pe©ple

ภาพของหญิงสาวใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มคนหนึ่งแรนดอมขึ้นมาบนพินเทอเรสต์ ปะปนกับภาพปกอัลบั้มเพลงซิตี้ป๊อป แม้จะมาจากนิตยสารเก่า แต่ภาพคมชัดที่ถูกส่งต่อโลกอะนาล็อกมายังออนไลน์มากมายขนาดนี้ ทำให้พอรู้ว่าเธอต้องเป็นใครสักคนที่โด่งดังในยุคนั้นแน่ๆ  

ภาพของหญิงสาวใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มคนหนึ่งแรนดอมขึ้นมาบนพินเทอเรสต์ ปะปนกับภาพปกอัลบั้มเพลงซิตี้ป๊อป แม้จะมาจากนิตยสารเก่า แต่ภาพคมชัดที่ถูกส่งต่อโลกอะนาล็อกมายังออนไลน์มากมายขนาดนี้ ทำให้พอรู้ว่าเธอต้องเป็นใครสักคนที่โด่งดังในยุคนั้นแน่ๆ 

แล้วเราก็ได้รู้ว่าเธอคือ อะคินะ นะคะโมะริ (Akina Nakamori) ขวัญใจแฟนเพลงยุค 80s นักร้องเพลงป๊อปที่เปล่งประกายคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

(Photo : www.excite.co.jp)

ด้วยเสียงร้องสดใสแต่พลังเต็มเปี่ยม แววตาเป็นมิตรและใบหน้าหวานหยดย้อย ทำให้อะคินะตกหัวใจชาวญี่ปุ่นไปได้เต็มๆ แถมยังดังไกลไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้แต่ ‘ชินจัง’ ก็ยังเป็นแฟนเพลงของอะคินะ เธออยู่ในวงการเพลงถึง 39 ปี ภาพล่าสุดของเธอในวัย 55 ปี ยังมีเค้าของเด็กสาวในวันวาน เพียงแต่สลัดทิ้งความไร้เดียงสาและแววตาที่เคยสดใสไปหมดสิ้น

ลูกสาวคนที่ 5 

อะคินะ เกิดปี 1965 ที่โตเกียว เธอมีพี่น้อง คน โดยเธอเป็นลูกรองสุดท้อง ครอบครัวเปิดร้านขายเนื้อ และเปลี่ยนมาขายราเมนในตอนหลัง เนื่องจากพ่อแม่มีลูกหลายคน ฐานะทางบ้านของอะคินะจึงไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก

อะคินะชอบดูรายการวาไรตี้ทางโทรทัศน์และหวังว่าสักวันเธอจะได้เป็นนักแสดง เหตุผลหลักๆ คืออยากจะหาเงินจุนเจือครอบครัว เธอเคยให้สัมภาษณ์ในรายการทีวีรายการหนึ่งว่า “ฉันคิดว่าทุกคนที่ออกทีวีเป็นคนรวย ถ้าฉันออกทีวีบ้าง ฉันจะดูแลครอบครัวของฉันได้” แม้จะขัดสนแต่ครอบครัวก็สนับสนุนความฝันของเธอเต็มที่ และยอมเจียดเงินส่งเธอเรียนศิลปะและบัลเลต์

หลังจากที่ โมะโมะเอะ ยะมะกุจิ (Momoe Yamaguchi) นักร้องดาวเด่นในวงการเพลงญี่ปุ่นตอนนั้นประกาศพักงานอย่างไม่มีกำหนด วงการเพลงจึงต้องหานักร้องหน้าใหม่อย่างเร่งด่วน ในปี 1981 ช่อง Nippon Television จึงมีรายการ Star Tanjo ! ที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปมาแสดงความสามารถเพื่อเฟ้นหาศิลปินหน้าใหม่ อะคินะในวัย 14 ปีก็เข้าร่วมแข่งขันด้วย และหวังว่านี่จะเป็นใบเบิกทางให้เธอเข้าไปทำงานในวงการอย่างที่ฝันไว้

(Photo : www.kimonobeat.tumblr.com)

