เราจะอดอยาก ‘ถ้าโลกนี้ไม่มีผึ้ง’
ปัจจุบันมีผึ้งอยู่บนโลกประมาณ 20,000 ชนิด ทั้งผึ้งป่าที่อาศัยตามธรรมชาติและผึ้งที่เกษตรกรเลี้ยงเอาไว้ หน้าที่หลักของผึ้งคือช่วยผสมพันธุ์ให้กับพืชชนิดต่างๆ และงานของผึ้งก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทั้งระบบนิเวศดำเนินไปอย่างปกติสุข
ผึ้งจะบินไปเก็บน้ำหวานจากเกสรดอกไม้มาเก็บไว้ในรัง เป็นอาหารของตัวอ่อน ขาของผึ้งมีขนที่เรียกว่า ‘สโคปา’ (Scopa) คล้ายๆ กับตะกร้า เอาไว้เกสรดอกไม้ เวลาที่ผึ้งบินไปเก็บน้ำหวานจากดอกนั้นที ดอกนี้ที ละอองเรณูของดอกไม้ก็ติดขาของผึ้งไปผสมพันธุ์กับดอกอื่นๆ ด้วย
นอกจากผึ้งแล้ว ยังมีแมลงอีกหลายชนิดที่ทำหน้าที่นี้ เช่น ต่อ ด้วง แมลงวัน แม้แต่นกหรือค้างคาวก็มีส่วนช่วยผสมเกสรให้พืชด้วยเช่นกัน เพียงแต่ผึ้งทำงานนี้เป็นงานหลัก และเป็นนักผสมเกสรที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาแมลงทั้งหมด
ผึ้งทำงานแตกต่างกันตามสายพันธุ์ เช่น ผึ้งเมสันแดง (Red Mason bee) จะถนัดผสมเกสรให้ต้นแอปเปิ้ลเก่งกว่าผึ้งชนิดอื่นๆ ส่วน ผึ้งสวนบัมเบิลบี (Garden bumblebee) ที่มีความคล่องตัวและมีลิ้นยาวเป็นพิเศษก็แทรกตัวเข้าไปผสมให้กับดอกไม้ที่มีเกสรอยู่ลึกๆ ได้
‘ถ้าโลกนี้ไม่มีผึ้ง’ ผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นคือพืชจะขยายพันธุ์ไม่ได้ เมื่อต้นพืชเกิดไม่ได้ ก็จะส่งผลกระทบกับโลกมหาศาล เพราะ พืชผลยอดนิยมที่เราบริโภคกันเกือบทั้งหมดมีผึ้งเป็นส่วนช่วยในการผสมพันธุ์ นับว่า 1 ใน 3 ของอาหารที่เรากินทุกวันนี้ มีผึ้งเป็นตัวช่วยช่วยผลิตขึ้นมาทั้งสิ้น
‘ถ้าโลกนี้ไม่มีผึ้ง’ วิถีชีวิตของมนุษย์ก็จะเปลี่ยนไป แม้เราจะยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่จะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง เพราะนอกจากจะไม่มีพืชผักแล้ว ยังไม่มีเนื้อสัตว์ เพราะสัตว์บางชนิดยังต้องกินอาหารที่เป็นพืช เราอาจไม่มีกาแฟดีๆ ดื่ม เพราะเมล็ดกาแฟในธรรมชาติไม่มีผึ้งเป็นตัวช่วยผสมพันธุ์ แม้แต่เสื้อผ้าที่ทำจากฝ้ายก็ขาดแคลน เพราะการเติบโตของต้นฝ้ายก็มีผึ้งเป็นส่วนสำคัญ
‘ถ้าโลกนี้ไม่มีผึ้ง’ ผลิตภัณฑ์จากผึ้งก็จะหายไปด้วย ทั้งน้ำผึ้งที่เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่มีประโยชน์และแว็กซ์จากผึ้งที่ใช้เป็นส่วนประกอบของยาหลายชนิด
องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เผยว่าวิธีการผสมพันธุ์พืชของผึ้งนั้นเป็นวิธีที่ยั่งยืนที่สุดในการทำฟาร์มและเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โลกมี ความมั่นคงด้านอาหาร
ผึ้งและแมลงนักผสมชนิดอื่นๆ มีมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 150,000 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 5 ล้านล้านบาท ถ้าวันหนึ่งผึ้งหายไป เราจะต้องจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อใช้แรงงานคนหรือสร้างเทคโนโลยีมาทำงานในส่วนที่ผึ้งเคยทำให้เราฟรีๆ
สถานการณ์ของผึ้งไม่ค่อยสู้ดีนักในหลายๆ ปีให้หลัง เนื่องจากแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติถูกทำลาย สภาพอากาศร้อนขึ้น และมีมลพิษมากมายในอากาศ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้จำนวนของผึ้งลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ผลการสำรวจทำให้เห็นว่าการล็อกดาวน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังโควิด-19 ระบาด ทำให้จำนวนของผึ้งในธรรมชาติกลับมาอุดมสมบูรณ์ขึ้น เนื่องจากควันรถเบาบางลง ไม่มีรถวิ่งบนถนนอย่างที่เคย
ควันจากท้องถนนเป็นหนึ่งในตัวการที่มักจะรบกวนการหาอาหารของผึ้ง เพราะมลพิษที่ปล่อยจากรถจะทำลายโมเลกุลกลิ่นจากพืช ทำให้ผึ้งหาน้ำหวานได้ยากขึ้น การศึกษาพบว่าความเข้มข้นของโอโซนเพียงแค่ 60 ppm ซึ่งอยู่ในระดับต่ำก็รุนแรงพอที่จะส่งผลกระทบกับการออกหาอาหารของผึ้งแล้ว
เราอาจเซฟผึ้ง ได้ง่ายๆ ด้วยการปลูกดอกไม้ที่เป็นแหล่งน้ำหวานของผึ้ง ไม่ถางหญ้า ไม่ถางป่าที่เป็นบ้านของผึ้งทิ้ง แต่สิ่งที่ยั่งยืนที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ คือ การมองเห็นความสำคัญของธรรมชาติและระบบนิเวศ ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินชีวิตแบบเป็นมิตรอีกหลายๆ ด้าน ที่จะดีกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในระบบนิเวศ รวมถึง ‘ผึ้ง’ ด้วย
อ้างอิง
- Isabelle Gerretsen. Why bees are finally getting a break. https://bbc.in/3pobJvM
- Debra Rose Wilson. The importance of bees to humans, the planet, and food supplies. https://bit.ly/3C1MyTb
- Friends of the Earth. Why do we need bees?. https://bit.ly/3m01kEr