ถ้า ‘ความจริงใจต่อกัน’ ทำหน้าที่เป็นสะพานทอดยาวให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปได้อย่างมั่นคง แล้วอะไรคือสิ่งตรงกันข้ามที่บ่อนทำลายความรักให้จบสิ้นลงโดยไม่เหลือเยื่อใย
คำตอบคือ ‘ความไม่จริงใจ’ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำใดๆ ด้วยความตั้งใจ ทั้งพูดโกหกคำโตเพราะต้องการปกปิดความจริงบางอย่าง พยายามเก็บความลับไว้ไม่ให้อีกฝ่ายล่วงรู้ หรือแม้กระทั่งเลือกพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงเพื่อตัดรำคาญและยุติความวุ่นวายใจไปในชั่วขณะหนึ่ง พฤติกรรมทั้งหมดนี้ ย่อมสั่นคลอนความสัมพันธ์ทุกรูปแบบได้ โดยเฉพาะในคู่รักทุกระดับความสัมพันธ์ ทั้งที่กำลังคบหาดูใจและใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว
โดยทั่วไป ทุกคนมีความลับและมีโอกาสพูดโกหกได้ตลอดเวลาเท่าที่ใจต้องการ แต่วุฒิภาวะและการเรียนรู้กฎเกณฑ์ในสังคมจะช่วยกล่อมเกลาให้เรารู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร สำหรับการพูดโกหก ไม่อาจเหมารวมได้ว่า ทุกการโกหกคือการทำผิดร้ายแรงเสมอไป เพราะอาจต้องดูจุดประสงค์และผลที่ตามมาประกอบ
หมายความว่า บางคนเลือกพูดโกหกเพราะหวังช่วยทำให้ผู้ฟังสบายใจขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ต้องการทำร้ายความรู้สึก หวังผลพลอยได้ หรือสร้างปัญหาให้ใคร การพูดโกหกลักษณะนี้จึงเรียกว่า white lie
ในทางกลับกัน หากคนคนหนึ่งปล่อยตัวเองให้พูดโกหกทุกอย่างตามอำเภอใจเพราะหวังผลประโยชน์บางอย่างจากคนอื่น พฤติกรรมเช่นนี้ย่อมสร้างความสับสนสงสัยให้คนรอบข้างต้องเบื่อหน้าหนีและตีตัวออกห่าง ด้วยความรู้สึกไม่ชอบมาพากล เพราะสัมผัสได้ว่าไม่น่าไว้ใจ เมื่อเชื่อใจไม่ได้หรือสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากใคร เท่ากับว่าผู้นั้นคืออันตรายที่อาจเป็นภัยคุกคามหรือสร้างความเดือนร้อนให้เรา
การตัดความสัมพันธ์กับคนไม่จริงใจ จึงเป็นกลไกหนึ่งจากการเรียนรู้ที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตกาลผ่านวิวัฒนาการของการเป็นมนุษย์ ซึ่งทำให้เราปลอดภัยและใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขมากกว่า
ณ จุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์เพราะผิดใจกัน ล้วนเริ่มต้นได้จากความไว้ใจอีกฝ่ายมากจนไม่คิดว่าจะถูกหักหลังหรือสวมเขา อีกกรณีหนึ่งคือ ทุกครั้งที่เกิดปัญหาและความเคลือบแคลงใจ แต่ต่างฝ่ายกลับไม่พูดหรือปรับความเข้าใจให้ชัดเจน รู้ตัวอีกทีความรักที่เคยหวังว่าจะดี ต้องแตกหักจากปัญหาที่สะสมมานานวัน ต่อให้พยายามซ่อมแซม แต่ของชำรุดที่มีรอยร้าว ย่อมไม่กลับคืนเหมือนเดิมได้อีก
หนทางหนึ่งเพื่อดูแลความสัมพันธ์ไม่ให้จบลงด้วยความไม่เข้าใจกัน คือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา หมั่นคิดถึงความรู้สึกของคู่รัก ต่างฝ่ายต่างระลึกไว้เสมอว่า ทุกการตัดสินใจว่าจะทำอะไรลงไปย่อมมีผลลัพธ์ตามมาเสมอ
เช่นเดียวกันกับการเลือกโกหกเพื่อปกปิดความผิดของตัวเองเพราะนอกใจ เมื่ออีกฝ่ายจับได้หรือรู้ความจริงเข้า ราคาที่ต้องจ่ายอาจหมายถึงความเชื่อใจที่เคยได้รับมาทั้งหมด
การแสดงความจริงใจจึงสะท้อนตัวตนได้ในหลายแง่มุม ทั้งความซื่อสัตย์และการให้เกียรติทั้งต่อตัวเองและคนรัก ที่สำคัญเมื่อเราเป็นผู้มอบความจริงใจให้ใคร นั้นเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า เราเองสมควรได้รับความจริงใจเช่นกัน เพราะความรักที่ดี เกิดขึ้นได้จากการต่างตอบแทนความรู้สึกที่ดีต่อกัน (reciprocity)
แต่ถ้าความรักกลับต้องมาสะดุดด้วยบททดสอบจากคนที่ไม่เห็นค่าความเชื่อใจ สิ่งที่เราจะทำได้ในตอนนั้น เพื่อรักษาใจไม่ให้ถูกทำร้ายไปมากกว่าเดิม คงเป็นการตัดสินใจก้าวออกมาจากความสัมพันธ์แย่ๆ อย่างไม่ต้องรู้สึกเสียดายใดๆ
อ้างอิง
- Darlene Lancer. How Secrets and Lies Destroy Relationships. https://bit.ly/39O75yO
- Roderick M. Kramer. Rethinking Trust. https://bit.ly/3cSvohd