การอ่านทำให้พื้นที่ของความรู้และความคิดขยับจากคับแคบเป็นขยายกว้าง จากตื้นเขินเป็นลุ่มลึก
โดยเฉพาะในโลกใบใหญ่ของ Non-Fiction หรือหนังสือสารคดีที่บอกเล่าความจริงไว้หลายแง่มุม ทุกครั้งที่เปิดหนังสืออ่าน จึงเท่ากับการออกสำรวจไปในเขตแดนใหม่ๆ ที่ไม่เคยท่องมาก่อน หรือต่อให้ท่องมาแล้วย่อมไม่ใช่เส้นทางเดิมที่เคยก้าวเดิน
เพื่ออุ่นเครื่องการอ่านก่อนถึงงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 49 becommon ตั้งใจคัดสรรหนังสือ Non-Fiction 10 เล่มจาก 10 สำนักพิมพ์ที่น่าสนใจ เพราะแต่ละเล่มนำเสนอเรื่องจริงไว้อย่างสร้างสรรค์ เป็นพื้นที่ของความรู้คู่ความสุข รอต้อนรับทุกคนมาเปิดโลกทางความคิดและความเข้าใจ
1
เมื่อโลกไม่มีเรา
(The World Without Us)
“การเปลี่ยนแปลงคือคุณลักษณ์ของธรรมชาติ
ไม่มีอะไรคงอยู่เหมือนเดิมตลอดไป”
หน้าตาของโลกทั้งใบจะเป็นอย่างไร หากเราทุกคนหายไปตลอดกาล
จากคำถามชวนคิด สู่การค้นหาสารพัดคำตอบที่เป็นไปได้อย่างแน่นอน โดยอาศัยมุมมองและองค์ความรู้วิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบายการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับธรรมชาติและสรรพสิ่งบนโลกในวันที่ทุกอย่างเป็นอิสรภาพจากการควบคุมและครอบครองของมนุษย์
ภายใน 2 วัน ทางรถไฟใต้ดินในมหานครนิวยอร์คจะจมน้ำ ภายใน 1 สัปดาห์ เตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะระเบิด ภายใน 3 ปี แมลงสาบจะสูญพันธุ์ไปจากประเทศที่มีอากาศหนาว ภายใน 10 ปี บ้านจะเริ่มผุ ภายใน 100 ปี แมวจะกลายเป็นนักล่า ภายใน 300 ปี สะพานและเขื่อนจะทรุดพัง ภายใน 500 ปี เมืองใหญ่จะกลายเป็นป่ารก ยิ่งผ่านไปนาน โลกยิ่งเปลี่ยน
เมื่อโลกไม่มีเรา จึงเป็นสารคดีในรูปแบบหนังสือที่ตั้งใจฉายภาพความต่างให้ผู้อ่านเห็นโลกในแบบที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน เพื่อกระตุ้นทุกคนตระหนักถึงการกระทำของตัวเอง เพราะทุกสิ่งที่มนุษย์สร้าง ย่อมทิ้งร่องรอยและส่งผลกระทบต่อโลกใบนี้เสมอ
ผู้เขียน: แอลัน ไวส์แมน (Alan Weisman)
ผู้แปล: สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์
สำนักพิมพ์: Salt Publishing
จำนวนหน้า: 448 หน้า
ราคา: 440 บาท (ปกอ่อน)
2
จากดับสูญสู่นิรันดร์: ส่องวิถีหลังความตายจากหลากหลายวัฒนธรรม
(From Here to Eternity: Travelling the World to Find the Good Death)
“ทำไมวัฒนธรรมของฉันเองถึงขยะแขยงความตายนัก
ทำไมเราถึงปฏิเสธที่จะสนทนากันเรื่องนี้
เราไม่ถามครอบครัวและเพื่อนๆ ว่าพวกเขาอยากให้จัดการศพอย่างไรตอนตาย”
ความตายคือฉากสุดท้ายของชีวิต แต่คนจำนวนมากกลับทำไขสือไม่อยากพูดถึง
ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป ทั้งคนที่ตายไปแล้วและคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อจัดการร่างไร้ลมหายใจให้ไปสู่สุคติ ผู้เขียนซึ่งประกอบอาชีพสัปเหร่อหญิง จึงเปิดช่อง Ask A Mortician ในยูทูบ เพื่อรณรงค์ให้คนเปิดใจกว้างรับรู้ความตายอย่างที่ควรจะเป็น นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้น
