life

หลายคนรู้จัก อิ้งค์ – วรันธร เปานิล ในฐานะศิลปินสาวเสียงใส ผู้ฝากเสียงร้องเพราะๆ เคล้าดนตรี Synth-pop ไว้ให้กับยุคสมัย ซึ่งทำให้เธอมีแฟนเพลงคอยติดตามอย่างล้นหลาม

ใครที่ฟังเพลงของอิ้งค์แล้วรู้สึกชื่นใจก็ไม่แปลก เพราะเธอตั้งใจอยากจะส่งพลังงานดีๆ ผ่านบทเพลงไปยังคนฟังอยู่เสมอ นั่นทำให้อิ้งค์มักจะหาเวลาผ่อนคลาย นอนให้อิ่ม กินของอร่อยให้หัวใจพองโต ยิ่งไปกว่านั้นเรายังชวนเธอมาเปิดกระเป๋าดูว่ามีไอเท็มไหนบ้างที่อิ้งค์ต้องพกติดกระเป๋าไว้ เพราะนี่คือเบื้องหลังที่ทำให้เธอสดใสและมีพลังล้นเหลืออยู่เสมอ

สเปรย์แอลกอฮอล์ และ กระเป๋าใส่บัตรสีแดง

สมาชิกใหม่ในกระเป๋าผ้าของอิ้งค์

ในเอ็มวีเพลง ‘สายตาหลอกกันไม่ได้’ อิ้งค์ปรากฏตัวในลุคสบายๆ สะพายกระเป๋าใบเล็ก พร้อมไปออกเดต เธอใช้กระเป๋าหลายแบบเปลี่ยนไปตามโอกาส แต่ใบโปรดที่สุดเห็นจะเป็นกระเป๋าผ้าสีขาวใบใหญ่ที่มีช่องเล็ก ช่องน้อย เหมาะสำหรับวันทำงานเพราะจุของได้เยอะแยะ จนเหมือนจะหยิบออกมาได้เรื่อยๆ

เดาไม่ผิด ชิ้นแรกที่อิ้งค์หยิบออกมาคือ สเปรย์แอลกอฮอล์ขนาดพกพา สำหรับทำความสะอาดมือ และ กระเป๋าใส่บัตรสีแดง ที่มีบัตรจุข้างในแน่นขนัด เป็นของสองสิ่งที่เพิ่งปรากฏในกระเป๋าของเธอเมื่อปีสองปีให้หลังมานี้

“สีแดงเป็นสีนำโชคของอิ้งค์ ที่ใช้กระเป๋าสีแดงเพราะรู้สึกถึงความเฮง เป็นความเชื่อส่วนตัวว่าเวลาใส่สีแดงจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้น และที่บ้านก็เป็นคนจีนด้วย แม่บอกว่าอิ้งค์ถูกโฉลกกับสีแดง หลังจากนั้นทุกอย่างที่เป็นของเราก็เป็นสีแดงหมดเลย รถคันแรกก็สีแดง กระเป๋าสตางค์ก็สีแดง คีย์บอร์ดที่อิ้งค์เล่นบนเวทีก็สีแดง”

อิ้งค์พูดไปยิ้มไป ก่อนเล่าต่อว่าก่อนหน้านี้เธอพกแค่กระเป๋าเงินธรรมดา แต่เดี๋ยวนี้เลิกพกเงินสดและสแกนจ่ายด้วยมือถือเพียงอย่างเดียวแล้ว พลางนึกออกอีกอย่างหนึ่งว่ามือถือเองก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เธอพกติดตัวตลอดเช่นกัน

ไม่ใช่แค่ของในกระเป๋าเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่วันหนึ่งวันของอิ้งค์ก็เปลี่ยนด้วยเช่นกัน หลังจากที่ไม่ได้ออกไปทัวร์คอนเสิร์ตบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน เธอยังเริ่มต้นวันเหมือนเดิมด้วยมื้อเช้าง่ายๆ และกาแฟหนึ่งแก้ว แต่ต่างออกไปตรงที่ตอนนี้เธอมีกิจกรรมที่ทำกับครอบครัวมากขึ้นกว่าเดิม

