แต่ละคนย่อมมีเหตุผลและจุดหมายการเดินทางแตกต่างกัน
บางคนชอบไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา พร้อมเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังและนั่งชิลล์ตามคาเฟ่สวยๆ
ในขณะที่บางคนรักการเดินซอกแซก ตามตรอกซอกซอยตามเมืองต่างๆ ราวกับเป็นคนท้องถิ่น
ส่วนตัวฉัน หากมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยียนต่างแดน สิ่งที่พลาดไม่ได้คือ การโดยสารรถไฟใต้ดิน
นอกจากเหตุผลเรื่องความสะดวกสบาย ฉันยังหลงรักการสำรวจรถไฟใต้ดิน เพราะเป็นศูนย์รวมของผู้คนในเมืองที่เต็มไปด้วยขวักไขว่ ในขณะเดียวกันก็มีความคึกคักและมีชีวิตชีวา
ซึ่งหากมีเวลาได้นั่งหรือยืนพิจารณา จะพบว่ารถไฟใต้ดิน ให้ความรู้สึกเสมือนแกลเลอรี่หรือมิวเซียมที่แสดงภาพวิถีชีวิตอันหลากหลาย รวมทั้งเป็นโรงละครที่แสดงให้เห็นพฤติกรรมที่สะท้อนวัฒนธรรมของคนพื้นถิ่น และเป็นรันเวย์แฟชั่นที่มีสีสันที่สุดแห่งหนึ่ง
นับเป็นเสน่ห์ที่หาได้ยาก ถ้าหากเราไม่ได้โดยสารรถไฟใต้ดิน โดยเฉพาะรถไฟใต้ดินของ 3 เมืองใหญ่ในยุโรปและสแกนดิเนเวียอย่างเบอร์ลิน ปารีส และสต็อกโฮล์ม
U-Bahn ณ เบอร์ลิน
รถไฟใต้ดินที่มีชีวิตชีวา (เกือบ) 24 ชั่วโมง
เมื่อเดินลงไปยังชานชาลาของสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงเบอร์ลิน สิ่งที่เห็นโดดเด่นสะดุดตาคือ รถไฟขบวนสีเหลืองแปร๊ด อันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของเมืองหลวงของเยอรมนี
คนที่นี่เรียกรถไฟใต้ดินกันแบบสั้นๆ ว่า อู-บาน (U-Bahn) ย่อมาจากภาษาเยอรมันว่า ‘Untergrundbahn’ แปลว่ารถไฟใต้ดิน ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนแห่งแรกในกรุงเบอร์ลินที่เปิดใช้ตั้งแต่ ค.ศ. 1902 จนถึงทุกวันนี้ หลายขบวนยังเป็นประตูแบบแมนนวลที่ผู้โดยสารต้องกดปุ่มเพื่อเปิดและปิดประตู
หลายครั้งคนที่เคยชินกับ MRT ที่เป็นประตูอัตโนมัติอย่างฉัน จึงยืนนิ่งหน้าประตูแบบงงๆ
สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ชัด รถไฟใต้ดินที่นี่ไม่มีประตูกั้นก่อนเข้าชานชาลารถไฟหรือนายสถานีนั่งขายตั๋ว มีเพียงตู้จำหน่ายตั๋วแบบอัตโนมัติและตู้ตอกบัตรเท่านั้น
เพื่อนชาวเบอร์ลินเคยบอกว่า รัฐบาลเขาไว้ใจประชาชนของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว แต่มักมาในสภาพนอกเครื่องแบบและสุ่มตรวจ สำหรับค่าปรับก็โหดมากจนไม่มีใครอยากเสี่ยง
แม้ว่าอู-บานจะมีอายุเกือบ 120 ปี และมีสถานีมากถึงราวๆ 170 สถานี แต่เส้นทางการเดินรถถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ซับซ้อนเท่าที่ลอนดอนหรือโตเกียว
คนเบอร์ลินส่วนใหญ่ชอบการเดินทางด้วยอู-บาน เพราะสะดวกและเข้าถึงทุกพื้นที่ แม้จะแออัดบ้างในบางช่วงเวลา โดยเฉพาะในช่วงเย็นและค่ำวันศุกร์ที่ฉันเห็นวัยรุ่นหลายคนเดินถือขวดเบียร์ขึ้นอู-บาน พวกเขากำลังเดินทางไปปาร์ตี้ตามผับบาร์ และเลือกขึ้นรถไฟใต้ดิน เพราะแท็กซี่ที่นี่ช่างแพงเหลือเกิน
วันธรรมดา จันทร์ถึงศุกร์ อู-บานเปิดให้ใช้บริการ ตั้งแต่ตี 4 ถึงตี 1 แต่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จะเปิด 24 ชั่วโมง ผู้คนจึงออกไปสังสรรค์ปาร์ตี้ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลากลับบ้านหรือรถไฟใต้ดินหมดเวลาวิ่ง
รถไฟใต้ดินที่เบอร์ลินจึงเป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีสีสันและมีชีวิตชีวาเกือบตลอดทั้งวัน ทั้งคืน และทั้งสัปดาห์
Metro ณ ปารีส
รถไฟใต้ดินที่ไม่เคยน่าเบื่อด้วยงานศิลปะและดีไซน์บนกำแพง
