คนไทยเราอาจไม่คุ้นกับภูเขาไฟมากนัก
ใครที่คิดว่าภูเขาไฟนั้นก็เป็นเพียงภูเขาที่พ่นไฟได้ ออกจะคิดผิดอยู่มาก
บริเวณภูเขาไฟนั้นมักประกอบด้วยสิ่งชวนพิศวงมากมาย เช่น ควัน ทะเลสาบกำมะถัน น้ำแร่เดือด ไปจนถึงธารลาวา
และภูเขาไฟในแต่ละส่วนของโลกต่างมีอัตลักษณ์ของตนเอง สัมพันธ์กับภูมิอากาศและวัฒนธรรมของผู้คนในแถบนั้น
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณภูเขาไฟมักมองภูเขาไฟด้วยความยำเกรงเสมอ
และภูเขาไฟมักถูกเชื่อมโยงเข้ากับพลังอำนาจที่เหนือกว่ามนุษย์ ในหลายชุมชนถูกอุปโลกน์ให้เป็นที่สถิตของเทพเจ้า
และพลังอำนาจความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟต่อมนุษย์ก็ยังคงมีมาเสมอจนถึงยุคปัจจุบัน
1.ภูเขาไฟในญี่ปุ่น
ธรรมชาติสำคัญของญี่ปุ่นอย่างหนึ่งคือ ภูเขาไฟ
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่ในบริเวณที่เรียกว่าวงแหวนแห่งไฟหรือ Ring of Fire ซึ่งเป็นเส้นแนวของภูเขาไฟที่พาดผ่านโลกรอบมหาสมุทรแปซิฟิคตั้งแต่นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไปจนถึงทวีปอเมริกาฝั่งแปซิฟิค
ภูเขาไฟที่ขึ้นชื่อที่สุดของญี่ปุ่นคงหนีไม่พ้น ฟูจิ (Fuji) ที่ตั้งอยู่ในเขตแดนของจังหวัดชิสุโอกะ
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น มีความสวยงามที่สุด ล้อมรอบด้วยทะเลสาบห้าสาย มีรูปทรงกรวยสมบูรณ์และปกคลุมด้วยหิมะ
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงอีกสองลูกในเกาะคิวชูทางตอนใต้
หนึ่งคือ ซากุระจิม่า (Sakurajima) ในเมืองคาโกะชิม่า ทางตอนใต้ของเกาะคิวชู
ซากุระจิม่าปะทุครั้งสุดท้ายในปี 1914 ถือเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ จนลาวาที่ทะลักออกมาแข็งตัวกลายเป็นคาบสมุทร ปัจจุบันภูเขาไฟซากุระจิม่ามักพ่นควันตลอดเวลา ทำให้บริเวณนั้นเต็มไปด้วยขี้เถ้า ถือเป็นเรื่องคุ้นตาของชาวเมืองในแถบนั้น
อีกลูกหนึ่งคือ อาโสะ (Aso) ซึ่งอยู่ในจังหวัดคุมาโมโตะ เป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและจัดเป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ของโลก ปะทุครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 ปีก่อนนี้เอง
ในครั้งนั้นขี้เถ้าพุ่งขึ้นสูง 11 กิโลเมตร ปลิวไปไกลกว่า 300 กิโลเมตร บริเวณอาโสะมีปากปล่องถึง 5 ปล่องคือ เนโกะ (Neko) ทากะ (Taka) นากะ (Naka) เอโบชิ (Eboshi) และคิชิมะ (Kishima) ซึ่งตรงปากปล่องนากะดาเกะนั้น สามารถขับรถขึ้นไปชมได้ และยังมักปล่อยควันคุกรุ่นโชว์นักท่องเที่ยวอยู่เสมอ
