pe©ple

“ผมชื่อ ด็อก ริเวอร์ส (Doc Rivers) และผมคือมนุษย์ และผมจะทำผิดพลาดแน่ๆ”

นั่นคือสิ่งที่โค้ชบาสเกตบอลคนดังแห่ง NBA อย่าง ด็อก ริเวอร์ส บอกลูกทีมของเขาทุกครั้งก่อนเริ่มต้นฤดูกาลแข่งขัน คล้ายเป็นปรัชญาการบริหารทีม เป็นสิ่งตั้งต้น ว่าการเป็นผู้นำจำเป็นต้องพาตัวเองไปอยู่บนระนาบเดียวกันกับลูกทีม คล้ายเป็นการย้ำว่าเขามีเลือดเนื้อไม่ต่างจากนักกีฬาของตน และทำให้ทุกคนตระหนักว่าเราต่างเป็นมนุษย์ที่ล้วนมีข้อบกพร่องเหมือนๆ กัน 

ปรัชญาข้อนี้ถูกเปิดเผยออกมาในซีรีส์สารคดีเรื่อง The Playbook ที่เข้าฉายใน Netflix ไปเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2020

The Playbook คือสารคดีว่าด้วยชีวิตของสุดยอดตำนานโค้ชที่ยังมีลมหายใจ 5 คน เริ่มต้นที่ ด็อก ริเวอร์ส ผู้เคยพาทีมบาสเกตบอล Boston Celtics เถลิงแชมป์ NBA ในปี 2008, โชเซ มูรีนโย (José Mourinho) โค้ชฟุตบอลชาวโปรตุเกสผู้ประสบความสำเร็จมากมายกับยอดทีมในลีกยุโรป เจ้าของฉายา ‘The Special One’,  จิลล์ เอลลิส (Jill Ellis) โค้ชผู้นำฟุตบอลหญิงทีมชาติสหรัฐฯ สู่แชมป์โลก, ดอว์น แสตนลี (Dawn Staley) ยอดโค้ชแห่งทีมบาสเกตบอลมหาวิทยาลัย University of South Carolina และ แพทริค มูราโตกลู (Patrick Mouratoglou) โค้ชเทนนิสผู้พา Serena Williams กลับมาจากหลุมดำมืดมิดระหว่างอยู่ในช่วงขาลงของอาชีพ

EP.1: “ผมคิดว่าคุณไม่ควรวิ่งหนีความกดดัน แต่คุณควรวิ่งเข้าหามัน” 

นี่ดูเหมือนจะเป็นปรัชญาสำคัญในการทำทีมของ ด็อก ริเวอร์ส ที่ทำให้เขาพาทีม Boston Celtics คว้าแชมป์ได้สำเร็จในปี 2008 นั่นเป็นแชมป์แรกของริเวอร์สในฐานะโค้ช แม้หลังจากนั้นเขาจะยังไม่สามารถคว้าแชมป์ได้อีกเลย แถมยังถูกวิจารณ์ถึงผลงานที่แม้จะดีแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมในรอบหลายปีให้หลังอยู่เนืองๆ แต่อย่างไรก็ตาม คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือหนึ่งในโค้ชที่ยืนระยะและทำทีมอยู่ในระดับสูงได้เสมอ

ในซีรีส์ ด็อก ริเวอร์ส ยืนยันว่า

“ความกดดันคืออภิสิทธิ์”

มันหมายถึงหนทางที่ลูกทีมของเขาจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติจากความเครียดของความกดดันไปสู่ความรู้สึกขอบคุณที่พวกเขาได้เผชิญหน้ากับมัน และวิธีต่อสู้กับความกดดันในเกมกีฬาประเภททีมนั้น นั่นก็คือ ‘การทำงานเป็นทีม’ นั่นเอง

โดยริเวอร์สบอกว่า เขานำแนวคิดเชิงปรัญชาของแอฟริกาที่ชื่อ Ubuntu ซึ่งเขาได้เรียนรู้อย่างบังเอิญมาปรับใช้ โดน Ubuntu นั้นแท้จริงมาจากประโยคหนึ่งในภาษาซูลูที่ว่า “Umuntu ngumuntu ngabantu” ที่แปลว่า “มนุษย์คนหนึ่งจะเป็นมนุษย์ได้ผ่านทางผู้คนอื่นๆ” หรือพูดง่ายๆ คือมนุษย์ทุกคนต่างถูกผูกมัดเข้าหากันนั่นเอง

 

EP.2: “ในการเป็นผู้นำ คุณต้องกล้าหาญ คุณต้องตัดสินใจทำสิ่งที่ยากลำบาก”

จิลล์ เอลลิส เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของผู้นำที่แสดงให้เห็นว่าการเป็นผู้นำไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งกับกีฬาที่ถูกถือครองพื้นที่และความหมายไว้กับผู้ชายมาตลอดอย่างฟุตบอลแล้วมันยิ่งเต็มไปด้วยอคติ

“Equal pay! Equal pay! Equal pay!” การเรียกร้องถึงการจ่ายค่าจ้างต่อผู้หญิงให้เท่าเทียมกับผู้ชายถูกตะโกนก้องไปทั่วสนามในเกมชิงแชมป์โลก ที่ทีมชาติฟุตบอลหญิงสหรัฐอเมริกาลงแข่งกับเนเธอแลนด์ ก่อนเอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-0 นั่นเป็นแชมป์ครั้งที่ 2 ติดต่อกันภายใต้การทำทีมของ จิลล์ เอลลิส หลังเธอเคยพาทีมคว้าแชมป์มาแล้วเมื่อปี 2015

