©ulture

“ที่นี่ปิดมาปีกว่าแล้วครับ”

เจ้าหน้าที่ประจำสนามบินดอนเมืองเล่าถึงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 

เขากำลังตรวจตราดูความความเรียบร้อยท่ามกลางบรรยากาศเงียบเหงาราวที่นี่ไม่ใช่สนามบินที่เราคุ้นเคย

เคาน์เตอร์เช็กอินว่างเปล่า ช่องสายพานลำเลียงกระเป๋าหยุดนิ่ง มีเพียงพนักงานทำความสะอาดเช็ดถูไปมา กับป้ายไฟหลากสีจากบูธธนาคารไร้พนักงานที่เปิดสว่างทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ฯลฯ

ภาพเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่าอากาศยานที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ซึ่งเคยรองรับผู้โดยสารจากทั่วทุกมุมโลกมากถึง 30 ล้านคนต่อปี

บรรยากาศต่างๆ ตรงหน้า ทำให้นึกถึงคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะเปิดประเทศในอีก 120 วัน (นับจากวันที่ 16 มิถุนายน 2564)

หากวันนั้นเกิดขึ้นได้จริง มันก็น่าจะเป็นช่วงราวๆ กลางเดือนตุลาคม

ซึ่งเราทุกคนต่างก็หวังจะได้เห็นสนามบินดอนเมืองที่คุ้นเคยกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ไม่ใช่เหมือนในวันนี้ ที่ช่างดูอ้างว้าง ร้างไร้ และว่างเปล่าไม่สมกับเป็นสนามบิน

 

#PHOTOESSAY #สนามบินดอนเมือง #becommon
‘สนามบินดอนเมืองในห้วงโควิด-19’
#PHOTOESSAY #สนามบินดอนเมือง #becommon
ป้ายไฟหลากสีของเคาท์เตอร์ธนาคารที่เปิดสว่างทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า
#PHOTOESSAY #สนามบินดอนเมือง #becommon
ร้านอาหารฟาสท์ฟูดที่ต้องปิดตัวลงชั่วคราวเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
#PHOTOESSAY #สนามบินดอนเมือง #becommon
สถานที่แห่งนี้ราวกับว่าได้ถูกหยุดเวลาเอาไว้จากโรคระบาดที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลก
#PHOTOESSAY #สนามบินดอนเมือง #becommon
เคาท์เตอร์ที่ว่างเปล่าไร้พนักงาน
#PHOTOESSAY #สนามบินดอนเมือง #becommon
ช่องสายพานลำเลียงกระเป๋าที่หยุดนิ่งไม่ขยับเคลื่อนที่
#PHOTOESSAY #สนามบินดอนเมือง #becommon
ทางเดินเชื่อมอาคารผู้โดยสารที่ไร้ผู้คน
#PHOTOESSAY #สนามบินดอนเมือง #becommon
จะมีก็เพียงพนักงานที่เดินทำความสะอาดเช็ดถูไปมาท่ามกลางบรรยากาศที่ว่างเปล่า
#PHOTOESSAY #สนามบินดอนเมือง #becommon
ได้แต่หวังว่าในไม่ช้าสนามบินดอนเมืองที่เราคุ้นเคยจะกลับมามีชีวิตชีวาพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อีกครั้ง