“ช่วงเช้าจะได้ช่วยคุณแม่ทำงานบ้าน ช่วยดูแลคุณย่าก่อน แล้วค่อยเข้าสู่การทำงานของตัวเอง บางวันจะอัดเพลง บางวันก็ทำเดโม บางวันก็ประชุมงาน ช่วงนี้รับหน้าที่ทำอาหารให้ที่บ้านด้วย พอออกไปทานอาหารนอกบ้านไม่ได้ สมาชิกในบ้านเลยสับเปลี่ยนกันว่าวันไหนจะทำอะไรทานบ้าง บางวันก็เป็นคุณแม่ทำ บางวันก็เป็นอิ้งค์ทำ ช่วยกันดูแลบ้านเพราะว่าเราอยู่บ้านมากขึ้น”

อิ้งค์เล่าให้ฟัง ก่อนที่เธอจะหยิบของชิ้นต่อไปขึ้นมา แล้วเล่าย้อนไปถึงก่อนหน้าที่เธอยังได้พกความสดใสใส่กระเป๋าออกไปสูดอากาศข้างนอก

 

กล้องฟิล์มตัวเก่ง

ไว้เก็บทุกโมเมนต์ประทับใจ

หากบังเอิญเจออิ้งค์หลังเวทีคอนเสิร์ต ในช่วงที่พอมีเวลาว่างๆ ก่อนแสดง เราคงเห็นว่าเธอมักจะนั่งเฉยๆ พักผ่อนเก็บแรง หาอะไรเย็นๆ ดื่มให้สดชื่น หรือชวนคนข้างๆ คุยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่หากว่าตอนนั้นบังเอิญเป็นช่วงที่แสงของวันสวยเป็นพิเศษ เราคงเห็นอิ้งค์หยิบกล้องฟิล์มดิจิทัลตัวเก่งขึ้นมาเก็บภาพตรงหน้าเอาไว้แน่ๆ

ของชิ้นต่อมาที่เธอหยิบขึ้นมาอวดคือ กล้องฟิล์ม ขนาดกะทัดรัด พร้อมฟิล์ม 1 ม้วน

“จะพกกล้องตัวนี้สลับกับอีกตัวตลอด แล้วก็จะพกฟิล์มไปด้วย ไปเจอกล้องตัวนี้ที่เกาหลีและตัดสินใจซื้อเลยเพราะสภาพยังดี ที่ชอบเพราะกล้องตัวนี้มันฉลาด เป็นออโต้โฟกัส อิ้งค์ใช้เลนส์มือหมุนไม่ค่อยเก่ง แต่ตัวนี้มันใช้ง่ายแล้วก็ขนาดเล็กเลยพกไปด้วยทุกที่”

“เวลาเห็นอะไรก็หยิบมาถ่ายได้เลย ถ้าตรงไหนแสงสวย แล้วมีพี่ทีมงานอยู่ตรงนั้นด้วยก็จะรบกวนให้พี่มาถ่ายให้ ที่ชอบรูปฟิล์มเพราะรู้สึกว่ามันบันทึกความทรงจำได้ดี เวลาหยิบมาถ่าย เวลาเก็บภาพไว้ มันให้ความรู้สึกไม่เหมือนกล้องดิจิทัล” อิ้งค์บอกพร้อมโชว์กล้องให้เราดูไปพลาง

เชื่อแล้วว่าสายตามันหลอกกันไม่ได้ เรารู้ได้เลยว่าเธอชอบกล้องตัวนี้แค่ไหน ก็ตอนที่ดวงตาของเธอเป็นประกายตลอดเวลาตอนพูดถึงสิ่งตรงหน้า

เธอมักจะอัพโหลดภาพถ่ายจากกล้องฟิล์มลงบนอินสตาแกรมส่วนตัว (@inkwaruntorn) เสมอ ทั้งภาพคนที่เธอถ่ายและภาพถ่ายที่มีเธอ ใครที่อยากชมภาพจากกล้องตัวที่เธอเล่า ลองคลิกไปดูแฮชแท็ก #Inksfilm ได้เลย