ที่เล่ามานี้คือภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงสามลูกที่ผมเคยไปเยือนในญี่ปุ่นเท่านั้น ญี่ปุ่นมีภูเขาไฟกว่าร้อยลูกทั่วทั้งประเทศไปจนถึงเกาะเล็กเกาะน้อยในมหาสมุทร
ใครอิจฉาคนญี่ปุ่นที่มีบ่อน้ำแร่ชั้นดีอยู่ทุกหนแห่ง ควรระลึกด้วยว่า ต้องแลกมากลับการระเบิดน้อยใหญ่ของภูเขาไฟแผ่นดินไหวและสึนามินับครั้งไม่ถ้วน
2.ภูเขาไฟในนิวซีแลนด์
เมื่อพูดถึง Ring of Fire วงแหวนแห่งไฟนี้ทอดผ่านนิวซีแลนด์ด้วย
ประเทศนี้จึงมีภูเขาไฟ โคลนเดือด บ่อนำ้ร้อนจำนวนมากไม่แพ้ที่ญี่ปุ่น
นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันสวยงาม และมีเส้นทางการเดินป่าหรือที่เรียกว่าเทรกกิ้ง กระจายตัวอยู่ทั่วไป ล้วนแล้วแต่มีการบริหารจัดการอย่างดี
ช่วงที่ผมกำลังสนใจในกิจกรรมเดินป่านั้น หนึ่งในเส้นทางที่เคยได้สัมผัส คือ ตองการิโร ครอสซิ่ง (Tongariro Crossing) ซึ่งเป็นเส้นทางเดินผ่านภูเขาไฟตองการิโรในเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ที่มีชื่อเสียงคู่กับภูเขาไฟงาอูรูฮอเอ (Ngauruhoe) และภูเขารัวเปฮู (Ruapehu) อยู่ในอุทยานแห่งชาติตองการิโร เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Lord of the Ring
เส้นทางเดินนี้เป็นแบบที่เรียกว่า Day Trek คือสามารถเดินไปกลับได้ภายในหนึ่งวัน ไม่จำเป็นต้องพักแรมระหว่างทาง เริ่มต้นจากไปค้างคืนในโรงแรมแถวตีนเขา และออกเดินในเช้าวันรุ่งขึ้นจากลานจอดรถชื่อเรียกยาก Mangatepopo
ใช้เวลาเดินเบ็ดเสร็จทั้งหมดประมาณ 7 ชั่วโมง ความยาวของเส้นทางประมาณ 19 กิโลเมตร เดินขึ้นลงผ่านยอดเขาไปจนจบที่ลานจอดรถชื่อเรียกยากอีกด้าน Ketetahi
สภาพเส้นทางตลอดสองข้างทางสลับสับเปลี่ยนไป บางช่วงดูเหมือนพื้นผิวดวงจันทร์ บางช่วงหมอกหนาจัด ระหว่างทางไม่มีต้นไม้หรือพืชปกคลุม จุดสำคัญคือปากปล่อง South Crater ปากปล่อง Red Crater ซึ่งเป็นจุดสูงสุดประมาณ 1,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล และทะเลสาบกำมะถันสีน้ำเงิน Blue Lake และ Emerald Lake สวยงาม
เรื่องความสูงไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาหลักคือสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน บางช่วงหมอกหนา บางช่วงลมแรง
การเดินป่าหรือภูเขานั้นอุปกรณ์หลักๆ ที่มีความจำเป็นมากคือ รองเท้า กางเกงขายาว เสื้อกันลมกันน้ำ ถุงมือ และที่สำคัญคือกล้องที่สะดวกในการถ่ายภาพ แบบหยิบขึ้นมาแล้วถ่ายรูปได้เลย
ผมเดินทางไปภูเขาไฟตองการิโรช่วงเดือนธันวาคมปี 2556 ซึ่งเป็นฤดูร้อนของที่นั่น กระนั้นลมบนยอดเขายังแรงจัดถุงมือข้างหนึ่งถูกพัดตกลงข้างทางขณะเดินอยู่ริมปากปล่องตอนกำลังถอดเพื่อจะกดชัตเตอร์กล้อง ตัดใจทิ้งไว้ไม่กล้าลงไปเก็บ เหลืออยู่เพียงอีกข้างไว้เป็นที่ระลึกจนทุกวันนี้