รถไฟใต้ดินที่ปารีส หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า เมโทร (Metro) นอกจากจะถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง เพราะเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1990 ซึ่งช่วงนั้นได้อิทธิพลจากศิลปะแบบอาร์ตนูโว สังเกตเห็นได้จากดีไซน์ป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ
จากประสบการณ์ของฉัน หากเทียบกับอู-บานของเบอร์ลิน เมโทรของปารีสให้ความรู้สึกอึดอัดและมีผู้โดยสารมากกว่า บางสถานนีทรุดโทรมและเก่า แถมด้วยกลิ่นอับที่ฉุนกว่า
คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะปารีสนับเป็นหนึ่งในเมืองที่มีสถานีรถไฟใต้ดินที่หนาแน่นที่สุดในโลก มีมากกว่า 240 สถานี และยังขึ้นชื่อเรื่องเป็นสถานที่ที่เสี่ยงต่อการถูกปล้นมากที่สุดด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม เมโทรที่นี่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ทำให้ฉันเลือกใช้บริการมากกว่าการเรียกอูเบอร์หรือนั่งแท็กซี่
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่คุ้นถิ่น เส้นทางต่อรถไฟใต้ดินบางสายในปารีส นับว่าค่อนข้างซับซ้อน หลายสายต้องเดินวกวนขึ้นลงไกลหน่อย แต่ระหว่างทางมีโปสเตอร์หรือป้ายโฆษณาสวยๆ ให้ดูอย่างเพลิดเพลินตา ราวกับกำลังเดินชมงานศิลปะหรือดีไซน์ในแกลเลอรี่
สิ่งที่ฉันได้เห็นตามกำแพงทางเดินมากหน่อยคือ โบรชัวร์ชวนชมงานอาร์ตจากมิวเซียมทั่วปารีส หรือคอนเสิร์ตและงานดนตรีหลากหลายแนว สมกับเป็นเมืองศิลปะและแฟชั่นของจริง
นอกจากนี้ หากสังเกตให้ดี โครงสร้างหลายส่วนของตัวสถานีรถไฟใต้ดินที่นี่ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย ทั้งตัวเพดาน ทางเดิน กำแพง หรือบันไดทางขึ้นลงที่แอบแฝงไว้ด้วยดีไซน์สมัยก่อน
แต่สิ่งที่ฉันสนุกที่สุดในการนั่งเมโทรที่ปารีสคือ การดูแฟชั่นของหนุ่มสาวปารีเซียงสุดเก๋ที่เดินผ่านไปมา ราวกับได้นั่งอยู่ข้างรันเวย์ชมปารีสแฟชั่นวีคก็ไม่ผิด
Tunnelbana ณ สต็อกโฮล์ม
รถไฟใต้ดินที่เป็นนิทรรศการศิลปะที่ยาวที่สุดในโลก
หากพูดถึงรถไฟใต้ดินในแถบยุโรปและสแกนดิเนเวีย จะไม่ลองแวะสถานีรถไฟใต้ดินที่กรุงสต็อกโฮล์ม ถือเป็นเรื่องพลาด
เพราะที่นี่ได้ชื่อเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก และจัดแสดงนิทรรศการศิลปะที่ยาวที่สุดในโลกด้วย โดยมีระยะทางยาวราวๆ 110 กิโลเมตร
สถานีรถไฟใต้ดินที่สต็อกโฮล์มหรือที่เรียกกันว่า Tunnelbana เปิดใช้ครั้งแรกเมื่อปี 1950 ตอนนี้มีประมาณ 100 สถานี และมีมากกว่า 20 สถานีที่แต่งแต้มงานศิลปะโดยศิลปินมากกว่า 100 คน
สถานีใต้ดินที่นี่มีเพดานที่สูงโปร่ง จึงไม่ให้ความรู้สึกอึดอัดเหมือนสถานีรถไฟใต้ดินทั่วไปบวกกับงานอาร์ตสีสันสดใสหลากหลายแนวที่อยู่ตามสถานีต่างๆ ก็ทำให้หลายสถานีช่างดูตระการตา
ฉันเพลิดเพลินกับการเดินขึ้นลงรถไฟหลายขบวนเพื่อสำรวจทุกสถานีที่มีงานศิลปะให้ชม ศิลปินบางคนไม่เพียงทาสีทั่วทั้งเพดาน แต่ยังมีงานปั้น ภาพวาด งานศิลปะแบบติดตั้งที่ล้วนแล้วแต่ผูกพันและสะท้อนเรื่องราวของย่านที่สถานีตั้งอยู่ ราวกับเดินชมงานในมิวเซียมขนาดยักษ์ใหญ่ที่ให้ความรู้สึกแตกต่าง โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่ผู้คนสัญจรไปมาบางตา
สถานีรถไฟใต้ดิน 3 เมืองใหญ่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ฉันเชื่อว่าในโลกนี้ยังคงมีสถานีรถไฟใต้ดินอีกมากมายที่รอให้ไปสัมผัส สำรวจ และอิ่มเอมไปกับวิถีชีวิตของผู้คน
รวมทั้งสะท้อนตัวตนของแต่ละเมืองให้เห็นชัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ.
อ้างอิง
- Wikipedia.Paris Metro. https://en.wikipedia.org/wiki/Paris_M%C3%A9tro
- Wikipedia.Stockholm Metro. https://en.wikipedia.org/wiki/Stockholm_metro
- Wipedia.Berlin U-Bahn. https://en.wikipedia.org/wiki/Berlin_U-Bahn