©ulture

ความเจ็บป่วยนั้นอาจรักษาได้ด้วยยา แต่สำหรับ ‘การจากลา’ มีบางคนเลือกที่จะรักษาด้วยบทกวี

ในเดือนมิถุนายนที่ฝนทำท่าจะตกอยู่เรื่อย มีชายคนหนึ่งกำลังเขียนบทกวีเพื่อเยียวยาตัวเองจากความเจ็บปวดของการจากลา

ตุล ไวฑูรเกียรติ คือชายคนที่เรากำลังพูดถึง หลายคนรู้จักเขาในนามนักร้องนำวง อพาร์ตเมนท์คุณป้า วงดนตรีที่จับเอาบทกวีมาใส่ท่วงทำนองและอุทิศให้กับทุกความสัมพันธ์มาตั้งแต่ยุค 90s

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

แต่เมื่อใช้ชีวิตมาถึงช่วงเวลาหนึ่ง จนได้สัมผัสกับรสชาติของการพลัดพราก ซึ่งเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับทุกความสัมพันธ์ในชีวิตมนุษย์ เขาได้นำเอาความรู้สึกและประสบการณ์ที่สั่งสมจากปรากฏการณ์ครั้งนั้น มาบรรจงเขียนเป็นบทกวีมากมาย

 

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

หนึ่งในจำนวนนั้นคือบทกวี 26 บทที่กำลังจัดแสดงอยู่ในนิทรรศการ X the Xhibition

“บทกวีมีหน้าที่เชื่อมต่อความจริงกับความลวง โดยทำให้อักษรเป็นพยานแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากความรัก โลภ โกรธ หลง บทกวีคือประตูที่เปิดพาให้เราพบกับความเป็นไปได้ในความสิ้นหวัง เป็นดั่งยารักษาโรคที่เยียวยาจิตใจด้วยการเปลี่ยนความเศร้าหมองให้เป็นความงามทางภาษา ที่จะกระตุ้นให้เกิดการปรับตัวทางจิตวิญญาณและกระตุ้นสัญชาติญาณจากการเอาตัวรอดจากอุบัติเหตุทางอารมณ์” ตุลเล่าถึงนิยามที่เขามีต่อบทกวี

 

ตุลเชื่อว่าบทกวีเป็นเรื่องของมนุษย์ทุกคน เพราะพวกเรานั้นมีความเป็นกวีอยู่ในตัวเอง โดยเขาสังเกตจากคำคมที่มักติดอยู่หลังรถสิบล้อ ที่พวกเรามักจะเล่นสนุกกับถ้อยคำเหล่านั้น บางคำอาจอ่านแล้วดูตลกร้าย แต่นั่นก็เป็นวิถีการเยียวยาตัวเองในรูปแบบหนึ่งของมนุษย์

 

 

จากบทกวีที่เคยโลดแล่นอยู่ในกระดาษบางๆ และในบทเพลง ตุลแปลงบทกวีเหล่านั้นให้กลายมาเป็นชิ้นงานศิลปะ ที่เกิดขึ้นจากการตั้งคำถาม ขบคิด และตีความ โดยสโลว์โมชั่น ดีไซน์สตูดิโอที่ฝากลายเซ็นที่แสดงถึงตัวตนอันชัดเจนไว้ในผลงาน

 

เพราะบทกวีของตุลเต็มไปด้วยสีสันที่แฝงอยู่ในระหว่างบรรทัดไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หวานซึ้ง เหงา เศร้า ตลกร้าย จิกกัด หรือเปรียบเปรยความรักกับการเมือง สโลว์โมชั่นจึงสะท้อนออกมาเป็นงานศิลปะที่แปลกตาได้หลายรูปแบบ ทั้งยังเต็มไปด้วยเทคนิคอันแพรวพราว ไม่ว่าจะเป็นงานปักบนผ้าแคนวาส เซรามิก การตัดต่อเสียง หรือวีดีโอ

เช่น Liberation x Kob Kor.Bor.Vor ชิ้นงานที่เนรมิตให้มุมมืดๆ กลายเป็นห้องที่เต็มไปด้วยลายมือของกวีที่กำลังขีดเขียน ผ่านเทคนิคฉายภาพกระทบลงบนผนัง หรือชิ้นงานชื่อ พี่ชาย ที่นำบทกวีมาเขียนลงบนสูจิบัตรเก่าๆ และสายรัดข้อมือเด็กแรกเกิด 

งานแต่ละชิ้นของพวกเขาล้วนแต่เป็นการนำเอาความหมายที่ซ่อนอยู่ในบทกวีตีความออกมาได้อย่างสนุกสนาน

ในฐานะผู้เยี่ยมชม เมื่อได้เดินอ่านบทกวีและพินิจงานศิลปะตั้งแต่ชิ้นแรกจนถึงชิ้นสุดท้าย ก็ทำให้มองเห็นว่า บทกวีนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่เข้าถึงยากเลยแม้แต่น้อยอย่างที่ตุลได้บอกกับพวกเรา เพราะทุกข้อความล้วนกระตุ้นภาพของการจากลาในความทรงจำส่วนตัวย้อนกลับขึ้นฉายซ้ำในหัวอีกครั้ง และอาจทำให้เราค้นพบความหมายบางอย่างในแบบฉบับของตัวเอง 

 

และหนึ่งความหมายที่ได้จากการเดินชมนิทรรศการวันนั้นคือ บทกวีอาจเป็นเหมือนการพูดอ้อมค้อมที่งดงาม แม้บางครั้งเราจะหวังให้คนนั้นพูดกันตรงๆ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ที่แสนยุ่งยากก็ตาม 

แต่บางครั้งเราก็เป็นคนที่เขียนข้อความแสนวกวนนั้นขึ้นมา เพื่อเยียวยาตัวเอง

และเพื่อหวังว่าใครสักคนจะเข้าใจความหมายที่อยู่ระหว่างบรรทัดนั้นบ้าง

บทกวีที่เคียงคู่มากับงานศิลปะของตุล ไวฑูรเกียริตและสโลว์โมชั่น ดีไซน์ สตูดิโอ จะจัดแสดงอยู่ที่ Woof Pack Bangkok ศาลาแดง ซอย 1 ตั้งแต่วันนี้ – 16 กุมภาพันธ์ 2563