จากดับสูญสู่นิรันดร์ ชวนผู้อ่านไปสำรวจโลกแห่งความตายในวัฒนธรรมและความเชื่อที่หลากหลาย เช่น หัวกะโหลกศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวโบลิเวียนับถือและขอพร อาคารเก็บอัฐิกลางกรุงโตเกียวที่ทำให้ความตายไฮเทคขึ้นถนัดตา และชุมชนอินโดนีเซียที่ใช้ชีวิตร่วมกับร่างผู้ล่วงลับนานนับปี
นี่คือการออกเดินทางที่ไม่เหมือนครั้งไหน เพราะคือเส้นทางเปี่ยมความเป็นมนุษย์ ทั้งให้เกียรติผู้ล่วงลับ และเยียวยาใจให้ผู้สูญเสีย ส่วนจุดหมายนั้นไม่ใช่ร่างกายที่ดับสูญ หากแต่เป็นความเข้าใจหลังได้พินิจความตายในแง่มุมใหม่
ผู้เขียน: เคทลิน โดดี้ (Caitlin Doughty)
ผู้แปล: กัญญ์ชลา นาวานุเคราะห์
สำนักพิมพ์: Bookacape
จำนวนหน้า: 240 หน้า
ราคาปก: 285 บาท (ปกอ่อน)
3
ความจริงไม่ใช่อย่างที่เห็น
(Reality is not What It Seems)
“เรากำลังนับเม็ดของอวกาศที่ประกอบเป็นเอกภพ แต่ก็มีขนาดจำกัด
ที่เป็นอนันต์อย่างจริงแท้แน่หนอ คือความโง่งมงายของเรา”
ยิ่งมนุษย์มีความรู้มากขึ้นเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้ว่า รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเองน้อยลงเท่านั้น
และองค์ความรู้เดียวที่ถอนรากถอนโคนความจริงได้ถึงแก่นที่สุด คือฟิสิกส์ควอนตัม หรือเม็ดเล็กจิ๋วที่หายวับได้ ไม่อาจทำนาย ในเวลาเดียวกันบางครั้งอยู่ได้สองสถานที่ บางครั้งก็ไม่อยู่ที่ไหนเลย เป็นองค์ประกอบของทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์รู้จัก รวมถึงตัวมนุษย์เอง เป็นความจริงที่สุดเท่าที่ปัญญาของมนุษย์จะเข้าใจได้ในตอนนี้ และจะมีอยู่จริงก็ต่อเมื่อมีความสัมพันธ์กับสิ่งอื่นเท่านั้น
มนุษย์มักจะคิดว่าตัวเองอธิบายทุกอย่างได้หมดแล้ว จนกระทั่งมีเม็ดเล็กจิ๋วโผล่เข้ามาในความรู้ของมนุษย์ ความจริงของโลกย่อมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ความจริงไม่ใช่อย่างที่เห็น จะตีแผ่เม็ดเล็กจิ๋วเหล่านั้น โดยเริ่มตั้งแต่ความสงสัยแรกของมนุษย์สมัยโบราณ การตั้งคำถามถึงสรรพสิ่งบนท้องฟ้า สู่จุดกำเนิดสมการที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดแห่งศตวรรษ แล้วความอัศจรรย์มากมายในเอกภพที่ปรากฏในเล่มจะกลายมาเป็นความเข้าใจของทุกคน
ผู้เขียน: คาร์โล โรเวลลี (Carlo Rovelli)
ผู้แปล: ปิยบุตร บุรีคำ
สำนักพิมพ์: Sophia Publishing
จำนวนหน้า: 236 หน้า
ราคาปก: 265 บาท (ปกอ่อน)
4
หลุดกรอบบุคลิกภาพ
(Personality Isn’t Permanent)
“เหล็กจะอยู่ในรูปร่างไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการ ถ้าคุณมีทักษะมากพอ
และจะอยู่ในรูปร่างไหนก็ได้แต่ไม่ใช่แบบที่คุณต้องการ หากคุณมีทักษะไม่มากพอ”
บุคลิกภาพไม่ใช่สิ่งคงทนที่เป็นเหมือนเดิมตั้งแต่เกิดจนตาย
