life

แม้จะเป็นกิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำทุกสิ้นปี แต่เชื่อเถอะว่ามีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการของการยื่นภาษีแบบถึงแก่น ทำให้มักจะเกิดเหตุผิดพลาดขึ้นบ่อยครั้ง เช่น ยื่นภาษีไม่ครบบ้าง หักลดหย่อนได้ไม่เต็มที่บ้าง หรือได้ภาษีคืนไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็มี

ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีก เดือนก่อนหมดปี เราเลยอยากชวนคุณมาตั้งหลักกับโค้งสุดท้ายในการเตรียมตัวให้พร้อมในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา .. 2563 ที่จะต้องทำการยื่นภายในเดือนมีนาคม 2564  

อย่างน้อยก็เพื่อจะได้ไม่ต้องไปต่อคิวในธนาคารตอนสัปดาห์สุดท้ายของปี เพื่อตาลีตาเหลือกซื้อกองทุน RMF, SSF ฯลฯ มาหักลดหย่อนภาษีแบบเส้นยาแดงผ่าแปด โดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลความคุ้มค่าหรือความเสี่ยงใดๆ ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน

tax

ใครบ้างที่ต้องยื่นภาษี 

หลายคนที่มีรายได้ไม่แน่นอน อาจเกิดความสงสัยว่าตนต้องยื่นภาษีหรือไม่ แนะนำให้ดูกันเป็นรายปี ปีไหนใครมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนดจะต้องยื่นภาษี ไม่ว่าคุณจะมีรายได้ที่แน่นอนหรือไม่ก็ตาม ล้วนต้องทำหน้าที่ประชาชนที่ดีด้วยการยื่นภาษีโดยทั่วกัน 

สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทในปีนั้น ต้องยื่นภาษี แม้จะไม่ต้องเสียภาษีก็ตาม 

ส่วนคนที่ไม่ได้มีรายรับจากเงินเดือน แต่เป็นรายได้ประเภทอื่น หากในปีนั้นๆ คุณมีรายได้เกิน 60,000 บาทต่อปี ก็ต้องยื่นภาษีเช่นกัน

tax

ในกรณีที่คุณไม่เคยมั่นใจเอาเสียเลยว่าแต่ละปีตัวเองมีรายได้เท่าไรกันแน่ อยากให้เริ่มเตรียมตัวกันใหม่ตั้งแต่ต้นปีหน้า ด้วยการแยกบัญชีธนาคารเป็นบัญชีรับรายได้ เมื่อได้เงินจากจ๊อบไหนก็ตามให้ฝากเข้าบัญชีนี้เท่านั้น เพียงเท่านี้คุณก็จะรู้ว่าตลอดทั้งปีตัวเองมีรายได้เท่าไร 

ส่วนรายได้ของงานที่มาพร้อมใบหักภาษี ณ ที่จ่าย ก็ให้รวบรวมใบหักภาษี ณ ที่จ่ายให้ครบทุกใบ เพราะนี่เป็นเอกสารยืนยันการมีรายได้ของคุณ ซึ่งถ้ายิ่งตรงกับตัวเลขรายได้ที่เข้าไปในบัญชีธนาคารด้วยยิ่งดี 

ถ้าเป็นไปได้ให้ทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายไว้เสมอ ทำให้ติดเป็นนิสัย เพราะวินัยในการจัดการทางการเงินที่ดีจะเป็นรากฐานของความมั่งมีในอนาคต 

จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องจ่ายภาษีกี่บาท 

คำถามยอดนิยมสำหรับผู้ไม่สันทัดการยื่นภาษี ก็คือ จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องจ่ายภาษีกี่บาท 

ตอบแบบสมการที่เข้าใจง่ายได้ว่า เงินภาษีที่ต้องจ่าย = เงินได้สุทธิ อัตราภาษี 

คำถามที่ตามมาติดๆ คือ เงินได้สุทธิคำนวณจากอะไร 

คำตอบก็คือ เงินได้สุทธิ = เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน 