 

ลิปมัน น้ำหอม แว่นกันแดด

 เตรียมตัวและหัวใจให้พร้อมสำหรับทุกโชว์

เธอวางกล้องฟิล์มตัวเก่งอย่างระมัดระวัง และหยิบของชิ้นต่อๆ ไปขึ้นมา

ชิ้นแรกคือ แว่นตากันแดดทรงนักบิน ไอเท็มจำเป็นสำหรับวันที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ตามด้วย ขวดน้ำหอม กลิ่นที่เธอชอบ และ ลิปมัน สำหรับเติมปากระหว่างวัน นี่เป็นของ 3 ชิ้นที่อิ้งค์จะพกไว้เพื่อให้ตัวเองพร้อมเสมอกับทุกการทำงาน

“ถ้าไม่ใช่งานใหญ่ งานโฆษณา หรือคอนเสิร์ตใหญ่ก็จะแต่งหน้าเองทุกงานเลย ตอนแรกแต่งไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่แต่ว่าฝึกไปเรื่อยๆ เพราะพอมาเป็นศิลปินก็ต้องมีสกิล เวลาไปต่างจังหวัดก็ต้องดูแลตัวเองได้ ปกติเป็นคนไม่เติมหน้าระหว่างวันเลย ยกเว้นลิปมันที่หยิบมาทาบ้างเพราะเป็นคนที่ปากแห้งมาก”

นอกจากจะตระเตรียมเสื้อผ้า หน้า ผมให้พร้อมกับทุกโชว์แล้ว สำหรับอิ้งค์เธอยังเตรียมใจให้พร้อมทุกครั้งก่อนจะขึ้นไปร้องเพลงด้วย

“การเป็นนักร้อง ในแต่ละโชว์ของเรามันขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจและร่างกายในตอนนั้นมากๆ จะต้องดูแลสุขภาพกายและดูแลสุภาพใจของเราให้ผ่อนคลาย ให้รู้สึกว่าเราไม่เครียดตอนขึ้นเวที เพราะหน้าที่ของเราคือไปมอบความสุขให้คนดู ถ้าเราเครียดคนดูก็จะรู้สึกว่าเราไม่เต็มที่ เราเลยต้องเต็มที่ตลอดเวลา ทำร่างกายและจิตใจของเราให้สดใสตลอดเพื่อที่จะมอบความสุขให้กับทุกคนได้”

ก่อนที่จะเดินทางมาถึงของ 2 ชิ้นสุดท้าย อิ้งค์เล่าต่อว่ามีบางช่วงที่เธอทัวร์คอนเสิร์ตข้ามจังหวัดติดกันหลายวันจนพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้บางครั้งร่างกายก็ไม่พร้อม และทำให้ขึ้นเวทีไปมอบความสุขผ่านเสียงเพลงได้ไม่เต็มที่ หลังจากนั้นเธอจึงตั้งใจดูแลทั้งกายและใจให้พร้อมเสมอมา และมักจะหาเวลาว่างให้ตัวเองได้ผ่อนคลายด้วย

นอกจากถ่ายภาพแล้ว อิ้งค์ยังชอบดูซีรีส์ ดูหนัง และฟังเพลง ซึ่งปกติจะฟังจากสตรีมมิง แต่ถ้ามีเวลาหน่อยก็จะหยิบแผ่นเสียงมาเปิดฟังไปเรื่อยๆ ความลับที่เธอเพิ่งบอกเราตอนที่พูดถึงเรื่องเพลงก็คือ ไม่ได้มีแค่แฟนๆ เท่านั้นที่ฟังเพลงของเธอซ้ำๆ แต่เธอเองก็ฟังเพลงตัวเองวนไปวนมาเช่นกัน