หากเคยทำแบบทดสอบบุคลิกภาพในช่วงเวลาหนึ่ง ต่อมาอาจเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ในชีวิต แล้วกลับมาทำซ้ำอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์ย่อมมีแนวโน้มว่าไม่เหมือนเดิม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเพลิดเพลินกับการค้นหาลักษณะบุคลิกภาพของตนจากแบบทดสอบต่างๆ แล้วยึดผลลัพธ์ที่ได้เป็นสรณะ ทั้งๆ ที่บุคลิกภาพเป็นสิ่งลื่นไหล และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
การรู้จักตัวเองมากขึ้นจึงเป็นที่ถูกที่ควร ส่วนการหยุดตัวเองไว้กับคำตอบบุคลิกภาพ เช่น ใช้เป็นข้ออ้างว่า ‘ทำไม่ได้หรอก มันขัดกับบุคลิก’ หรือ ‘นี่ไม่ใช่ตัวฉันเลย’ อาจเป็นดาบสองคมที่ขัดขวางโอกาสพัฒนาทักษะอื่นๆ ซึ่งเป็นโยชน์ต่อชีวิตและการทำงาน เพราะบุคลิกภาพเกิดขึ้นทั้งจากประสบการณ์ที่สั่งสมไว้และการรู้จักปรับแต่งด้วยตัวเองผ่านการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
เรื่องควรรู้และแง่คิดเกี่ยวกับบุคลิกใน หลุดกรอบบุคลิกภาพ จะทำให้ผู้อ่านเปิดกว้างตัวเองไปสู่พื้นที่แห่งการแสดงออกตัวตนใหม่ ซึ่งอาจอยู่เหนือความคาดหมายของใครหลายคน
ผู้เขียน: เบนจามิน ฮาร์ดี (Benjamin Hardy)
ผู้แปล: สาริศา กนกวรกิตต์
สำนักพิมพ์: Cactus Publishing
จำนวนหน้า: 279 หน้า
ราคาปก: 270 บาท (ปกอ่อน)
5
ถ้อยแถลงเพื่อเรา 99%
(Feminism for the 99%)
“ความหลากหลายคืออาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่เราต้องใช้เพื่อต่อสู้ในขบวนการ
หากมุ่งหวังจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้สำเร็จ”
การปลดแอกของขบวนการสตรีนิยมหรือเฟมินิสต์ที่ชูธงอัตลักษณ์และการแสดงออกของผู้หญิง มักติดหล่มอยู่ตรงอภิสิทธิ์ของชนชั้น รวมถึงเป็นการต่อต้านที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนโครงสร้างทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เท่าเทียมกันตั้งแต่แรก
ถ้อยแถลงเพื่อเรา 99% ต้องการบอกว่า ขบวนการเฟมินิสม์ต้องมีลักษณะต่อต้านทุนนิยม มุ่งเน้นแนวคิดเชิงสังคมนิยม และต่อต้านการเหยียดผิว ใจความหลักของ F99 (Feminism of the 99%) จึงเป็นการขับเคลื่อนขบวนการความเท่าเทียมทางเพศที่ดับเครื่องชนปัญหาเชิงโครงสร้างซึ่งกดทับบรรดาผู้หญิงและคนชายขอบส่วนมาก (99%) บนโลก (ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้หญิงเก่งที่ถือการแสดงออกบนอภิสิทธิ์บางอย่าง)
หนังสือเล่มนี้คือสุ้มเสียงในรูปแบบถ้อยแถลงที่พูดถึงบรรดาแรงงาน ณ ฐานล่างของโครงสร้างทางสังคมอย่างตรงไปตรงมา และชวนให้ขบคิดถึงรากว่า เมื่อพูดถึงเฟมินิสม์ในปัจจุบัน เท่ากับกำลังพูดถึงขบวนการเพื่อใครอยู่บ้าง
ทางสำนักพิมพ์ยังแผยแพร่เนื้อหาฉบับเต็มภายใต้ขอบเขตของข้อตกลงครีเอทีฟคอมมอนส์ สามารถเข้าอ่านได้ที่ ถ้อยแถลงเพื่อเรา 99% | Feminism for the 99%
ผู้เขียน: ชินเซีย อารุซซา (Cinzia Arruzza), ติถี ภัฏฏาจารย์ (Tithi Bhattacharya), แนนซี่ เฟรเซอร์ (Nancy Fraser)
