หลังจากกลับจากต่างประเทศมาเยือนอินเดียในรอบหลายปี
หลังจากกลับจากต่างประเทศมาเยือนอินเดียในรอบหลายปี อนุษกา คุปตะ (Anushka Gupta) ก็ต้องพบกับคัลเจอร์ช็อค เมื่อเธอไม่สามารถหาซื้อยาคุมกำเนิดหรือสารหล่อลื่นตามร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านได้เลย
ว่าหาซื้อยากแล้ว พอหาซื้อได้ คนขายกลับต้องใส่ลงหีบห่อมิดชิด ใช้ถุงกระดาษทึบไม่ให้มองเห็นข้างในราวกับว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งของต้องห้ามที่ทำให้อับอายหากได้ถือเอาไว้
เธอมองว่าถึงเวลาแล้วที่อินเดียต้องเปลี่ยน ยิ่งกว่าเปลี่ยนให้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาวะทางเพศเป็นของใช้ธรรมดา ยังต้องพลิกพรมเอาเรื่องเพศออกมาพูดกันแบบไม่ต้องขัดเขินด้วย
ด้วยเหตุนี้ อนุษกา อดีตพนักงานบริษัทจึงชวน ซาฮิล คุปตะ (Sahil Gupta) ผู้เป็นสามี อดีตนักศึกษา MBA จากโรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ด มาทำแบรนด์เซ็กส์ทอย ‘MyMuse’ สตาร์ทอัพเล็กๆ ที่คิดการใหญ่อยากทลายค่านิยมเรื่องเพศแบบเดิมๆ ในอินเดีย
อนุษกาและซาฮิลเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่พูดเรื่องเซ็กส์ เหมือนครอบครัวอื่นๆ ในอินเดียที่เรื่องเซ็กส์ถูกซุกไว้ใต้พรม ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้กันในบ้าน โดยอย่างยิ่งในหมู่ผู้หญิง แม้แต่การร่วมรักของหนุ่มสาวยังคงเป็นเรื่องลึกลับ ถูกเก็บไว้ในกล่องปริศนาที่กว่าเจ้าสาวจะเปิดได้ก็ในคืนวันแต่งงานเท่านั้น
ความตั้งใจแรกของพวกเขาคือ ‘ล้างมลทินให้เซ็กส์ทอย’ บอกทุกคนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ของต้องห้าม ไม่ได้ผิดศีลธรรม แต่กลับเป็นอุปกรณ์ธรรมดาที่ใครๆ ก็มีติดบ้านไว้ได้ เพื่อทำให้เข้าถึงความสุขทางเพศได้สะดวกสบายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาอยากให้ผู้หญิงเข้าถึงความสุขทางเพศได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดบาป ให้รับรู้โดยทั่วกันว่าเซ็กส์เป็นสิ่งสวยงาม เป็นธรรมชาติ ที่ใครๆ ก็มีสิทธิ์เข้าถึงได้
ทั้งสองคนจึงออกแบบเซ็กส์ทอยดีไซน์เรียบๆ ดูเป็นมิตรกับการใช้งาน ชนิดที่เรียกได้ว่าตั้งโชว์ไว้ได้กลมกลืนกับแจกันดอกไม้ มีอุปกรณ์เพิ่มความสนุกหลายแบบไม่ว่าจะเป็นไวเบรเตอร์ เครื่องนวด เทียนหอม หรือเกมการ์ดสนุกๆ ที่จะทำให้คู่รักรู้จักกันและกันมากยิ่งขึ้น
ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างสามารถหาซื้อได้ทางออนไลน์ส่งพัสดุตรงถึงหน้าบ้าน สิ่งที่แบรนด์ใส่ใจคือการบรรจุลงหีบห่ออย่างเรียบง่ายและระบุไว้ว่าของข้างในคือ ‘เครื่องนวด’ ใช้ภาษาและก็อปปี้โฆษณาด้วยศัพท์สุภาพ อ่านแล้วรู้สึกเป็นมิตร เพื่อเชื้อเชิญให้ลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาทำความรู้จักได้อย่างไม่เขินอาย และกล้าที่จะกดสั่งซื้ออย่างไม่ลังเล
MyMuse เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีลูกค้าอยู่ทั่วทุกสารทิศ พวกเขาเผยว่าจัดส่งพัสดุไปให้ลูกค้ากว่า 200 เมืองทั่วอินเดีย เมื่อเห็นว่าธุรกิจได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากเซ็กส์ทอยแล้ว ในอนาคตอันใกล้นี้พวกเขาตั้งใจจะมีบริการที่หลากหลายขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านแฟชั่น เสื้อผ้า รวมถึงบริการให้คำปรึกษาเรื่องเพศอีกด้วย
ไม่ใช่ MyMuse เจ้าเดียวที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ในอินเดียมีอีกหลายธุรกิจเกี่ยวกับเซ็กส์ที่เติบโตขึ้นไม่แพ้กัน เช่น Gizmoswala ในมุมไบที่จำหน่าย ‘bondage kit’ หรือเชือก โซ่ แส้ กุญแจมือ สำหรับผู้มีรสนิยมทางเพศแบบ BDSM หรือ LoveTreats ซึ่งเป็นแหล่งรวมชุดชั้นในวาบหวิว ชุดนอนไม่ได้นอน และไวเบรเตอร์แบบรีโมตสำหรับคนชอบความตื่นเต้น
