างไร
ย้อนกลับไปเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา ตอนนั้นแต่ละรัฐยังฉีดให้คนในประเทศของเขาได้ไม่เยอะเท่าตอนนี้ แต่ละจุดจึงมีข้อจำกัดอยู่ประมาณหนึ่ง เช่น ที่นิวยอร์ก เขาฉีดให้กับคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นเท่านั้น คือต้องเป็นคนที่มาเรียน มาทำงาน หรือเป็นคนที่อยู่ที่นี่เท่านั้น แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ในแต่ละจุดด้วยว่าจะเข้มงวดเรื่องข้อมูลเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน บางคนก็ยังเข้มงวดอยู่ ตอนนั้นผมเองมองว่าถ้าวอล์คอินเข้าไปแล้วเขาไม่ฉีดให้ มันก็น่ากังวลเหมือนกัน เลยต้องจองก่อนเพื่อความชัวร์ อย่างน้อยก็มีกำหนดวันและเวลาเป๊ะๆ
ผมเข้าไปจองที่วอลมาร์ท (Walmart) ที่นี่เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีแผนกยาอยู่ เราเข้าเว็บไซต์ได้จากที่ไทย มันขึ้นมาเลยว่าเราสามารถจองฉีดวัคซีนได้ อันดับแรกต้องล็อกอินเข้าแอคเคานต์ ซึ่งผมเองเคยไปเวิร์คแอนด์ทราเวลเมื่อสิบกว่าปีก่อน และไปวอลมาร์ทเป็นประจำ แอคเคาท์ที่มีตั้งแต่ตอนนั้นยังเข้าได้อยู่ สำหรับคนที่ไม่มีก็สามารถสมัครแอคเคานต์ใหม่แล้วเข้าไปจองได้เหมือนกัน มันคล้ายๆ ตอนจองกับอูเบอร์ คือให้เราเลือกว่าอยู่เขตไหน วอลมาร์ทที่ใกล้ที่สุดคือที่ไหน เราก็เลือกไปที่นั่น อยากได้วัคซีนอะไรก็เลือกได้เลย
ผ่านไป 3 เดือนกว่า หลายๆ รัฐก็เปิดกว้างมากขึ้น บางรัฐก็เข้มงวดน้อยลง ก่อนหน้านั้นจะมีกฎว่าฉีดเข็มแรกจุดไหน ก็ต้องกลับไปฉีดเข็มที่สองที่จุดนั้น แต่ตอนนี้ หลายๆ รัฐ ประกาศแล้วว่าไม่จำเป็นต้องฉีดที่เดียวกัน เช่น คนที่ตั้งใจมาเที่ยว ฉีดเข็มแรกที่นิวยอร์กแล้วอยากจะโร้ดทริปเลาะไปทางฝั่งตะวันตก ไปฉีดเข็มสองที่ซานฟรานซิสโกก็ได้
ขั้นตอนการฉีดเป็นอย่างไร
ผมจองก่อนบินมาอเมริกาประมาณ 3 วัน พอมาถึงก็ไปฉีดเลย เข้าไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ เขาจะถามชื่อกับนามสกุล ยื่นพาสปอร์ตให้เขาดู แล้วคัดกรองเบื้องต้นว่ามีอาการป่วยไข้ไม่สบายไหม เป็นโควิด-19 หรือเปล่า นั่งรอสักพักแล้วก็ได้เข้าไปฉีด
ผมไม่แน่ใจว่าก่อนฉีดเขาห้ามกินยาอะไรไหม แต่ในคำถามคัดกรองเขาถามว่าเรากินยาอะไรบ้าง ช่วงก่อนหน้านี้มีอาการไม่สบาย ท้องเสีย หรือปวดหัวตัวร้อนไหม ซึ่งของผมไม่มีก็เลยไม่รู้ว่าแล้วเราตอบว่ามีแล้วจะต้องทำอะไรต่อ
คุณหมอใช้เวลาประมณ 1 นาที หลังจากฉีดแล้วภายใน 15 นาที ถ้าไม่เกิดอาการแพ้ก็กลับบ้านได้เลย หลังจากฉีดเสร็จโดสแรก ผ่านไป 6 ชั่วโมงก็มีอาการปวดบริเวณที่ฉีดประมาณหนึ่งวัน แต่ก็ไม่ได้เยอะมากเพราะเพื่อนแนะนำให้กินยาแก้ปวด ไม่ได้ลำบากต่อการใช้ชีวิต ส่วนเข็มที่ 2 ฉีดเมื่อวาน ผมรู้สึกว่าปกติดีทุกอย่าง ฉีดเสร็จตอนเที่ยงก็ไปกิน ไปดื่ม ไปดูหนังเลย