แต่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะในปีนั้นเธอตกรอบไปหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่หมดหวัง หลังจากกลับไปรักษาแผลใจ อะคินะจึงกลับมาแข่งใหม่ตอนอายุ 15 ปี

ครั้งนี้ ในรอบแสดงความสามารถ เธอเลือกคัฟเวอร์เพลง ‘Dream Guide’ ของ โมะโมะเอะ ยะมะกุจิ นักร้องคนโปรด ผิดโผไปจากครั้งก่อน อะคินะทำได้ดีเกินคาด ทุบสถิติของรายการด้วยคะแนน 392 ได้ใจผู้ชมอย่างล้นหลาม และเทปของรายการวันนั้นยังมีเรตติ้งสูงสุดในรอบปีอีกด้วย

ทะยานสูงเสียดฟ้า

เธอเดินเข้าวงการอย่างสง่างาม เริ่มจากเดบิวต์เป็นหนึ่งในสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ป หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปอยู่ค่ายเพลงใหญ่อย่าง Warner Pioneer และในปี 1982 อะคินะในวัย 17 ปีได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะศิลปินเดี่ยว ด้วยซิงเกิลแรก ‘Slow Motion’  

แม้จะเป็นซิงเกิลเปิดตัว แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ค่ายจึงวางกลยุทธ์ใหม่ โดยตั้งใจให้อะคินะมีภาพลักษณ์คล้ายคลึงกับโมโมเอะ ศิลปินผู้เป็นดาวค้างฟ้าตลอดกาล  ในเดือนกรกฎาคมของปีนั้น อะคินะจึงปล่อยเพลง ‘Shojo A’ ที่มีจังหวะสนุกๆ และเสียงร้องเปี่ยมด้วยพลังออกมา เป็นไปตามคาด เธอได้รับความนิยมจากแฟนๆ อย่างล้นหลาม 

(Photo : www.bilibili.com)

ความนิยมของอะคินะพุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นศิลปินแห่งยุคสมัยไปเสียแล้ว จุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอยิ่งประสบความสำเร็จขึ้นไปอีกคือ ในปี 1984 เธอปล่อยอัลบั้ม Jukkai ที่ทำยอดขายไปได้กว่า 611,000 ก็อปปี้ อีกทั้งซิงเกิลที่ เพลง Kazari jya naino yo namida wa ซึ่งเป็นเพลงจังหวะเร็วๆ ครั้งแรกของเธอ ก็ถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าจดจำ

ยังไม่จบแค่นั้น เพราะในปี 1986 เธอปล่อยซิงเกิล Desire (Jonetsu) และเปิดตัวได้เป็นอันดับ อีกทั้งแฟนๆ ยังขนานนามเพลงนี้ว่าเป็น ‘เพลงประจำตัวตลอดกาลของอะคินะ’

(Photo : https://note.com/starcatmike2021)

อะคินะใช้เวลาเพียง ปี หลังเดบิวต์ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินที่เปล่งประกายที่สุดในวงการเพลงญี่ปุ่น ตีคู่มากับ มัตสึดะ เซโกะ (Matsuda Seiko) ศิลปินหญิงวัยใกล้เคียงกัน อะคินะเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้ารางวัล Japan Record Award ได้ถึงสองปีติดต่อกัน

ความโด่งดังของเธอทะยานออกนอกเกาะญี่ปุ่นไปไกลถึงไต้หวัน ฮ่องกง และทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้แต่ เลสลี จาง (Leslie Cheung) พระเอกชื่อดังชาวฮ่องกง ยังเป็นแฟนตัวยงของเธอ และเอ่ยปากชื่นชมอะคินะออกสื่ออยู่บ่อยๆ

รักแรกและหัวใจที่แตกสลาย

หลังยืนอยู่ในจุดสูงสุดของวงการเพลงได้พักใหญ่ เธอก็ต้องพบกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่ออะคินะวัย 18 ปี พบกับรักแรกที่ชื่อ มะซะฮิโกะ คนโดะ (Masahiko Kondo) ศิลปินชายที่โด่งดังคนหนึ่งในขณะนั้น