จะเห็นได้ว่ามีคีย์เวิร์ดต้องสงสัยอยู่ คำ คือ อัตราภาษี และค่าลดหย่อน โดยอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปีภาษี 2560 นั้น จะแบ่งอัตราภาษีออกเป็น ขั้นบันได เริ่มตั้งแต่ผู้ที่มีเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี ที่ได้รับการยกเว้นภาษี ไปจนถึงผู้ที่มีเงินได้สุทธิ 5,000,001 บาทต่อปีขึ้นไป ที่ต้องจ่ายภาษีในอัตรา 35%  

ลองคำนวณเงินได้ตลอดทั้งปีของตัวเองดู แล้วเช็คจากตารางนี้ ว่าคุณอยู่ในฐานอัตราภาษีกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งโดยปกติแล้วมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินได้สุทธิ 500,001 – 750,000 บาทต่อปี จะมีอัตราภาษีอยู่ที่ 10%  

ดังนั้น คนที่ยิ่งขยัน หาเงินเก่ง รายได้สูงมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องจ่ายภาษีหนักมือมากขึ้นเท่านั้น จึงเป็นที่มาของการทำทุกวิถีทางให้มาซึ่งการหักลดหย่อน ที่อาศัยความสามารถของผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากหลากหลายช่องทาง

tax

ช้อปดีมีคืน’ แน่ แค่อย่าลืมขอใบกำกับภาษี 

เฉพาะ .. 2563 นี้ ที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โครงการ ได้แก่ คนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน เพื่อเชิญชวนให้คนไทยออกมาจับจ่ายใช้เงินในกระเป๋าให้มากขึ้น โดยประชาชนสามารถลงทะเบียนใช้สิทธิ์ได้คนละ โครงการเท่านั้น ดังนั้น ใครที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ในโครงการคนละครึ่งไปแล้วก็หมดสิทธิ์ที่จะช้อปดีมีคืน 

โครงการ ช้อปดีมีคืน เป็นมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้เสียภาษี โดยมีเป้าหมายที่ผู้มีรายได้ระดับปานกลางและรายได้ปานกลางระดับสูง (Upper Middle Income) ในการซื้อสินค้าและได้สิทธิลดหย่อนภาษี เพียงนำใบกำกับภาษีจากการซื้อสินค้าในประเภทที่โครงการกำหนดมาลดหย่อนได้ในอัตราภาษีที่ต้องจ่าย สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท

tax

ด้วยความที่โครงการ ช้อปดีมีคืน เน้นกระตุ้นการบริโภคและสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี หรือผู้ประกอบการจดทะเบียน VAT ทั้งยังส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่น และส่งเสริมการอ่าน ดังนั้น สินค้าและบริการที่ใช้ลดหย่อนภาษีตามโครงการนี้จึงได้แก่ สินค้าและบริการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม สินค้าท้องถิ่น OTOP และหนังสือ (ไม่รวมสินค้าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ยาสูบ สลากกินแบ่งรัฐบาล น้ำมัน ค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน ทองคำแท่ง ค่าทำศัลยกรรม ค่าหนังสือพิมพ์และนิตยสาร) 

ประเมินคร่าวๆ สำหรับผู้ที่เสียภาษีอัตรา 10% หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 3,000 บาท 

โครงการ ช้อปดีมีคืน เริ่มดำเนินการระหว่างวันที่ 23 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2563 ดังนั้น ยังพอมีเวลาในการขอใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบจากผู้ขายทุกครั้งที่ซื้อสินค้า 

อย่าลืมว่าต่อให้เก็บบิลหรือใบเสร็จรับเงินไว้จนเต็มกระเป๋าสตางค์ ก็เอามาใช้ยืนยันหลักฐานในการยื่นภาษีไม่ได้ ต้องใช้ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบเท่านั้น 