3.ภูเขาไฟแห่งเกาะชวา
การเดินขึ้นภูเขาไฟอีเจน (Ijen) น่าจะเป็นการเดินเขาครั้งแรกในชีวิตผม
อีเจนอยู่ในฝั่งตะวันออกของเกาะชวาห่างจากเมืองสุราบายาประมาณ 7-8 ชั่วโมงโดยรถยนต์
ผมไปที่นั่นเมื่อปี 2553 เส้นทางคดเคี้ยว ถนนขรุขระ ตามโปรแกรมแล้วเราต้องพักในหมู่บ้านเชิงเขาก่อน จากนั้นต้องตื่นตีสี่เพื่อเดินขึ้นเขา ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงถึงปากปล่องบนยอดตอนพระอาทิตย์ขึ้น
ไกด์รับจ้างนำทางผมไปตลอด ระหว่างทางเราสวนกับคนงานแบกกำมะถัน คนพวกนี้มีหน้าที่ลงไปเอากำมะถันจากปากปล่องภูเขาไฟแล้วนำขึ้นมาแลกกับค่าแรงแสนน้อย แต่ละคนจะแบกกำมะถันประมาณ 100 กิโล ไกด์บอกว่าเราขอถ่ายรูปกับเขาได้แลกกับบุหรี่มวนเดียว
อากาศเย็นชื้นระหว่างทางขึ้น ไอหมอก ป่าดิบรกบนดินภูเขาไฟสีดำ ความรู้สึกของผมเมื่อขึ้นถึงยอดขณะนั้นบรรยายไม่ถูก
ควันหนากระจายทั่วบริเวณที่ลอยคลุ้งจากปากปล่อง ตรงกลางเป็นทะเลสาบกรดสีมรกต
พื้นที่เหยียบอยู่คือแมกม่าแข็งตัวทอดยาวเป็นวงกว้าง นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ใกล้ชิดภูเขาไฟเพียงนี้
เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และน่ากริ่งเกรง
ในขณะที่อีเจนค่อนข้างจะเงียบสงบ โบรโม (Bromo) ซึ่งเป็นโคนภูเขาไฟชื่อดังของอินโดนีเซียกลับดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย โบรโมอยู่ในเขตที่เรียกว่า Bromo-Tengger-Sumeru ที่อยู่ระหว่างเมืองสุราบายาและอีเจน
ที่นี่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปยลรอบหุบเขาที่เป็นเหมือนทะเลทรายสีดำ จากจุดจอดรถเราสามารถนั่งม้าเข้าไปได้ และต้องเดินเท้าต่อ มีบันไดให้เดินขึ้นไปถึงปากปล่อง
บริเวณปากปล่องเป็นทางเดินแคบ ถ้าพลาดก็อาจตกลงไปในปล่องได้ง่าย ปีที่ผมไปนั้นไม่มีราวหรือรั้วป้องกันใดๆทั้งสิ้น
ดูแย้งกลับบันไดที่จงใจสร้างขึ้นเพื่อเชื้อเชิญบรรดานักท่องเที่ยว
ถ้าตัดเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวที่เบียดเสียดกันบริเวณปากปล่องออก
การได้ขึ้นไปดูปากปล่องภูเขาไฟที่ยังคุอยู่คงให้ความรู้สึกตื่นเต้น ดูลึกลับน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
เผลอๆ อาจเห็นเป็นเรื่องลึกซึ้งของความสัมพันธ์ในธรรมชาติระหว่างผู้สร้างและผู้ทำลายไปเลยทีเดียว.
Fact Box
- ภูเขาไฟในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกนั้นมีมากกว่า 450 ลูก เรียงตัวกันเป็นรูปวงแหวนขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Ring of Fire เป็นรูปเกือกม้ายาวรอบโลกกว่า 40,000 ก.ม. และเป็นที่มาของแผ่นดินไหวเกือบทั้งหมดในโลก