life

“เงินเดือนแค่นี้จะเอาเงินที่ไหนมาเริ่มลงทุน แค่ออมยังลำบากเลย”

หญิงสาวคนหนึ่งอุทธรณ์ต่อ เดวิด บาค (David Bach) ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำแนะนำทางการเงินและนักเขียนชาวอเมริกัน ขณะที่เขากำลังเป็นวิทยากรพูดเรื่องเกี่ยวกับอิสรภาพทางการเงิน

บาคจึงขอให้เธอเล่าชีวิตประจำวันตั้งแต่ตื่นจนเข้านอนว่าเธอทำอะไรบ้าง เขาสนใจประเด็นที่เธอต้องเสียเงินซื้อกาแฟดื่มทุกเช้า จนเกิดเป็นแนวคิด Latte Factor ขึ้น

Latte Factor อยู่ในชีวิตของคนส่วนใหญ่ที่มักมองว่าราคาของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่จ่ายไปแต่ละวันนั้นไม่สำคัญอะไร ใช้เงินนิดๆ หน่อยๆ ซื้อความสุขให้กับตัวเองดีกว่า โดยไม่ได้มองไกลในระยะยาวว่า เงินจำนวนเล็กน้อยนี่แหละที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินเก็บ เงินก้อน หรือเงินลงทุนที่งอกเงยได้ในอนาคต

คิดเล่นๆ ว่าต้องซื้อกาแฟแก้วละ 100 บาททุกวัน เท่ากับว่าต้องเสียเงินค่ากาแฟเดือนละ 3,000 บาท หรือปีละ 36,500 บาท ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปสู่คำพูดของหญิงสาวต้นเรื่องจะเห็นได้ว่า นี่แหละคือเงินลงทุนล่องหนที่เธอไม่เคยรู้ว่ามีอยู่กับตัวมาแล้วตั้งแต่แรก

แม้จะมีจุดเริ่มต้นจากเงินค่ากาแฟ แต่ ‘ลาเต้ แฟคเตอร์’ ไม่ได้จำกัดเฉพาะค่าลาเต้เท่านั้น แต่ยังหมายความถึงค่าเบียร์ เหล้า บุหรี่ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่จำเป็น ฟุ่มเฟือย หรือสุรุ่ยสุร่ายเกินตัว ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการจะเลิกกิจวัตรดังกล่าวในทันที เราเลยมี 5 วิธีในการเปลี่ยนทฤษฎีลาเต้ให้เป็นเงินก้อนโต ซึ่งรับรองว่าถ้าทำได้ ชีวิตคุณจะสุขสบายกว่าการเสียเงินซื้อความสุขรายวันแน่นอน

1.

ไม่หักดิบ

latte factor

ถ้าการดื่มกาแฟจำเป็นต่อชีวิตคุณอย่างยิ่งยวด ก็ไม่จำเป็นต้องกำจัดค่าลาเต้ทิ้ง แล้วเลี่ยงมาเป็นการเปลี่ยนยี่ห้อกาแฟที่ดื่มให้มีราคาย่อมเยาลง เช่น เปลี่ยนจากการอุดหนุนร้านเชนดัง มาเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่ใช้กาแฟคุณภาพดีไม่แพ้กัน แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า อย่างน้อยก็มีเงินเหลือหลายสิบบาทต่อวัน

2.

ลองใช้ทฤษฎี 21 วัน

latte factor

สำหรับใครที่มีจิตใจแน่วแน่ก็สามารถหักดิบได้ ด้วยการเลิกซื้อกาแฟ เลิกซื้อขนม หรือเลิกบุหรี่ ให้ได้เด็ดขาดนานต่อเนื่อง 21 วัน ตามทฤษฎี 21 วัน (21-Day Habit Theory) ของ ดร. แมคเวล มอลท์ (Dr.Maxwell Maltz) ที่ยืนยันว่า การเปลี่ยนนิสัยในการทำพฤติกรรมซ้ำๆ ให้ได้ต่อเนื่องนาน 21 วัน สามารถสร้างนิสัยใหม่ขึ้นแทนนิสัยเดิมได้อย่างเห็นผล

3.

คุยกับตัวเองทุกครั้งก่อนจ่ายสตางค์

latte factor

ก่อนเสียเงินไปกับของเล็กๆ น้อยๆ ให้ถามตัวเองย้ำซ้ำๆ ว่า สิ่งเหล่านี้จำเป็นต่อชีวิตหรือไม่ ถ้าลดค่าใช้จ่ายเล็กๆ เหล่านี้ได้ ทำไมถึงจะไม่ทำ? เพราะหัวใจของทฤษฎีลาเต้ก็คือการเอาชนะใจตัวเองให้ได้เป็นสำคัญ

4.

จดบันทึกรายรับรายจ่าย

latte factor

การจดบันทึกและหมั่นทบทวนรายรับรายจ่ายถือเป็นวิธีพื้นฐานที่ทำให้ความจริงปรากฏชัดว่า แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือนเราเสียค่าใช้จ่ายไปกับอะไรมากที่สุด เพื่อจะได้ประจักษ์ว่าค่าใช้จ่ายส่วนไหนจัดเป็น “ค่าลาเต้” ที่ต้องตัดทิ้งให้เด็ดขาด

5.

นำเงินไปลงทุน

latte factor

อุตส่าห์งดใช้จ่ายตามใจตัวเองได้ทั้งที อย่าให้เงินเก็บที่งอกเงยสูญเปล่า ควรนำไปลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น ซื้อกองทุนระยะยาวเป็นประจำทุกปี เป็นต้น

อ้างอิง