 ครอบครัว’ คือตัวช่วยในการลดหย่อนภาษีชั้นดี 

นอกจากค่าลดหย่อนส่วนตัวจำนวน 60,000 บาท ที่ผู้มีเงินได้ทุกคนที่ยื่นแบบแสดงรายการจะได้รับสิทธินี้โดยทั่วกันแล้ว คนมีคู่อาจจะรู้กันอยู่แล้วว่า คนที่มีคู่สมรส (ตามกฎหมาย) ที่ไม่มีเงินได้ สามารถลดหย่อนได้สูงสุดถึง 60,000 บาท หรือถ้าต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ ก็จะหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 120,000 บาท 

นอกจากนี้ ยังหักลดหย่อนค่าเลี้ยงดูบุตรได้อีกคนละ 30,000 บาท กี่คนก็ได้ รวมถึงใครที่รับอุปการะบุตรบุญธรรมก็หักลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาทเช่นกัน (แต่ไม่เกิน คน) 

ส่วนคนโสดหรือไม่โสดก็ตาม ที่เลี้ยงดูพ่อแม่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป (โดยที่พ่อแม่ต้องมีเงินได้ไม่เกิน 30,000 บาทในปีนั้นๆ) สามารถลดหย่อนภาษีได้คนละ 30,000 บาท แต่ถ้ามีพี่น้องหลายคนต้องเคลียร์กันดีๆ เพราะจะมีลูกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้สิทธินี้ไปครอง 

นอกจากนี้ ใครที่ซื้อบ้านหรือคอนโด ยังสามารถหักดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

tax

อย่าซื้อประกันชีวิตโดยหวังผลแค่ลดหย่อนภาษี 

ต่อให้คนที่มีความรู้เรื่องการยื่นภาษีน้อยที่สุดก็น่าจะพอเคยได้ยินมาว่า การซื้อประกันช่วยในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ หลายคนจึงซื้อๆ ประกันไปอย่างนั้น เพราะคิดว่าซื้อประกันอะไรก็ลดหย่อนได้เหมือนกัน 

แต่ที่จริงแล้ว การซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษีควรพิจารณาถึงประโยชน์การคุ้มครองของประกันที่ตัวเองจะได้รับเป็นหลักด้วย โดยประกันชีวิตที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ แบ่งออกเป็น ประเภทหลักๆ ที่จำแนกตามความจำเป็นของแต่ละบุคคลได้ ดังนี้ 

  • เน้นคุ้มครองชีวิต ให้เลือกซื้อประกันชีวิตแบบตลอดชีพ หรือประกันชีวิตชั่วระยะเวลา 
  • เน้นออมเงิน ให้เลือกซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (กรณีอยากออมเงินธรรมดา) หรือประกันชีวิตแบบบำนาญ (กรณีอยากออมเงินเพื่อเกษียณ) 
  • ออกแบบเอง ควรเลือกซื้อประกันชีวิตควบการลงทุน 

เช่น ประกันเงินออม เหมาะกับคนที่เพิ่งทำงานใหม่ๆ อาจจะมีเป้าหมายในการเก็บเงินสำหรับซื้อบ้านในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ไม่เน้นการคุ้มครองเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เพราะอยู่ในวัยที่ยังไม่มีภาระต้องรับผิดชอบอยู่ข้างหลัง เป็นต้น 

ดังนั้น คุณจึงควรพิจารณาจากความจำเป็นที่แท้จริงว่าต้องการทำประกันชีวิตไปเพื่ออะไร 

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะซื้อประกันชีวิตแบบไหนก็ตาม เฉพาะกรมธรรม์ประกันชีวิตอายุ 10 ปีขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้

tax

กองทุนรวม ร่วมด้วยช่วยลดหย่อน 

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้ในการลดหย่อนภาษี ได้แก่ การซื้อกองทุนรวมต่างๆ ทั้งกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีที่แตกต่างกันออกไป 

หลักการสำคัญของการลงทุนด้วยกองทุนรวม ไม่ใช่มุ่งหวังแค่การลดหย่อนภาษีเท่านั้น (ซึ่งที่จริงเป็นเพียงผลพลอยได้ด้วยซ้ำ) แต่ควรนึกถึงกำไรหรือผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนเป็นหลัก โดยในระยะยาว มูลค่าของกองทุนจะแตกต่างกันไปตามสินทรัพย์ที่ผู้ลงทุนเลือก และความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนจะรับได้ 