อะคินะกับคนโดะถูกจับให้เป็นคู่จิ้นในวงการเพลง ทำให้ทั้งสองพบกันตามเวทีต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง คนโดะเริ่มเป็นฝ่ายตามจีบอะคินะ แถมยังมีข่าวว่าทั้งคู่แอบไปพบกันลับๆ ที่ฮาวายอีกด้วย จนในที่สุดทั้งคู่ก็ได้โคจรมาพบกันในภาพยนตร์เรื่อง Ai Tabidachi (1985) ซึ่งถือเป็นพระนางที่เคมีหวานชื่นที่สุดในตอนนั้น

(Photo : https://read01.com/zh-sg/0M5046M.html)

“แผนชีวิตของฉัน คือ จะแต่งงานตอนอายุ 23 และมีลูกตอนอายุ 24 ฉันควรที่จะเข้าร่วมพิธีปฐมนิเทศชั้นป.ของลูกให้ได้ก่อนอายุ 30 ฉันอยากมีลูกชาย และอยากมีสามีที่รักลูกชายของฉัน ฉันอยากให้พวกเขาเข้ากันได้ดีเหมือนเพื่อนกัน” 

ในตอนที่ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดของญี่ปุ่น อะคินะเริ่มวาดฝันถึงชีวิตครอบครัวของเธอมากกว่าความฝันในวงการเพลง และเธอเชื่อว่า ‘คนโดะ’ คือชายคนนั้น เธอตั้งใจจะแต่งงานกับเขาให้เร็วที่สุด

(Photo : twitter @anlu21921225)

เจ้าหญิงของวงการเพลง ไม่ได้มีรักแรกที่งดงามเหมือนนิยาย คนโดะเริ่มมีข่าวกุ๊กกิ๊กกับนักร้องในวงการอีกหลายคน ไม่นานนักก็เกิดเรื่องฉาวขึ้น เมื่อคนโดะไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ฮ่องกงและพบกับ ‘เหมย เยี่ยนฟาง’ นักร้องชื่อดังชาวฮ่องกง เขาตามจีบเธอเหมือนที่ทำกับอะคินะ จนตกลงปลงใจคบหากันในที่สุด โดยที่ฝ่ายหญิงไม่รู้ว่าเขามีคนรักอยู่ที่ญี่ปุ่น ส่วนอะคินะเองก็ไม่รู้ว่าคนโดะนอกใจเธอ

เหมย เยี่ยนฟาง (Photo : www.scmp.com)

เหมย เยี่ยนฟาง ตามคนโดะกลับมาที่ญี่ปุ่นถึงได้รู้ว่าเขามีแฟนแล้ว ท้ายที่สุดคนโดะก็เลิกรากับเยี่ยนฟาง และในปี 2003 เธอก็จากโลกนี้ไปในวัย 39 ปี ด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก ฝ่ายคนโดะ หลังจบความสัมพันธ์ที่คาราคาซังแล้ว ก็ประกาศหมั้นกับอะคินะ แต่ก็ยังไม่วายมีข่าวกุ๊กกิ๊กกับมัตสึดะ เซโกะ ซึ่งเป็นคู่แข่งของอะคินะมาเสมอ

ระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ฉาวโฉ่ทั้งหมด อะคินะพยายามเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพื่อรักษาสถานะของทั้งคู่เอาไว้ แต่เล่าความรู้สึกของเธอผ่านบทเพลงเศร้าบาดลึกแทน ในหมู่แฟนเพลงว่ากันว่า ปี1989 เป็นปีที่มืดมนที่สุดของอะคินะ เธอปล่อยซิงเกิล Liar ที่ร่ำลือกันว่าเป็นเพลงที่สะท้อนความรู้สึกที่มีต่อคนโดะ

งานแถลงข่าวของคนโดะและอะคินะ (Photo : https://jpedia.jakou.com/kondo.html)