ผู้แปล: อรชร ดำรงจิตติ, พริม มณีโชติ
สำนักพิมพ์: ซอย | soi
จำนวนหน้า: 96 หน้า
ราคาปก: 270 บาท (ปกอ่อน)
6
หลังบ้านคณะราษฎร : ความรัก ปฏิวัติ และการต่อสู้ของผู้หญิง
“บางครั้งผู้หญิงและการกระทำของผู้หญิงถูกมองไม่เห็น
ทั้งๆ ที่พวกเธออยู่แนวหน้าด้วยซ้ำ”
ใครก็ตามที่คิดว่า พื้นที่การเมืองไม่ใช่เรื่องของผู้หญิง หรือผู้หญิงไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง นอกจากเจ้าของความคิดจะตกเป็นทาสให้ระบอบปิตาธิปไตยแล้ว ยังบิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ด้วยตาที่มืดบอดเพราะอคติเหยียดเพศด้วย
ในหน้าประวัติศาสตร์การปฏิวัติ พ.ศ. 2475 ตามการรับรู้ทั่วไป ตัวตนของคณะราษฎรได้รับการบันทึกและจดจำผ่านบทบาทผู้ชาย ทั้งในฐานะผู้ก่อการล้มสมบูรณาญาสิทธิราชย์จนนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่นั่นเป็นเพียงหน้าฉากเท่านั้น
เพราะการเคลื่อนไหวของคณะราษฎรที่เป็นทั้งผู้ชายและสามีจะไม่สำเร็จเลยหากไร้ผู้หญิงที่เป็นภรรยา ซึ่งถูกซ่อนบทบาทไว้เป็นเงาตามหลัง คอยให้คำปรึกษา สร้างเครือข่ายการเมือง ทำธุรกิจหารายได้เลี้ยงครอบครัว เจรจาต่อรอง รวมถึงช่วยเหลือสามีในยามต้องเผชิญภัยทางการเมือง
หลังบ้านคณะราษฎร เป็นหนังสือที่ต้องการยืนยันพื้นที่ให้ผู้หญิงประกาศตัวตนเพื่อพิสูจน์ว่า หลังบ้านที่คณะราษฎรอาศัยหลับนอนร่วมชายคากับภรรยานั้น สัมพันธ์กับการปฏิวัติ การสร้างชาติ และการสร้างประชาธิปไตย
ผู้เขียน: ชานันท์ ยอดหงษ์
สำนักพิมพ์: มติชน
จำนวนหน้า: 384 หน้า
ราคาปก: 330 บาท (ปกอ่อน)
7
อย่ายอม
(Untamed)
“ชีวิตนี้เป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว
ฉันจึงเลิกถามหาหนทางชีวิตจากคนอื่น เพราะพวกเขาไม่เคยมาที่นี่”
คนดังอย่างแอนน์ แฮททาเวย์ (Anne Hathaway) และอะเดล (Adele) เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วทั้งคู่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สิ่งที่อยู่ใน อย่ายอม สร้างแรงสั่นสะเทือนในใจ ทำให้พวกเธอเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง
เพราะคนเรามักไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกขัง จนกว่าจะใช้ใจมองไปรอบๆ จึงจะเห็นคุกและโซ่ตรวนแห่งความสมบูรณ์พร้อม คอยกักขังผู้คนให้เป็นทุกสิ่งที่ใฝ่ฝัน ยกเว้นอย่างเดียวคือเป็นตัวเอง
นี่คือเรื่องราวการแหกกรงขังของผู้หญิงคนหนึ่งที่บอกเล่าความลื่นไหลทางเพศได้อย่างลึกซึ้งและกลมกล่อม ทำลายมายาคติทางเพศที่ล้าสมัย และมอบความหมายใหม่ให้คำว่าครอบครัว เพื่อกลับคืนสู่ป่าบริสุทธิ์ของใจ ไร้กรอบ ไร้เพศ ไร้การตัดสิน
แม้จะเป็นเรื่องราวของผู้หญิง แต่คนอ่านทุกเพศย่อมได้ประโยชน์จากวิธีการสื่อสารกับตัวเอง รับฟังตัวเอง และปลดปล่อยตัวเอง โดยใช้สิ่งเดียวที่จำเป็นและสำคัญที่สุดคือ ความรู้สึก
ผู้เขียน: เกลนน็อน ดอยล์ (Glennon Doyle)
ผู้แปล: K.D.
