motto เท่ๆ หรือการป่าวประกาศปรัชญาองค์กรเจ๋งๆ ไม่ได้ช่วยสร้างเป้าหมายร่วมกันให้พนักงานองค์กร
สิ่งสำคัญที่ผู้บริหารจะทำให้พนักงานทุกคนมีเป้าหมายร่วมกันได้ นั้นเรียบง่ายมาก
เพียงแค่คุณต้องเข้าใจพนักงาน
ความเข้าใจอาจฟังดูนามธรรมนะครับ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อน ขอแค่คุณเข้าใจว่าพนักงานก็ต้องการมีความสุขในชีวิต และมีความสุขระหว่างการทำงาน
เช่นเดียวกับที่เราอยากมีความสุข
วิธีที่จะสร้างความฝันร่วมกันขององค์กรและพนักงาน ในฐานะผู้บริหาร คุณจำเป็นต้องถามว่าความฝันของพนักงานคนนั้นคืออะไร เพื่อจะหาจุดเชื่อมโยงระหว่างฝันของเขากับฝันของเรา
ถ้าพนักงานคนนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร การถามถึงความฝันของเขาอาจช่วยให้เราและเขาได้ร่วมค้นหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน
ถึงตรงนี้ บางคนอาจสงสัยว่าทำไมเราต้องให้ความใส่ใจกับพนักงานขนาดนั้น ถ้ายังจำได้ พนักงานคือองค์ประกอบหนึ่งของ ‘กระบวนการ’ และกระบวนการคือสิ่งสำคัญที่สุด
เพราะฉะนั้นพนักงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ
พนักงานสำคัญขนาดไหนกับองค์กร? คำถามนี้ตอบได้ 2 มุม
มุมแรก ตัวพนักงาน
โลกดิจิทัลและการพัฒนาของเทคโนโลยี โดยเฉพาะการมาถึงของ AI ระบบ Automation ที่มีทักษะสูงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเข้ามาทดแทนแรงงานคน ทำให้คนตั้งคำถามกับตัวเอง เช่น คำถามทั่วไปอย่าง ‘งานที่ทำอยู่จะถูก AI แย่งงานไหม’ สภาพสังคมยุคใหม่ได้บีบบังคับให้มนุษย์ต้องกลับมาหาคุณค่าในตัวเอง
ถ้ามนุษย์ไม่สามารถตอบได้ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร มีจุดประสงค์ใดในชีวิต สุดท้ายมนุษย์คนนั้นก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์
เพราะสิ่งเดียวที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจาก AI ก็คือ ‘ปัญญา’ ที่ไม่ได้หมายถึงความรู้ทั่วไป (เพราะกูเกิลก็รู้) แต่คือความรู้ที่ลึกกว่านั้น นั่นคือรู้ว่าทำไมเราจึงดำรงอยู่ และจะอยู่อย่างไร
กล่าวอย่างถึงที่สุด ปัญญาของมนุษย์คือการรู้จักตนเอง
มุมที่สอง ตัวองค์กร
ถ้าองค์กรมีพนักงานที่ทำงานไปวันๆ โดยไร้ความหมาย แปลว่าพนักงานคนนั้นจะย้ายงานกี่ที่ก็ได้ ถ้าได้เงินเดือนหรือผลตอบแทนเยอะขึ้น นั่นแปลว่าเป็นเรื่องยากที่พนักงานคนนั้นจะอยู่กับองค์กร ขณะเดียวกันองค์กรก็จะมี turnover สูง เปลี่ยนคนบ่อย แม้ธุรกิจจะอยู่ได้ แต่ก็จะไม่โตมากและไม่ยั่งยืน
กลับกัน ถ้าคุณเป็นองค์กรหรือผู้บริหารที่สนใจแต่ ‘ผลลัพธ์’ พนักงานจะไม่ใช่โจทย์สำคัญที่คุณให้ความสนใจ เพราะโฟกัสของคุณจะอยู่ที่การตั้งเป้าหมาย ยอดขาย และผลกำไร โดยไม่สนใจ ‘กระบวนการ’
ในการได้มาซึ่งยอดขาย ตัวพนักงานจะต้องทำงานหนักเกินไปไหม หรือจะมีความสุขหรือไม่ คุณอาจคิดว่านี่คือเรื่องที่ควรใส่ใจ แต่การพุ่งเป้าไปที่ผลลัพธ์กลับทำให้คุณหลงลืม
หรือถ้าองค์กรถึงเป้า คุณถึงเป้า แต่พนักงานไม่มีความสุขเลย คุณอาจดีใจแล้วชวนเขามาฉลอง แต่อีก 3 เดือนต่อมาพนักงานคนนั้นลาออก เพราะเขาไม่มีความสุข แล้วคนที่ออกไปคือคีย์แมนของคุณ คือเซลล์ที่ทำยอดขายได้ 50 ล้านบาท
นั่นหมายความว่าคุณต้องหาคนใหม่มาเติมยอดขาย 50 ล้านที่หายไป …อย่างนั้นหรือ?
สำหรับผม ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ควรทำเหมือน ‘ตุ่มที่น้ำไม่มีวันไหลออก’
แน่นอน คุณต้องใส่ใจและหมั่นตรวจสอบว่าตุ่มของคุณจะไม่มีรูรั่วหรือรอยร้าวที่จะเป็นเหตุให้เกิดรูรั่วในอนาคต
พฤติกรรมดังกล่าวไม่ใช่การเพ่ง ‘ผลลัพธ์’ แต่เป็นการใส่ใจ ‘กระบวนการ’
ถึงตรงนี้ ผมคิดว่าหลายคนคงจะเห็นความสำคัญของ ‘กระบวนการ’ และรู้วิธีที่จะหากระบวนการหรือทิศทางของตัวเองและองค์กรกันแล้ว
แต่ยังจำได้ไหม เมื่อตอนที่แล้วของบทความ ผมใช้คำว่า ‘กระบวนการที่ดี’ จะนำไปสู่ผลลัพธ์ หรือในทางกลับกัน ผลลัพธ์ที่ดีคือผลพลอยได้จากกระบวนการที่ดี
แล้วเราจะสร้างกระบวนการที่ดีอย่างไร?.
อ่านต่อ…
เรียบเรียง: วชิรวิชญ์ กิติชาติพรพัฒน์