“จริงๆ ฟังเพลงหลายแนวมาก จะฟังของต่างประเทศค่อนข้างเยอะ แต่สำหรับช่วงนี้ที่ฟังบ่อยจริงๆ เลยคือเพลงตัวเองที่กำลังทำอยู่ เพราะอิ้งค์กำลังเตรียมตัวจะไปอัดเสียง ก็เลยต้องทำการบ้าน ต้องโฟกัสกับเพลง หาวิธีการร้อง” อิ้งค์บอกกับเรา

นอกจากฟังเพลงแล้ว เวลาเครียดๆ สิ่งหนึ่งที่เยียวยาเธอได้เสมอคือการคุยกับคน

“ถ้าเป็นวันที่ไม่สบายใจ อิ้งค์จะชอบคุยกับคน ระบายกับคน คุยกับเพื่อน คุยกับพี่ทีมงาน แชร์ประสบการณ์ แชร์ความเครียด แล้วเวลาเครียดจนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ก็จะต้องไปหาอะไรกิน เลยจบด้วยการกินของอร่อยๆ หรือดื่มอะไรที่ทำให้ตัวเองสดชื่น แล้วมันจะช่วยวันนั้นของเราสดใสขึ้นมาได้”

 

ลูกอม และ กาแฟ

ของอร่อยทำให้หัวใจพองโต

อิ้งค์หยิบ กล่องลูกอมรสมินต์ ออกมา ตามด้วย กาแฟสติ๊กซองเล็กๆ สองสิ่งที่เธอมักจะพกติดตัวไว้ให้ตัวเองสดชื่น อิ้งค์เริ่มต้นวันใหม่ด้วยกาแฟสักแก้วเป็นประจำอยู่แล้ว และหากวันไหนต้องออกไปทำงานข้างนอก เธอมักจะพกกาแฟติดกระเป๋าไว้บูสต์พลังให้ตัวเองสดชื่นอยู่เสมอด้วย

“อิ้งค์เริ่มดื่มกาแฟตอนทำงานเป็นศิลปิน แรกๆ จะดื่มกาแฟนม หลังจากนั้นก็ลองดื่มแบบใส่ไซรัป หรือน้ำส้มบ้าง เพราะมันทำให้เราเข้าถึงกาแฟได้ไม่ยาก พอเริ่มดื่มจริงจังก็เข้าสู่โลกของกาแฟเต็มตัว ตอนนี้ก็เริ่มเรียนรู้แล้วว่ามีกาแฟแบบไหนบ้าง แต่ช่วงนี้เน้นความสะดวก สบาย พกไปทำงานด้วยง่าย”

เธอพูดถึง Blendy stick Cafe au Lait ที่โด่งดังในญี่ปุ่น กาแฟซองเล็กที่เธอถืออยู่ในมือ

“อิ้งค์เคยชิมเบลนดี้ครั้งแรกที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นดื่มทุกวันเลยเพราะรู้สึกว่ารสชาติมันนุ่มและละมุนมากๆ พอมีในไทยเราก็แฮปปี้มากเพราะเป็นกาแฟที่เราคิดถึง เวลาทำงานดึก พอถึงช่วงพักอิ้งค์ก็พกเบลนดี้ติดตัวไว้ดื่ม”

“พอมาทำงานจริงๆ กาแฟช่วยเราได้ในทุกสถานการณ์ ตอนเช้าก็ดื่มกาแฟเพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าสัญญาณของวันใหม่เริ่มแล้ว เวลาออกไปต่างจังหวัด ไปทำงาน พอร่างกายได้รับกาแฟเข้าไป มันรู้สึกมีพลัง อีกอย่างถ้าเป็นกาแฟรสนุ่มๆ มันก็ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายด้วย ดื่มเข้าไปแล้วเราแฮปปี้มาก รู้สึกว่าวันนั้นต้องเป็นวันที่ดีแน่ๆ”

อิ้งค์ปิดท้ายบทสนทนา ด้วยเรื่องเล่าของกาแฟแก้วโปรด หนึ่งสิ่งในกระเป๋าผ้าใบนั้นที่ยังคงช่วยให้เธอผ่อนคลาย พร้อมแจกความสดใสให้กับทุกคนอยู่เสมอ