สำหรับ กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) นั้นเพิ่งออกมาใหม่ในปี 2563 ถูกออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานได้สักพัก และต้องการเก็บเงินเพื่อเป้าหมายในอีก 10 ปีข้างหน้า จึงมีเงื่อนไขในการถือครองที่ยาวนาน 10 ปีเต็ม 

หลายคนเลือกกองทุน SSF เพื่อเก็บเงินก้อนไว้ใช้ในแต่ละปี (ทยอยสะสมทุกปี) เผื่อไว้เป็นเงินสำรองที่อาจต้องใช้ยามฉุกเฉินในอีก 10 ปีข้างหน้า และกองทุน SSF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และต้องถือครองไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี (นับจากวันที่ซื้อแบบปีชนปี ไม่ใช่ปีปฏิทิน) 

ส่วนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ก็มีวัตถุประสงค์ตรงตามชื่อ คือ เป็นกองทุนที่เหมาะเก็บกินยาวๆ จนถึงวัยเกษียณอายุการทำงาน โดยกองทุน RMF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และต้องถือครองไม่น้อยกว่า ปี และอายุครบ 55 ปี จึงจะสามารถขายได้ 

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น SSF หรือ RMF ต่างก็มีตัวเลือกของกองทุนที่ถูกออกแบบมาสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผู้ที่สนใจตัวเลือกในการหักลดหย่อนภาษีด้วยกองทุนรวม ควรศึกษากองทุนแต่ละตัวว่ามีนโยบายการลงทุนแบบไหน มีความเสี่ยงอะไรบ้าง ฯลฯ 

และสำคัญที่สุดคือ การลงทุนที่ดีต้องอาศัยระยะเวลาและวินัยที่สม่ำเสมอ ดังนั้น จึงต้องคำนึงถึงการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง และการบริหารจัดการการเงินของตัวเองให้ดี เพื่อแบ่งเงินมาลงทุนกันแบบยาวนานข้ามทศวรรษ

tax

ให้แอพฯ ช่วยคำนวณ 

ถ้าทั้งหมดที่สาธยายมายังดูยุ่งยากยุบยับเกินไป แนะนำให้ยืมมือแอปพลิเคชันเข้าช่วย โดยแอพฯ ที่ถือเป็นยืนหนึ่งเรื่องการวางแผนการยื่นภาษี ได้แก่ iTAX Pro ที่แค่โหลดมาติดมือถือไว้ แล้วกรอกตัวเลขของรายได้ประจำปี และรายการลดหย่อนภาษีลงไป แอพฯ ก็จะคำนวณภาษีมาให้เสร็จสรรพ 

นอกจากนี้ แอพฯ ยังมีคำแนะนำในการวางแผนด้านการลดหย่อนภาษี ที่จะช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าคุณต้องเสียภาษีเท่าไร ใช้สิทธิหักลดหย่อนไปแล้วเท่าไร ยังเหลือช่องว่างที่คุณสามารถลดหย่อนได้อีกมากน้อยแค่ไหน หรือลดหย่อนจนเต็มแม็กซ์แล้ว เพื่อให้ง่ายต่อการเตรียมตัวยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2563 ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

อ้างอิง 

  • ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์.ช้อปดีมีคืน.https://bit.ly/3m9fWPq 
  • กรมสรรพากร.ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อนอะไรได้บ้าง?.https://bit.ly/3lh1pA5 
  • กรุงเทพธุรกิจออนไลน์.เทคนิคเลือกซื้อ ‘ประกัน’ เพื่อ ‘ลดหย่อนภาษี’ ให้คุ้ม ทั้งดูแลชีวิตและประหยัดภาษี.https://bit.ly/3l6Rn49 
  • TAXBugnoms.การประหยัดภาษีที่ดีต้องมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีด้วย.https://bit.ly/36bmR5e