w©rld

‘เหรียญเงิน’ มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด

ตั้งแต่มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้ ‘เหรียญ’ เพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของในสมัยก่อนคริสต์ศักราชที่ 5 ถึง 6

ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง วัสดุที่ใช้ผลิต มูลค่า

รวมทั้งสัญลักษณ์และความหมายของภาพทั้งสองด้าน ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของแต่ละท้องถิ่น

common คัดสรร ‘เหรียญ’ สำคัญของโลก มาเล่าเรื่องราวเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่

เพื่อช่วยให้เรารู้สึกสนุกในการพกพาเหรียญกันมากขึ้น

coin
(photo: https://pixabay.com)

เหรียญ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ประเทศสหรัฐอเมริกา

coin
Photo: https://www.usmint.gov
coin
Photo: https://www.usmint.gov

เมื่อต้นปี 2019 สหรัฐอเมริกาเริ่มใช้เหรียญ 1  ดอลลาร์สหรัฐฯ แบบใหม่ที่ออกแบบในธีม ‘American Indians in the Space Program’ เพื่อยกย่องและให้ความสำคัญกับกลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกันในประเทศ โดยนำภาพบุคคลสำคัญที่มีเชื้อสายอเมริกันอินเดียนมาไว้บนเหรียญ หนึ่งในนั่นคือ ‘Mary Golda Ross’ วิศวกรหญิงสัญชาติ Cherokee (หนึ่งในเชื้อสายอเมริกันอินเดียน) คนแรก ผู้มีบทบาทสำคัญใน NASA ซึ่งเธอมีส่วนช่วยพัฒนายานอวกาศ Agena ในโปรเจกต์ Gemini ของ NASA ที่พยายามส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปนอกโลก ภาพบนเหรียญแสดงให้เห็นถึงช่วงที่ Mary Golda Ross กำลังคำนวณคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ

เหรียญ 1 เยน

ประเทศญี่ปุ่น

coin
(photo: https://coin-brothers.com)
coin
(photo: https://coin-brothers.com)

เหรียญ 1 เยนถือเป็นหน่วยเงินที่เล็กที่สุดของญี่ปุ่น ดีไซน์บนเหรียญเป็นรูปต้นไม้ที่เป็นต้นอ่อนกำลังแตกหน่อ เพื่อสะท้อนการเติบโตหรือพัฒนาประเทศอย่างมีคุณภาพ มีคำภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า ‘State of Japan’ อยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างเป็นตัวหนังสือระบุคำว่า ‘1 เยน’ ในขณะที่อีกด้านของเหรียญเป็นตัวเลข 1 เยน ตัวคันจิบอกถึงปีที่ผลิต เหรียญ 1 เยนลวดลายนี้ถูกใช้มาตั้งแต่ปี 1955 จนถึงปัจจุบัน

เหรียญ 1 ดอลลาร์ออสเตรเลีย

ประเทศออสเตรเลีย

coin
(phot: https://www.aboutaustralia.com)
coin
(photo: http://www.ngccoin.com)

ประเทศออสเตรเลียเริ่มใช้เหรียญ 1 ดอลลาร์ออสเตรเลียตั้งแต่ปี 1984 แทนแบงก์ 1 ดอลลาร์ออสเตรเลีย บนเหรียญเป็นภาพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ออกแบบโดย Ian Rank-Broadley ประติมากรชื่อดังของอังกฤษ ส่วนอีกด้านหนึ่งของเหรียญเป็นภาพจิงโจ้ 5 ตัวในท่าทางต่างๆ โดย Stuart Devlin ศิลปินและช่างฝีมือชาวออสเตรเลียน ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบลวดลายเงินและทอง ซึ่งเขามีผลงานออกดีไซน์เหรียญให้หลายประเทศทั่วโลก เขาเลือกใช้ภาพจิงโจ้บนเหรียญ 1 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เพื่อสะท้อนความเป็นสัตว์สำคัญของออสเตรเลีย

เหรียญ 1 ยูโร

ประเทศอิตาลี

coin
(photo: https://www.moneymuseum.com)
coin
(photo: https://www.moneymuseum.com)

เหรียญ 1 ยูโรที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศอิตาลี ด้านหนึ่งเป็นสัญลักษณ์เงินยูโรที่มีหน้าตาเหมือนกันทั่วโลก ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นภาพวาดชื่อดัง ‘The Vitruvian Man’ ผลงานของ Leonardo da Vinci ศิลปินคนสำคัญของอิตาลี ออกแบบโดย Laura Cretara ช่างแกะสลักหญิงชาวอิตาเลียน ผู้มีชื่อเสียงในระดับโลก เหตุผลหนึ่งที่เธอเลือกใช้ภาพ ‘The Vitruvian Man’ สำหรับบนเหรียญ 1 ยูโรของอิตาลี คือ เป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนยุคเรอเนสซองซ์หรือสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา อันเป็นช่วงเวลารุ่งเรืองของอิตาลี และงานชิ้นนี้ยังเป็นศิลปะที่มีสัดส่วนเป็นวงกลม ซึ่งเหมาะสำหรับการดีไซน์เหรียญมากที่สุด

เหรียญ 10 เซนต์ยูโร

ประเทศฝรั่งเศส

coin
(photo: https://en.numista.com)
coin
(photo: https://en.numista.com)

ด้านหนึ่งของเหรียญ 10 เซนต์ยูโรฝรั่งเศสเป็นสัญลักษณ์บอกมูลค่าเงินสกุลยูโรแบบเหรียญทั่วไป ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นภาพหญิงสาวกำลังหว่านเมล็ดพืชแห่งความโชคลาภในทุ่งนา และมีพระอาทิตย์อยู่ด้านหลังของเธอ ซึ่งคนฝรั่งเศสรู้จักหญิงสาวคนนี้ในนาม ‘La Semeuse’ หรือ ‘The Sower’ (แปลว่าคนหว่านเมล็ดพืช) ส่วนรอบๆ เหรียญล้อมรอบด้วยดาว 12 ดวง อันเป็นตัวแทนของสหภาพยุโรป ดีไซน์นี้เคยอยู่บนเหรียญเงินสกุลฟรังก์ของฝรั่งเศส ดีไซน์โดย Oscar Roty นักออกแบบเหรียญเงินสไตล์อาร์ตนูโวชื่อดังชาวฝรั่งเศส

เหรียญ 50 เซนต์ยูโร

ประเทศเยอรมนี

coin
(photo: https://coin-brothers.com)
coin
(photo: https://coin-brothers.com)

สัญลักษณ์บนเหรียญ 50 เซนต์ของเยอรมนี ที่สะท้อนตัวตนของประเทศได้อย่างชัดเจนคือ ด้านที่มีภาพ ‘ประตูชัยบรันเดินบวร์ค’ (Brandenburg Gate) เป็นประตูเมืองที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ด้วยสไตล์นีโอคลาสสิก ในอดีตบริเวณประตูชัยแห่งนี้เป็นจุดที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเยอรมนีหลายครั้ง และถือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเอกภาพและสันติภาพของยุโรป ปัจจุบันประตูชัยบรันเดินบวร์ค เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเบอร์ลิน

ไม่น่าเชื่อว่าเหรียญเงินเล็กๆ เหล่านี้ เปรียบเสมือนหนังสือประวัติศาสตร์ฉบับย่อที่ผู้หมุนเวียนกันสัมผัสทั่วโลก.

อ้างอิง: