life

ว่ากันว่า ผลลัพธ์ของการได้รับมอบหมายงานที่ต้องทำซ้ำๆ จะมีสองทาง

 

ทางแรก เราจะทำมันด้วยวิธีการเดิมทุกครั้ง จนเกิดความเคยชินและอิ่มตัวไปเอง

ทางที่สอง เราสามารถทำงานเดิมๆ โดยการลองหาวิธีใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้งานสำเร็จ

เราทุกคนต่างมีความเคยชินที่ถูกบ่มเพาะมา ไม่ว่าจะเป็นกับผู้คน สิ่งของ หรือสถานที่

และนั่นอาจเป็นจุดบอด ที่ทำให้เราพลาดโอกาสในการชื่นชมเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละวัน

เพราะความเคยชินเหล่านี้ เปรียบเสมือนกรอบที่กั้นเราไว้

เส้นทางที่เราใช้เดินทางไปกลับทุกวัน บางทีก็อาจเป็นแค่ทางผ่าน ไม่มีอะไรน่าสนใจ ถ้าเราปล่อยให้ความเคยชินที่มี ตีกรอบความคิดเราให้เป็นเช่นนั้น

แต่หากวันหนึ่งเราเลือกที่จะหยุดสักนิด ละทิ้งความเคยชินที่มี และเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ที่อยู่รอบตัว

เราอาจได้พบมุมมองใหม่ที่น่าค้นหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ท่ามกลางความเคยชินเดิมๆ

พื้นคอนกรีตธรรมดา กลายเป็นกระจกสะท้อนเงา เมื่อแสงอาทิตย์พาดผ่านในเวลาที่เหมาะสม

 

บางที แสงที่ส่องไปในจุดใดจุดหนึ่ง ก็เป็นเหมือนสปอตไลท์ให้กับพื้นที่ตรงนั้น

 

และในบางเวลา ก็จะมีมุมน่ารักๆ ออกมาให้เห็นเช่นกัน

 

เงาที่ทอดผ่านพื้นหลัง บางครั้งก็สร้างบรรยากาศที่ดีไม่น้อย

 

บางเวลาที่แสงแดดสาดส่อง ก็ยังทำให้เกิดเงาที่ทอดยาวกว่าวัตถุชิ้นนั้นได้อีกต่างหาก

 

บางมุมที่อาจดูไม่ฮิต แต่ด้วยเส้นและเงาที่ตัดผ่านก็ติสท์ใช่เล่นเลย

 

เงาจากตึกสูงในเมือง ดูไปแล้วก็เหมือนจะตัดภาพนี้เป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย

 

แสงและเงาที่ทอดผ่านขบวนรถไฟฟ้า บางทีก็สร้างเส้นทรงที่สะดุดตาได้ดีทีเดียว

 

และในบางครั้งก็ทำให้เราได้สังเกตเห็นความเป็นระเบียบที่ดูแล้วสบายตา

 

ซอกหลืบระหว่างตึก พอดูๆ ไปแล้ว ก็เหมือนจะสามารถกลืนคุณลุงไปได้ทั้งคน

 

บรรยากาศย่านสยาม ที่ดูมีเสน่ห์ไม่น้อยในภาพขาวดำ
ในขณะที่ผู้คนต่างเร่งรีบไปทำงานกันตอนเช้า บางมุม เงาของพวกเขาก็เหมือนจะนำลิ่วไปก่อนแล้ว

 

แสง แม้อยู่ใกล้กัน ก็ยังให้ความรู้สึกที่ต่างกัน

 

กำแพงที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร กลับมีชีวิตขึ้นมาด้วยเงาของร่มไม้ที่พาดผ่าน

 

บางครั้งเงาก็สอนให้เรารู้ว่า “ถูกที่ ถูกเวลา” มันเป็นยังไง