สำนักพิมพ์: Amarin HOW-TO
จำนวนหน้า: 326 หน้า
ราคาปก: 345 บาท (ปกอ่อน)
8
Accidentally Wes Anderson
“ดินแดนแห่งมนตร์ขลังซึ่งสิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลับเป็นไปได้
ความชรากลับอ่อนวัย ขนาดเล็กกลายเป็นใหญ่
บนกลายเป็นล่าง ล่างกลายเป็นบน”
จากภาพถ่ายในอินสตาแกรม @accidentallywesanderson ที่เริ่มต้นด้วยความคลั่งไคล้ของแฟนหนังช่างเที่ยว กลายเป็นจุดสนใจให้คนจำนวนมากกว่าล้าน ซึ่งชอบสิ่งเดียวกันมากดติดตาม สู่หนังสือเล่มพิเศษที่ไม่ใช่แค่การรวบรวมภาพถ่าย
เพราะเบื้องหลังภาพสุดประทับใจคือเรื่องราวของสถานที่และผู้คนที่มีอยู่ในโลกความเป็นจริง เสมือนหลุดมาจากโลกในภาพยนตร์ของเวส แอนเดอร์สัน ซึ่งเป็นสุนทรียะแบบเดียวกับที่ฉากและการออกแบบองค์ประกอบศิลป์ในภาพยนตร์ตั้งใจมอบให้เป็นอาหารตากับผู้ชม
แต่แตกต่างกันตรงที่ Accidentally Wes Anderson ทำหน้าที่เพิ่มเติมเป็นหนังสือนำเที่ยว พร้อมพาผู้อ่านเดินทางลัดเลาะไปทั่วทุกมุมโลก เพื่อชื่นชมสิ่งปลูกสร้างที่บังเอิญพบเจออย่างไม่ตั้งใจ แต่กลับทำให้คิดถึงภาพภาพยนตร์ของแอนเดอร์สันได้ทุกครั้งที่มอง ตั้งแต่แผงขายแพนเค้กในอุทยานแห่งชาติเคอร์คา โครเอเชีย ไปจนถึงความงามที่ชวนขนหัวลุกของแกรนด์ โอเปราเฮาส์ในรัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา
ช่างเป็นความบังเอิญที่มีสไตล์โดดเด่นเสียจริง
ผู้เขียน: วอลลี โควัล (Wally Koval)
ผู้แปล: ปิยบุตร หล่อไกรเลิศ
สำนักพิมพ์: broccoli
จำนวนหน้า: 368 หน้า
ราคาปก: 800 บาท (ปกแข็ง)
9
THE PEOPLE
เรื่องเล่า ‘คน’ เปลี่ยนโลก
“คนทุกคนต่างมีเรื่องเล่าเรื่องราวเป็นของตัวเอง
อาจจะสนุก เศร้า รันทด เป็นโศกนาฏกรรม หรือสุขนาฏกรรม
สุดแท้แต่รอยทางที่แต่ละคนได้พบเจอ”
ที่ชีวิตและโลกดีขึ้น ส่วนสำคัญเป็นเพราะว่าใครบางคนมุ่งมั่น เพียรพยายาม และอุทิศตนทำสิ่งเล็กๆ จนกลายเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ แล้วผลความสำเร็จก็ได้ผลิกฟื้นชีวิตของใครหลายคน และทำให้โลกใบนี้น่าอยู่กว่าเดิม
บทความคัดสรรทั้ง 20 เรื่องภายใน THE PEOPLE เรื่องเล่า ‘คน’ เปลี่ยนโลก จึงเป็นมากกว่าประวัติหรือการบอกเล่าจุดเปลี่ยนชีวิตของใครบางคน เพราะเป็นทั้งแรงบันดาลใจให้คนตัวเล็กๆ ลงมือทำบางสิ่งบางอย่างซึ่งเปลี่ยนแปลงโลกได้เสมอ และเป็นอนุสรณ์ว่าทุกเรื่องราวของพวกเขาควรค่าแก่การบันทึกและจดจำ
เช่น ‘วิลเลียม คัมแควมบา’ เด็กชายผู้สร้างกันหันลมจากขยะให้น้องสาวได้อ่านหนังสือตอนกลางคืน ‘โจเซฟีน ค็อกแรน’ ปาร์ตี้เกิร์ลผู้เบื่อหน่ายงานบ้าน สู่การประดิษฐ์เครื่องล้างจานเครื่องแรกของโลก ‘มารี โคลวิน’ ตำนานนักข่าวหญิงแกร่ง ผู้ฉายแสงแด่เหยื่อสงครามทั่วโลก ‘หวง หย่ง ฟู่’ ทหารผ่านศึก ผู้ใช้สีและพู่กันปกป้องหมู่บ้านที่กำลังจะถูกทำลาย
ทุกเรื่องเล่าโดยทีมนักเขียนจากเว็บไซต์ The People ผู้เชื่อว่าทุกคนบนโลกมีเรื่องราวที่น่าสนใจ
ผู้เขียน: ทีมนักเขียน The People
สำนักพิมพ์: Loupe Editions
จำนวนหน้า: 176 หน้า
ราคาปก: 215 บาท (ปกอ่อน)
10
เซเปียนส์ ประวัติศาสตร์ฉบับกราฟิก เล่ม 1
(Sapiens: A Graphic History: The Birth of Humankind Vol. 1)
“ความจริงก็คือพวกมนุษย์ยุคแรกๆ ไม่มีอะไรพิเศษเลย ยังเป็นเหมือนสัตว์ทั่วๆ ไป
ที่ไม่ได้ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมมากไปกว่าบาบูน หิ่งห้อย หรือแมงกะพรุน
ไม่มีสัญญาณใดๆ ว่าวันหนึ่งมนุษย์จะยึดครองและเปลี่ยนแปลงโลก”
แสนปีที่แล้ว เคยมีมนุษย์ถึง 6 สายพันธุ์อาศัยอยู่รวมกับบนโลก แต่ทุกวันนี้กลับเหลือเพียงสายพันธุ์โฮโมเซเปียนส์ แล้วมนุษย์สายพันธุ์อื่นหายไปไหน
เซเปียนส์ ประวัติศาสตร์ฉบับกราฟิก นำเสนอภาพการ์ตูนประกอบเนื้อหาที่ดัดแปลงมาจากหนังสือ ‘เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ’ โดยเล่าเรื่องราวย้อนกลับไปยังจุดกำเนิดของวานรที่ไม่สลักสำคัญ และวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์ เรื่อยมาจนเป็นมนุษย์
ผู้เขียนสวมบทบาทมัคคุเทศก์ เพื่อพาผู้อ่านย้อนเวลากลับไปยังจุดเริ่มต้นที่ดิบเถื่อน และเพื่อไม่ให้กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อชวนหลับ แต่ละบทตอนจึงถ่ายทอดเนื้อหาผ่านรูปแบบรายการเกมโชว์ ผลงานชิ้นเอกของศิลปะสมัยใหม่ หรือแม้กระทั่งภาพยนตร์เหตุฆาตกรรมด้วยอารมณ์ขันและตลกอย่างร้ายกาจ
ทั้งหมดนี้หวังท้าทายมนุษย์ปัจจุบันให้ทบทวนความคิดใหม่ เชื่อมโยงพัฒนาการในอดีตเข้ากับปัญหาต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ เป็นข้อคิดที่มนุษย์ต้องเรียนรู้จากเส้นทางอันยาวนานของตัวเอง
ผู้เขียน: ยูวัล โนอาห์ แฮรารี (Yuval Noah Harari)
ผู้แปล: ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์
สำนักพิมพ์: ยิปซี
จำนวนหน้า: 256 หน้า
ราคาปก: 395 บาท (ปกอ่อน)
งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 49 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 19
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ทำให้คณะผู้จัดตัดสินใจเลื่อนงานฯ ออกไปก่อน
ติดตามกำหนดการใหม่ได้ทาง Thai Book Fair