ทำไมอเมริกาถึงใจกว้างให้คนต่างชาติไปฉีดวัคซีนได้ฟรีๆ
อย่างแรกคือที่อเมริกามีจำนวนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วเยอะมากในระดับหนึ่ง เขาเชื่อมั่นว่าจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ อย่างที่สองคือเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของรัฐบาล หลายๆ ประเทศอยู่ได้ด้วยรายได้จากนักท่องเที่ยว ถ้าไม่มีนักท่องเที่ยวก็ไม่มีรายได้ ประเทศก็เดินต่อไม่ได้ พอไม่มีงบมาหมุนเวียนผู้คนในประเทศก็ยิ่งยากจนข้นแค้นข้าไปอีก
การที่สหรัฐอเมริการับนักท่องเที่ยวเข้ามา มันคือสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจของผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายย่อยฟื้นฟูได้เร็ว คนอเมริกาเองก็ออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็มีคนออกมาเที่ยว มีคนมาดูหนังฟังเพลง มีคนมาเดินห้าง มีคนไปสวนสาธารณะ ซึ่งทำให้บรรยากาศของประเทศฟื้นฟูได้ไว หลายๆ คนที่นี่มองไปถึงขั้นว่าตอนนี้เป็นยุคหลังโควิด-19 แล้ว
คิดว่านี่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาเปิดประเทศได้เร็วซึ่งเราก็ต้องเข้าใจว่าเขาทำได้เพราะเขาพร้อม เขามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในจำนวนที่เพียงพอสำหรับคนในประเทศและเพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาจับจ่ายใช้สอยในประเทศของเขาด้วย
อเมริกาจูงใจคนในประเทศให้ไปฉีดวัคซีนอย่างไรบ้าง
หลายคนไม่เชื่อมั่นในวัคซีน เขาบอกว่ามันคือการฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย รัฐบาลเลยพยายามนำเสนอคอนเทนท์ว่าฉีดวัคซีนแล้วดีอย่างไร เขาอธิบายอย่างเป็นรูปธรรม อย่างสปีชของโจ ไบเดน (Joe Biden) ก็พูดว่าทุกโดสที่ฉีดคือ “dose of hope” และอธิบายว่า hope นั้นคืออะไรบ้าง เช่น ทำให้พ่อแม่พี่น้องสามารถเจอหน้าค่าตากัน กินข้าวด้วยกัน กอดกันได้ ผมมองว่ามันเป็นข้อมูลขนาดย่อยที่ทำให้คนเห็นภาพมากขึ้นว่าฉีดแล้วเขาจะได้อะไรบ้าง
ที่นี่มีแคมเปญจูงใจคนให้มาฉีดด้วย เช่น ฉีดแล้วจะได้บัตรรถไฟฟ้าฟรี 7 วัน ฉีดแล้วจะมีขนมให้ บางรัฐฉีดปั๊บรับเบียร์ บางรัฐฉีดแล้วเด็กนักเรียนได้ลุ้นทุนการศึกษา ผมมองว่าที่เขาทำแบบนี้ได้เพราะวัคซีนของเขามีประสิทธิภาพทั้งสามตัว นำเสนอได้ว่าฉีดแล้วดี ในขณะที่ประเทศไทยมันยากที่จะนำเสนอแบบเดียวกัน
ทุกคนควรจะมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่เรามั่นใจ เราต้องเรียกร้องกันต่อไป แม้คนไทยหลายคนจะได้เดินทางมาฉีดวัคซีนที่อเมริกา แต่ตอนนี้เราทุกคนสามารถจะเรียกร้องพร้อมกับคนที่ไม่ได้มาได้