TechSci Research รายงานว่าในปี 2020 ตลาดเซ็กส์ทอยในอินเดีย แม้เพิ่งเริ่มต้นแต่มีมูลค่าถึง 91 ล้านดอลลาร์ (ราว 3 พันล้านบาท) และจะเติบโตขึ้น 16 เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยช่วงที่ตลาดเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดที่สุดคือช่วงล็อกดาวน์ ในปีนั้นที่เซ็กส์ทอยมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 65 เปอร์เซ็นต์
แม้เซ็กส์ทอยจะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่เมื่อพูดถึง ‘เซ็กส์ทอย’ ในประเทศอินเดียแล้ว หลายคนอาจมองเห็นภาพที่ขัดแย้ง เนื่องจากในอินเดียยังเต็มไปกลุ่มอนุรักษ์นิยมจำนวนมาก ที่ยังยึดถือค่านิยมเรื่องเพศแบบเดิมของเมื่อสัก 20 – 30 ปีที่แล้วไว้อย่างเหนียวแน่น
ค่านิยมที่ว่าเช่น การคลุมถุงชน ให้คุณค่ากับผู้หญิงที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว เซ็กส์เป็นเรื่องสกปรก จะสะอาดได้ก็ต่อเมื่อชายหญิงแต่งงานกันแล้วเท่านั้น และด้วยเหตุนั้นเซ็กส์ทอยจึงมีสถานะเป็นของต้องห้ามที่ผิดศีลธรรมไปโดยปริยาย
จากคำบอกเล่าของอนุษกา ปัจจุบันคนบางกลุ่มยังประนามคู่รักที่ไม่ได้ใช้ชีวิตตามขนบประเพณีของอินเดีย บางพื้นที่ตำรวจยังจับกุมวัยรุ่นที่แต่งตัววาบหวิวตามไนท์คลับ แม้แต่ใครก็ตามที่พยายามนำเรื่องเพศเข้าไปให้ความรู้ในโรงเรียนก็ยังถูกต่อต้านอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้นเธอเล่ากับสำนักข่าว AFP ว่าเมื่อปีที่แล้วกรมศุลกากรยึดไวเบรเตอร์และดิลโดเป็นจำนวนมากจากพัสดุที่คนสั่งซื้อในช่วงล็อกดาวน์ โดยใช้กฎหมายข้อที่ระบุไว้ว่า ‘ของเล่นที่เลียนแบบอวัยวะมนุษย์เป็นของต้องห้าม’
ในอินเดียเซ็กส์ทอยยังคงมีสถานะเป็นสีเทา ไม่ได้มีกฎหมายข้อไหนระบุว่า ‘เซ็กส์ทอย’ ผิดกฎหมายหรือถูกกฎหมายแต่อย่างใด แต่ถ้าจะผิดกฎหมายก็คงเข้าข่ายมาตรา 292 แห่งประมวลกฎหมายอาญาของอินเดีย ที่สามารถจำกัดการขาย จัดนิทรรศการ การโฆษณา การนำเข้าหรือส่งออกเซ็กส์ทอยที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความลามก อนาจาร และมีบทลงโทษที่สูงขึ้นหากมีการขาย ปล่อย หรือสะพัดไปยังบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
นั่นจึงหมายความว่าถ้าไม่ได้ละเมิดบุคคล หรือทำร้ายใคร เซ็กส์ทอยก็ไม่ได้เข้าข่ายผิดกฎหมายข้อไหน แม้จะเคยมีการยึดเซ็กส์ทอย แต่ท้ายที่สุดศาลก็ตัดสินว่าการครอบครองสิ่งนี้ไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย นั่นจึงทำให้อุตสาหกรรมเซ็กส์ทอยในอินเดียที่มีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน กำลังเติบโตตามรอยประเทศจีนซึ่งเป็นแหล่งผลิตรายใหญ่มาติดๆ
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าการเติบโตในแง่ของเศรษฐกิจคือ ผู้คนในอินเดียกำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป แม้ค่านิยมแบบเดิมจะเหนียวแน่น แต่คลื่นลูกใหม่ก็ทรงพลังไม่แพ้กัน การที่ผู้คนพูดถึงเซ็กส์ได้อย่างเปิดเผย เซ็กส์ทอยไม่ใช่สิ่งต้องห้ามอีกต่อไป ทำให้คนทุกเพศมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขทางเพศได้อย่างเท่าเทียม รวมถึงค่อยๆ เปลี่ยนให้เซ็กส์เป็นเรื่องที่ใครๆ ที่เอนจอยได้
อย่างที่อุดมการณ์ของ MyMuse ระบุเอาไว้สั้นๆ ว่า
“เราเชื่อว่าเซ็กส์คือธรรมชาติอันอัศจรรย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต…และทำให้พวกเราเป็นมนุษย์”
อ้างอิง
- AFP. New Indian ‘sex startups’ challenge old taboos. https://bit.ly/3L7Aa8G
- Vageshwari Deswal. Sex Toys: An Ethico-legal conundrum. https://bit.ly/3vu053C