นอกจากความรักที่ไม่สมหวังแล้ว ความสัมพันธ์ของอะคินะกับครอบครัวก็ไม่สู้ดีนัก แม้เธอจะเจอปัญหามากมายแต่ครอบครัวก็ไม่เหลียวแล และยังอยากให้เธอทำงานเพลงต่อไป เมื่อฟางเส้นสุดท้ายขาดสะบั้น อะคินะไม่สามารถแบกรับทั้งหมดนี้ไว้ได้อีกต่อไป เธอจึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเองที่อพาร์ตเมนต์ของคนโดะด้วยการกรีดข้อมือ แต่ทีมแพทย์ช่วยเหลือไว้ได้ทัน เธอจึงรอดชีวิตและรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่นาน

หลังจากนั้น เดือน คนโดะก็จัดงานแถลงข่าวโดยใช้ฉากหลังสีทอง ซึ่งในญี่ปุ่นมักใช้ในโอกาสประกาศแต่งงาน อะคินะเองก็มาร่วมงานครั้งนี้ด้วย เธอหวังว่าจะได้รับคำขอโทษจากเขาเป็นการประกาศแต่งงาน แต่ผิดคาด คนโดะฉีกหน้าอะคินะกลางงานแถลงข่าวด้วยการอัพเดทผลงานของตัวเอง และเมื่อนักข่าวถามถึงงานแต่ง เขาก็บอกเต็มปากว่า “ยังไม่มี”

(Photo : twitter @milky_rouge_)

อะคินะและคนโดะเลิกรากันในที่สุด แถมเหตุการณ์ ‘ฉากหลังสีทอง’ ยังเป็นเรื่องเม้าท์ในวงการเพลงญี่ปุ่นอยู่พักใหญ่ ไม่นานนักก็มีข่าวว่าคนโดะแต่งงานกับผู้หญิงนอกวงการที่มีฐานะคนหนึ่ง (มีข่าวฉาวอีกครั้งในปี 2020 ว่าเขาคบชู้นานกว่า ปี)

หลังจากได้ยินข่าว อะคินะเจ็บปวดมาก เธอสูบบุหรี่จัดและดื่มหนักจนมีปัญหากับเส้นเสียง ร่างกายทรุดโทรมไม่เหลือเค้าเดิม ประกอบกับยอดขายเพลงที่ลดลงเรื่อยๆ เธอจึงตัดสินใจพักงานในวงการไปยาวๆ

 

เฮือกสุดท้ายในวงการเพลง

อะคินะกลับมาอีกครั้งในปี 1990 เธอสลัดคราบเด็กสาวที่เคยเปล่งประกายทิ้งไปเสียสิ้น และปล่อยซิงเกิลใหม่ Dear Freind ซึ่งเธอเผยว่านี่คงจะเป็นเพลงที่สดใสที่สุดในชีวิตการเป็นนักร้องของเธอแล้ว

หลังจากเพลงนี้ เธอก็กลับไปทำเพลงที่มีเนื้อหาความรักเศร้าๆ ตามเดิม ซึ่งก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็กลับมาครองอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลง Oricon ได้อีกครั้ง ด้วยซิงเกิล Mizu ni Sashita Hana ความสำเร็จครั้งนั้นถือเป็นเฮือกสุดท้ายของอะคินะ หลังจากนั้นความนิยมของเธอก็ค่อยๆ แผ่วลง

(Photo : https://girlschannel.net/topics/2960154/)

ในปี 1998 เกิดข่าวอื้อฉาวอีกครั้ง เมื่อค่ายเพลง Gauss Entertainment ที่เธอสังกัดอยู่ ประกาศเลิกจัดงานฉลองวันเกิดของอะคินะกะทันหันโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำเอาแฟนๆ ไม่ได้ตั้งตัว และทำเรื่องคืนเงินกันยาวนานถึง ปี หลังจากนั้นทางค่ายก็ออกมาแถลงข่าวด้วยถ้อยคำที่รุนแรงว่า อะคินะเป็น ‘ตัวปัญหา’ ที่ควรออกจากวงการเพลงไปเสีย