อยากเห็นอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นสิ่งแรก
หาวัคซีนมาให้เพียงพอกับจำนวนที่ประชาชนต้องการ ตอนนี้ปัญหาของไทยไม่ได้อยู่ที่คนไม่อยากฉีดวัคซีน แต่อยู่ที่คนยังไม่มั่นใจในประสิทธิภาพของวัคซีนที่มี ดังนั้นรัฐจึงต้องพยายามแก้ปัญหาตรงนี้ก่อน คือต้องทำให้คนมั่นใจในประสิทธิภาพของวัคซีนก่อนแล้วทุกอย่างจะง่ายมาก แต่ทั้งนี้รัฐก็ต้องมีวัคซีนเพียงพอด้วย ถ้าเป็นในอุดมคติ ก็อยากให้รัฐใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพในระดับที่โลกให้การยอมรับ แต่เราก็ไม่รู้เงื่อนไขว่าสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน
คิดอย่างไรกับประโยคที่ว่า ‘วัคซีนที่ดีที่สุด คือวัคซีนที่เร็วที่สุด’
เรามีสิทธิในร่างกายของตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่เราควรจะปลูกฝังกันมากๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเราคนไทยถูกเลี้ยงมาโดยที่ไม่ได้เข้าใจเรื่องสิทธิในร่างกายของตัวเองสักเท่าไหร่ เรามีกฎระเบียบหลายอย่าง ตั้งแต่อยู่โรงเรียน ทั้งเรื่องทรงผม เรื่องการแต่งกาย ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่ทำให้เราไม่ได้สัมผัสถึงสิทธิในร่างกายของตัวเอง เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ หลายๆ คนไม่รู้ว่าเรามีสิทธิ์ที่จะเลือก
การฉีดวัคซีนมันคือการฉีดสารแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ถ้าเราไม่เต็มใจ เราก็ไม่ควรจะถูกบังคับให้ต้องฉีด บางหน่วยงานอาจบังคับให้พนักงานต้องฉีดวัคซีนที่เขาไม่ได้อยากฉีด อันนี้เป็นเรื่องไม่สมควร ถ้าจะทำควรเป็นลักษณะของการโน้มน้าวใจและให้เจ้าของร่างกายตัดสินใจด้วยตัวเองดีกว่า
ประโยคที่ว่า “วัคซีนที่ดีที่สุด คือวัคซีนที่ฉีดเข้าไปเร็วที่สุด” เราต้องเข้าใจบริบทว่าอเมริกาเขาพูดได้เพราะเขามีไฟเซอร์ มีโมเดอร์นา มีจอนสันแอนด์จอนสัน แต่ของไทยมีอะไรบ้าง เราพูดแบบเขาได้หรือเปล่า อยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณ การฉีดวัคซีนมันไม่ได้มีอะไรการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเราจะปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง เราต้องยอมรับความเสี่ยงนี้ด้วยตัวเอง
เราอยู่ในประเทศที่รัฐบาลทำให้เราต้องลุ้นตลอดเวลา ใช้ชีวิตเหมือนกับเล่นหวย ฉีดวัคซีนก็ต้องลุ้นว่าจะได้ยี่ห้ออะไร บางทีไปฉีดยังไม่รู้เลย ฉีดเสร็จแล้วยังต้องมาลุ้นอีกว่าอาการจะเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนควรจะมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่เรามั่นใจ เราต้องเรียกร้องกันต่อไป แม้คนไทยหลายคนจะได้เดินทางมาฉีดวัคซีนที่อเมริกา แต่ตอนนี้เราทุกคนสามารถจะเรียกร้องพร้อมกับคนที่ไม่ได้มาได้