การคว้าแชมป์ครั้งนั้นส่งให้ชื่อของ จิลล์ เอลลิส ถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ทันที แต่นอกจากผลงานอันยิ่งใหญ่ จิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของทีมผ่านการต่อสู้กับความเจ็บช้ำที่ทั้งทีมมีร่วมกัน เช่น ความเหลื่อมล้ำที่นักกีฬาเพศหญิงโดนแนวคิดแบบปิตาธิปไตยกดทับไว้มาอย่างยาวนานก็เป็นสิ่งที่เอลลิสทำได้อย่างยอดเยี่ยม

“ฉันไม่ได้ทำหน้าที่โค้ชเพื่อรักษาอาชีพของฉัน ฉันโค้ชในสิ่งที่ฉันเชื่อ”

 

EP.3: “คุณไม่สามารถได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่จากการเป็นคนดี”

คำพูดของ โชเซ มูรีนโย ในซีรีส์ชุดนี้สะท้อนบุคลิกแข็งกร่าวที่ผู้คนต่างคุ้นเคยของชายผู้เป็นสุดยอดโค้ชฟุตบอลแห่งยุคได้อย่างดีเยี่ยม เขายอมสละทุกอย่าง ยอมหักทุกกฎเพื่อชัยชนะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีความมุ่งมั่นเพียงไร

แต่แม้ว่ามูรีนโยจะดูเป็นแบดบอยสำหรับทีมอื่น หรือแม้กระทั่งนักข่าว แต่สารคดีก็สะท้อนให้เห็นว่า เขาไม่ได้เป็นแบดบอยสำหรับลูกทีม อันจะเห็นได้จากภาพสวมกอดกับลูกทีมหลายคนอย่างแนบแน่นต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในสารคดี 

ส่วนหนึ่งในปรัชญาสำคัญของเขาที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริง เมื่ออยู่กับลูกทีมที่แข็งแกร่งอยู่แล้วได้อย่างดีก็คือ

“อย่าโค้ชนักเตะ จงโค้ชทีม นักเตะรู้วิธีการเล่นอยู่แล้ว จงสอนพวกเขาว่าพวกเขาจะเล่นกับทีมได้อย่างไร”

และ

“ถ้าคุณเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่แย่ที่สุด นั่นหมายถึงคุณได้เตรียมพร้อมแล้ว”

 

EP.4: “โค้ชที่ดีต้องไม่กลัวถูกไล่ออก”

แพทริค มูราโตกลู บอกไว้แบบนั้นใน The Playbook เขาเล่าเจาะลึกไปถึงการโค้ชนักกีฬาเทนนิสชื่อดังอย่าง เซเรนา วิลเลียมส์ นักกีฬาผู้ประสบความสำเร็จมาแล้วทุกระดับ และโค้ชทุกคนควรจะหวาดหวั่น แต่มูราโตกลูกลับบอกว่า เขาต้องกล้าจะมอบประสบการณ์และแนวคิดที่แตกต่างออกไปให้แก่ลูกค้า

คงมีคนไม่กี่คนในโลกนี้ที่กล้าบอก เซเรนา วิลเลียมส์ ในวันที่เธอถามถึงเกมการเล่นของเธอว่า “อย่างแรกเลยนะ ผมคิดว่าคุณทำได้แย่กว่าที่คิด” แถมยังกล้าใช้จิตวิทยาหลอกเซเรนาในเวลาต่อมา ว่าสถิติของเธอนั้นยอดเยี่ยมแม้จริงๆ แล้วมันกำลังย่ำแย่ “คำโกหกที่ดีสามารถกลายเป็นความจริงได้”

นั่นเองที่ทำให้มูราโตกลูคุมวิลเลียมส์ได้อยู่หมัด จนผลักดันให้เธอกลับมาทวงคืนตำแหน่งมือหนึ่งของโลกได้อีกครั้ง หลังจากอันดับของเธอร่วงไปยาวนานเนื่องจากบาดเจ็บหนัก และความมั่นใจที่ลดน้อยถอยลงจากอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของตัวเอง โดยมูราโตกลูแสดงความคิดเห็นไว้อย่างเฉียบคมว่า 

“อารมณ์เป็นที่ปรึกษาที่ห่วยแตกที่สุด”

 

EP.5: “การเติบโตเกิดขึ้นนอกคอนฟอร์ตโซน”

“บ้างครั้งคุณต้องก้าวไปสู่หนทางที่ทำให้คุณรู้สึกอึดอัดที่จะทำความเข้าใจว่าที่ไหนที่คุณกำลังยืนอยู่ และที่ไหนที่คุณกำลังเดินไป” ดอว์น แสตนลี บอกไว้แบบนั้น ซึ่งแนวคิดนี้เองที่ทำให้เธอพาทีมบาสเกตบอลหญิงจากมหาวิทยาลัย University of South Carolina นาม South Carolina Gamecocks คว้าแชมป์ NCAA ครั้งแรกได้สำเร็จในปี 2017

ทว่าความสำเร็จที่แสตนลีมองนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงข้ามวัน แต่มันทั้งต้องใช้เวลา และการทำงานอย่างหนัก เธอแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ความพ่ายแพ้หลายๆ ครั้งที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่เธอคุมทีมว่า

“สิ่งที่ถูกเลื่อนออกไป ไม่ใช่ความล้มเหลว จงรักษาศรัทธาเอาไว้”

และทั้งหมดนี้คือข้อคิดบางส่วนจากยอดโค้ช 5 คนในซีรีส์สารคดีที่เรียกว่าเป็นสุดยอดสารคดีช่วยเสริมกำลังใจ พร้อมยังให้คำแนะนำที่สามารถนำไปปรับใช้ทั้งในสนาม และชีวิตประจำวันได้อีกด้วย