ปีนั้นเป็นปีที่อะคินะเปลี่ยนค่ายเพลงบ่อยๆ แต่เธอก็ยังโลดแล่นอยู่ในวงการ นอกจากร้องเพลง เธอยังผันตัวไปเป็นโปรดิวเซอร์และเขียนเพลงในนามปากกา มิรัน : มิรัน (Miran : Miran) บ้างเป็นครั้งคราว และตัดสินใจพักงานอีกครั้งในปี 2020 ด้วยปัญหาสุขภาพ

ฝากไว้เพียงอดีตแสนหวาน

หลังจากหายไปนาน ปี อะคินะปรากฏตัวอีกครั้งในรายการเพลง Kohaku Uta Gassen หรือที่คนไทยเรียกกันว่างานขาว-แดง ซึ่งเป็นรายการร้องเพลงที่ยิ่งใหญ่ประจำปีของญี่ปุ่น จากนั้นเธอก็หายตัวไปอีกครั้งอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่เพื่อนสนิทอย่าง โทชิฮิโกะ ทะฮะระ (Toshihiko Tahara) ก็ติดต่อเธอไม่ได้ เพื่อนบ้านเรือนเคียงก็ไม่เห็นเธอเลยสักครั้ง

(Photo : https://bunshun.jp/articles/photo/48806?pn=3)

อะคิโอะ นะคะโมะริ (Akio Nakamori) ผู้เป็นพ่อในวัย 80 ปี ก็ไม่รู้ข่าวคราวของลูกสาวอีกเลยหลังจากที่พวกเขาตัดพ่อตัดลูกกันไปเมื่อหลายปีก่อน เขาพยายามติดต่ออะคินะให้มาร่วมพิธีศพของ อาโกะ นะคะโมะริ (Akho Nakamori) พี่น้องของเธอ ที่เสียชีวิตลงในปี 2019 แต่ก็ไร้วี่แววของเธอ ผู้เป็นพ่อเผยด้วยความโศกเศร้าว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าลูกสาวกลายเป็นคนใจดำอำมหิตอย่างนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่

แม้จะไร้ซึ่งเงาของอะคินะ แต่ 39 ปีในวงการเพลงนั้นไม่ไร้ความหมาย เพลงของเธอได้รับการยกย่องจาก Japanese Music Critics ให้เป็นอันดับ ของบทเพลงที่ดีที่สุดที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ชาติญี่ปุ่น และยังเป็นศิลปินมุ่งมั่นทำเพลงดีๆ ที่ติดชาร์ต 10 อันดับแรกของ Oricon หลายปีติดต่อกัน นับว่าเป็นศิลปินที่เก่งกาจคนหนึ่งในยุคที่อุตสาหกรรมดนตรีเปลี่ยนผ่าน

(Photo : https://saesipjoskejc.blogspot.com/)

แม้ว่าเราจะไม่ได้ยินเสียงของอะคินะเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสจะได้ยินอีกไหม แต่ครั้งหนึ่งผู้หญิงที่ชื่อ ‘อะคินะ นะคะโมะริ’ ได้สร้างยุคสมัยที่งดงามให้กับผู้คนมากมายด้วยรอยยิ้มและเสียงเพลงของเธอ เหมือนรสหวานที่ยังอบอวลชวนให้คิดถึง เหมือนคบเพลิงสุกสว่างที่แม้มอดดับไปแล้ว แต่ยังรู้สึกอบอุ่นอยู่ในหัวใจของผู้คนในยุคสมัยนั้นเรื่อยไป

อ้างอิง

  • MIN NEWS.How scumbag can a scumbag be?The story of Akina Nakamori in Japan tells you that it is far worse than expected.https://bit.ly/3BPfM6N 
  • NEWS DIR.Cheating Anita Mui destroys Akina Nakamori, “Japan’s No. 1 scumbag” Kondo Masahiko’s resignation is finally here-Entertainment-China Times Newshttps://bit.ly/2Yhu2rc 
  • Ignatiy Vishnevetsky. A one-of-a-kind album tried to turn ’80s pop on its ear.https://bit.ly/3wpezlx